เบรก "คริปโท" ชำระค่าสินค้า ฉุดโอกาสดึงต่างชาติ-คนรุ่นใหม่ซื้ออสังหาฯ

หลัง ก.ล.ต. ร่วมกับแบงก์ชาติ เปิดเกณฑ์คุมสินทรัพย์ดิจิทัล เล็งห้ามนำ "คริปโท" มาชำระค่าสินค้าและบริการอสังหาฯ ระบุไม่กระทบยอดขายแต่เสีย "โอกาส" ดึงดีมานด์ต่างชาติ-คนรุ่นใหม่ซื้ออสังหาฯ หวั่นอาจทำให้ประเทศไทยตกขบวนตามประเทศอื่นไม่ทัน

อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทยและประธานกรรมการบริหาร บริษัทริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าถ้า ก.ล.ต. ร่วมกับแบงก์ชาติ ออกมาเป็นคำสั่งหรือกฏหมายก็คงต้องปฏิบัติเสมอภาคกันทุกคน แล้วไปรอเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะออกมากลางปีนี้มาเป็นเครื่องมือใหม่

ซึ่งเป็นอำนาจของหน่วยงานรัฐ จากเดิมที่เขาระบุว่าไม่สนับสนุนให้นำมาเป็นค่าใช้จ่าย ควรจะมีเพื่อการซื้อทรัพย์สิน การลงทุนระยะยาวจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินและระบบเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงเป็นป้องกันความเสี่ยงเรื่องการฟอกเงิน

แต่ต้องยอมรับว่า การห้ามไม่ให้ใช้คริปโทซื้อขายอาจทำให้เสีย "โอกาส" ในการซื้อขายอสังหาฯ กับลูกค้าต่างชาติที่ยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศได้จากสถานการณ์โควิด แต่ไม่ส่งผลกระทบในแง่รายได้ ยอดขายอสังหาฯ รุนแรง เพราะฐานลูกค้ายังน้อย

เนื่องจากภาคอสังหาฯ เพิ่งเริ่มมีการเปิดให้ซื้อขายผ่านคริปโทช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 ที่ผ่านมา เป็นจุดเริ่มต้นการนำคริปโทเข้ามาเป็น "เครื่องมือ" ในการอำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่และชาวต่างชาติเพื่อเพิ่มช่องทางขายและการทำตลาดมากขึ้นในการดำเนินธุรกิจ

ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันมีผู้สนใจในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทำให้มองว่าจะเป็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มนิวเจนที่คุ้นเคยกับการใช้เงินดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ซึ่งภาครัฐรับรู้มาตลอดแต่ไม่ลงมือทำอะไร

จนกระทั่งค่ายอสังหาฯ หลายแห่งรับชำระเงินสกุลดิจิทัล (คริปโทฯ) เพื่อเป็นอีกช่องทางที่ "รองรับ" คนรุ่นใหม่และชาวต่างชาติซื้ออสังหาฯ สะดวกขึ้น ในส่วนของริชี่เพลซได้มีลูกค้าซื้อขายคอนโดยใช้คริปโทฯ 1 ยูนิต แล้วแลกมาเป็นเงินบาทโอนมาให้บริษัท

อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฎิบัติการ บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หากมีกฏระเบียบออกมา ห้ามใช้คริปโทฯ ชำระค่าสินค้า ไม่ส่งผลกระทบอสังหาฯ เพราะนำคริปโทฯ ไปเทรดเป็นเงินบาทแล้วนำเงินบาทออกมาจ่ายเท่านั้น เพราะไม่ได้ห้ามเทรดคริปโท

ในความเป็นจริงแล้ว คริปโทฯ ถือเป็นเครื่องมือในการเป็นสื่อกลางการซื้อขาย ซึ่งที่ผ่านมา ธปท. อาจกังวลว่าคริปโทฯ จะมีสภาพคล่องสูงขึ้น   

"ปัจจุบันลูกค้าที่ถือคริปโทฯ อยากจะซื้อคอนโดแสนสิริอย่างมาก เขาก็นำบิทคอยน์ไปเทรดในตลาดเปลี่ยนเป็นเงินบาท มาซื้อมีค่าเท่ากัน แค่ transaction ขึ้นมาอีกระดับหนึ่งเท่านั้น"

อุทัย ระบุว่า ที่ผ่านมาเหตุผลที่แสนสิริสนใจที่ขายบ้านและคอนโดผ่านคริปโทฯ เนื่องจากเด็กรุ่นใหม่นี้เทรดคริปโทฯ กันแทบทุกคน แสนสิริในฐานะเจ้าของสินค้าและบริการต้องการอำนวยความสะดวกสบายให้กับเขาในฐานะลูกค้า โดยการโอนเหรียญคริปโทฯ มาให้แสนสิรินำไปขายต่อ ได้เงินบาทกลับมาทันที แทนที่เขาจะเทรดเอง

จากแนวคิดดังกล่าว อาจมีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับภาษีคริปโทฯ ประกอบกับกลางปีนี้จะมีเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมา ทดลองใช้ผ่านบาทคอยน์และมีกระเป๋าเงินดิจิทัลมารองรับ

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่แน่ใจจะว่า วิธีนี้จะสามารถต้านกระแสโลกได้หรอ!? เพราะทั่วโลกยอมรับเรื่องดิจิทัลแอทเสท ไม่ว่าเป็น บิทคอยน์, อีเธอเรียม หากมีข้อจำกัดออกมา อาจทำให้ประเทศไทยตามประเทศอื่นไม่ทัน 

ขอบคุณภาพและข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ

https://www.bangkokbiznews.com/business/984633