News
icon share

ส่องโอกาสอสังหาฯ หลังโควิด รับเมกะเทรนด์กับ 4 เจนเนอเรชั่น

jitkamon.k 2022-04-01 10:57:35
ส่องโอกาสอสังหาฯ หลังโควิด รับเมกะเทรนด์กับ 4 เจนเนอเรชั่น

หลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้วงการอสังหาฯ หันมาให้ความสำคัญกับ Mega Trends หลักที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในวิถีชีวิตปกติใหม่ (New Normal) ที่เปลี่ยนไปของ 4 เจนเนอเรชั่น

 

นางสุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์คอนซัลติ้ง จํากัด หรือ เทอร์ร่า บีเคเค กล่าวว่า จากผลการสำรวจ กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,000 คน ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเป็นกลุ่มผู้ที่มีรายได้ส่วนบุคคลตั้งแต่ 12,000 บาท - มากกว่า 160,000 บาท

 

โดยแบ่งสัดส่วนรายได้เป็นกลุ่ม A - B ที่มีระดับราคารายได้ 35,001 บาท - มากกว่า 160,000 บาท 58% และกลุ่ม C ที่มีระดับราคารายได้ 12,000 บาท - 35,000 บาท สัดส่วน 42%

 

และแบ่งเป็นกลุ่มเจเนอเรชันต่างๆ คือ เบบี้บูมเมอร์ 6% เจนเอ็กซ์ 37% เจนวาย 51% เจนซี 7% พื้นที่อยู่อาศัย แบ่งเป็นอาศัยในต่างจังหวัด 14% กรุงเทพฯและปริมณฑล 86% สถานภาพโสด 47% แต่งงาน (มีลูก) 24% มีแฟน (ไม่ได้แต่งงาน) 10% แต่งงาน (ไม่มีบุตร) 9% อยู่ด้วยกัน (ไม่ได้แต่งงาน) 5%

ส่องโอกาสอสังหาฯ หลังโควิด รับเมกะเทรนด์กับ 4 เจนเนอเรชั่น 

 

ซึ่งภาพรวมผลสำรวจ พบว่าความสนใจในการซื้อที่อยู่อาศัย บ้านเดี่ยวมีสัดส่วนสูงสุดอยู่ที่ 63% คอนโดมิเนียม 39% ทาวน์เฮาส์ 28% บ้าน/คอนโด ตากอากาศ 18% บ้านแฝด13%

 

ความสนใจในการซื้อที่อยู่อาศัยในแต่ละเจนเนอเรชั่น กลุ่มเจนซี เจนวาย เจนเอ็กซ์ และเบบี้ บูมเมอร์ อันดับหนึ่ง คือ บ้านเดี่ยว มีสัดส่วนประมาณ 58 - 67% รองลงมาเป็นคอนโดมิเนียม มีสัดส่วน 38 - 42% และงบประมาณส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 3 - 5 ล้านบาท รองลงมา 2 - 3 ล้านบาท และระดับราคา 5 - 7 ล้านบาท

 

ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ในแต่ละเจนเนอเรชั่น พบว่าเจนซี ที่มีอายุระหว่าง 20 - 26 ปี เจนวาย มีอายุระหว่าง 27 - 40 ปี และเจนเอ็กซ์ มีอายุระหว่าง 41 - 55 ปี มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ ด้วยเหตุผลอันดับแรกคือ ต้องการที่อยู่เป็นของตนเอง รองลงมาต้องการสังคมที่ดีขึ้น /ปลอดภัยขึ้น อันดับสาม ต้องการซื้อเพื่อลงทุน/ ให้เช่า/เก็งกำไร 

 

ขณะที่กลุ่มเบบี้บูมเมอร์ที่มีอายุมากกว่า 55 ปีขึ้นไป มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ ด้วยเหตุผลอันดับหนึ่ง คือ ซื้อเพื่อลงทุน/ ให้เช่า/เก็งกำไร รองลงมาคือ เนื่องจากที่อยู่เดิมคับแคบ/ เก่า และอันดับสาม ต้องการสังคมที่ดีขึ้น /ปลอดภัยขึ้น

 

ขณะที่กลุ่มเบบี้บูมเมอร์ที่มีอายุมากกว่า 55 ปีขึ้นไป มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ ด้วยเหตุผลอันดับหนึ่ง คือ ซื้อเพื่อลงทุน/ ให้เช่า/เก็งกำไร รองลงมาคือ เนื่องจากที่อยู่เดิมคับแคบ/ เก่า และอันดับสาม ต้องการสังคมที่ดีขึ้น /ปลอดภัยขึ้น

 

ส่วนสื่อหลักที่ใช้ในการค้นหาที่อยู่อาศัย อันดับแรกคือ เฟซบุ๊ก เว็บไซต์เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย เว็บไซต์ของดีเวลลอปเปอร์ เสิร์ชเอนจิน ยูทูบ แต่ที่ต่างระหว่างเจนซีกับเจนวายคือ อันดับสองของเจนวายจะเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย ขณะที่เจนซี จะเป็นเสิร์ชเอนจิน

 

นางสุมิตรา กล่าวว่าต่อว่า เทรนด์ของที่อยู่อาศัย ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมี 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1. การประหยัดพลังงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย 2.ความคุ้มค่า คุ้มราคา และ 3. มาตรการรักษาความปลอดภัย และจากผลการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือน มี.ค.2565 พบว่าเพิ่มขึ้นมา 85.35 มากกว่าปลายปี 2564 ที่ทำการสำรวจ

 

“ที่ผ่านมาพบว่า ดีเวลลอปเปอร์ลุยเปิดตัวโครงการแม้ว่ายอดการจองไม่เยอะ ก็ยังดี เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นจากการจ่ายเงินของคนที่ซื้อด้วยเงินสด! กล่าวคือเป็นกลุ่มคนที่ไม่ต้องกู้ธนาคาร หรือกู้ในจำนวนน้อย ซึ่งเป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ที่มีกำลังซื้อ ที่สามารถโอนได้เลย ”

 

ขณะที่การสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคพบว่า รู้สึกมั่นใจ แต่กลุ่มคนที่ยังรู้สึกว่ายังไม่มั่นใจคือกลุ่มทำงานฟรีแลนซ์ ที่ยังได้รับผลกระทบอยู่ และกลุ่มที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางอย่าง ครู บัญชี แพทย์ พยาบาล ทนายความ วิศวกร ฯลฯ 33.33 ซึ่งเป็น 2 กลุ่มที่มีความรู้สึกว่าตนเองมีความเสี่ยงอยู่แต่โดยภาพรวมสถานทางการเงิน มองในด้านบวกในปีนี้และ 3 - 5 ปี ต่อจากนี้ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับดีเวลลอปเปอร์ ในปีนี้ว่าธุรกิจกลับมาขับเคลื่อนได้และไปต่อได้

 

นอกจากนี้ 5 เมกะเทรนด์ ที่น่าจับตามอง ได้แก่ 

1. SECURITY CONVERGENCE ความปลอดภัยผ่านระบบอินเทอร์เน็ต สามารถสแกนหน้า ลายนิ้วมือได้ รวมถึงความปลอดภัยในเนื่องของข้อมูลส่วนบุคคลด้วย ยิ่งเป็นโครงการระดับไฮเอนด์ลูกค้าต้องการสิ่งเหล่านี้ 

 

2. SMART ENERGY NETWORK เครือข่ายพลังงานอัจฉริยะ เมื่อบ้านมีโซลาร์เซลล์แล้วยังสามารถเชื่อมโยงไวไฟ ที่สามารถควบคุมได้อัตโนมัติแทนคน เช่น การใช้เซนเซอร์ต่างๆ เข้ามา รองรับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น รวมทั้งรองรับการไลฟ์สไตล์การทำงานที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) จะกลายเป็นวิถีชีวิตใหม่ของคนยุคนี้ 

 

3. SUSTAINABLE COOLING โดยมองว่าทุกวันนี้ปัญหาความร้อนไม่ได้เกิดจากแสงแดดอย่างเดียว แต่ยังเกิดจากการคอมเพรสเซอร์แอร์ที่มีผลทำให้อากาศร้อนขึ้น โดยเฉพาะกรุงเทพฯ จึงเป็นเรื่องเหมาะที่จะนำโซลาร์เซลล์มาใช้ 

 

4. SEAMLESS TRANSITION การเปลี่ยนแปลงไร้รอยต่อ 

 

5. METAVERSE การผนวกสภาพแวดล้อมของโลกแห่งความจริงและเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน จนกลายเป็น “ชุมชนโลกเสมือนจริง”

 

นางสุมิตราแนะว่า ดีเวลลอปเปอร์จำเป็นต้องให้ความสนใจกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเจนซีซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าในอนาคต ดังนั้นการทำโฆษณาใหม่เพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่จำเป็นต้องเข้าสู่ Metaverse และอาจมีสำนักงานขายฝังตัวอยู่ใน Metaverse ด้วย เป็นอีกหนึ่งในช่องทางสร้างประสบการณ์ให้ผู้เข้ามาเยี่ยมชมโครงการได้ดีมากขึ้น

 

ขอบคุณภาพและข่าวจากกรุงเทพธุรกิจ

https://www.bangkokbiznews.com/business/996875

 

>> ช่องทางในการติดตามข่าวสาร <<
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @livinginsider ที่นี่

บทความอื่นๆ

livinginsider livinginsider