รายการโปรด
สำรวจผลประกอบการอสังหาริมทรัพย์ 36 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยไตรมาสแรกของปี 2565 ยอดรับรู้รายได้หด ติดลบ 2.86% กำไรร่วง ติดลบ 18.97% เพราะสงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อเกินคาดหลังลุยลงทุนเปิดโครงการเพียบ จับตา 10 บริษัทกวาดแชร์ 76%
สงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งเริ่มเปิดฉากเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2565 และยืดเยื้อจนถึงปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อโครงการที่อยู่อาศัยอย่างชัดเจน เมื่อประเมินจากผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 36 บริษัท
โดยก่อนหน้านี้ สถานการณ์โควิด 2 ปี (2563-2564) ที่คลี่คลายลงจากการฉีดวัคซีน ทำให้ตั้งความหวังว่าปี 2565 เศรษฐกิจมีแนวโน้มเริ่มฟื้น ดีเวลอปเปอร์จึงกลับมาเปิดตัวบ้านและคอนโดมิเนียมมากขึ้น โดยไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดสงคราม
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LPN Wisdom หรือ LWS) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมการเปิดตัวโครงการในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 4 เดือนแรก (มกราคม-เมษายน 2565) มียอดเปิดตัวใหม่ 28,564 หน่วย เพิ่มขึ้น 120% เทียบกับ4 เดือนแรกปี 2564 คิดเป็นมูลค่า 103,078 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% มีอัตราการขายเฉลี่ย ณ วันเปิดตัว 25% ของจำนวนหน่วยที่เปิดขาย
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 1/65 ภาพรวม 36 บิ๊กแบรนด์ในตลาดหลักทรัพย์ฯพบว่า รายได้รวมและกำไรสุทธิลดลง โดยมีรายได้รวมกัน 67,724.22 ล้านบาท ลดลง 2.86% มีกำไรสุทธิ 7,327.59 ล้านบาท ลดลง 18.97%
โฟกัส 10 บิ๊กแบรนด์ที่มีรายได้สูงสุดประจำไตรมาส (ดูตาราง) มีรายได้รวม 51,768.70 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถึง 76.44% ของรายได้ 36 บริษัทรวมกัน
ทั้งนี้ บมจ.เอพี ไทยแลนด์ มีรายได้สูงสุด 10,857.78 ล้านบาท โต 17.68% เทียบไตรมาส 1/64 ส่วนแชมป์ทำกำไรสุทธิสูงสุดยังคงเป็นของ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำนวน 1,932.07 ล้านบาท เติบโต 10.90% ความสามารถในการทำกำไร (net profit margin) ลดลงเหลือ10.81% เทียบกับไตรมาส 1/64 สามารถทำกำไรเฉลี่ย 12.97%
สถิติที่น่าสนใจในไตรมาส 1/65 ยังรวมถึงสินค้าคงเหลือ+สินค้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอยู่ในช่วงขาขึ้น เปรียบเทียบกับไตรมาส 4/64 ณ 31 ธันวาคม 2564 สินค้าสะสมของ 36 บริษัทอยู่ที่ 544,867.65 ล้านบาท ขณะที่สถิติจบไตรมาส 1/65 เพิ่มขึ้น 2.47% อยู่ที่ 558,332.74 ล้านบาท
แนวทางประเมินสถิติที่เกิดขึ้น มองว่าเป็นผลจากบริษัทอสังหาฯเร่งเปิดตัวโครงการใหม่ในไตรมาส 1/65 นั่นเอง เจาะรายละเอียดสต๊อกบ้านและคอนโดฯพบว่า มี 14 บริษัทจาก 36 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯที่มีสต๊อกสะสมมูลค่าเกิน 10,000 ล้านบาท
ได้แก่ บมจ.เอพี ไทยแลนด์, แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, พฤกษา เรียลเอสเตท, ศุภาลัย, แสนสิริ, เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น, ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้, เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย, แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ หรือ LPN, ควอลิตี้เฮ้าส์, พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค, โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์, อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ และเสนา ดีเวลลอปเม้นท์
ในที่นี้ ดึงข้อมูลท็อป 5 ที่มีสต๊อกสูงสุด ประกอบด้วย 1.บมจ.ศุภาลัย มูลค่า 62,865.76 ล้านบาท 2.บมจ.แสนสิริ มูลค่า 57,056.38 ล้านบาท 3.บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท มูลค่า 55,291.82 ล้านบาท 4.บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มูลค่า 47,789.43 ล้านบาท และ 5.บมจ.เอพี ไทยแลนด์ มูลค่า 47,144.89 ล้านบาท
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า ไตรมาส 1/65 สร้างรายได้รวมจากแนวราบ กลุ่มคอนโดมิเนียม (100% JV) และธุรกิจอื่น ๆ สูงถึง 13,084 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.5% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 กำไรสุทธิ 1,730 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.3% สัดส่วนหนี้สินต่อทุน 0.49 เท่า
ดังนั้น ไตรมาส 2/65 เชื่อว่าจะมีทิศทางการเติบโตที่ดีขึ้น จากปัจจัยลูกค้าคลายกังวลโควิด บวกกับนโยบายเปิดประเทศสร้างความเชื่อมั่น เอพีเตรียมเปิดตัวใหม่ 11 โครงการ มูลค่า 16,240 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว 1 โครงการ 3,400 ล้านบาท ทาวน์โฮม 8 โครงการ 7,240 ล้านบาท คอนโดฯ 2 โครงการ 5,600 ล้านบาท
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ. ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า เน้นเจาะลูกค้าเรียลดีมานด์ ทำให้มียอดรับรู้รายได้เติบโตต่อเนื่อง โดยไตรมาสแรกมีอัตรากำไรสุทธิ 20.7% อัตรากำไรขั้นต้น (GP-gross profit) 39.1% ปี 2565 ตั้งเป้าลงทุนเปิดตัวใหม่ 10-12 โครงการ มูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท ในไตรมาส 2/65 เปิดตัวแล้วและเตรียมพรีเซลรวม 8 โครงการ มูลค่า 6,000 ล้านบาท
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า การเปิดประเทศเป็นโอกาส เพราะอนันดาฯเป็นผู้นำตลาดคอนโดฯ ติดรถไฟฟ้า คาดว่าไตรมาส 2/65 จะเริ่มทำยอดขายและรับรู้รายได้ก้าวกระโดดจาก 2 โครงการสร้างเสร็จล่าสุด มูลค่า 6,000 ล้านบาท
และมี 6 โครงการเตรียมปิดการขาย มูลค่า 9,812 ล้านบาท อาทิ อาร์เทล เอกมัย-รามอินทรา 1,531 ล้านบาท, ไอดีโอ สาทร-วงเวียนใหญ่ 2,352 ล้านบาท ฯลฯ ควบคู่กับแผนเปิดตัวใหม่ 7 โครงการ มูลค่า 29,098 ล้านบาท พร้อมออกหุ้นกู้ 3,000 ล้านบาทในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บมจ. แสนสิริ เปิดเผยว่า ยอดขาย 4 เดือนทะลุ 10,500 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 30% จากเป้า 35,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 7,400 ล้านบาท สัดส่วน 70% และคอนโดมิเนียม 3,100 ล้านบาท สัดส่วน 30%
แผนลงทุนไตรมาส 2/65 แสนสิริวางแผนเปิดตัวใหม่ 11 โครงการ มูลค่ารวม 13,800 ล้านบาท ไฮไลต์ทำเลกรุงเทพกรีฑา เป็นโครงการที่ 3 โดยร่วมทุนกับกลุ่มโตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประเทศญี่ปุ่น
ขอบคุณภาพและข่าวจากประชาชาติธุรกิจ
https://www.prachachat.net/property/news-936258
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ขึ้นแท่นอันดับ 1 ด้านคุณภาพการบริหารจัดการระดับสากล กวาด ISO มากที่สุด ครบ 3 มาตรฐานครอบคลุมทุกมิติ เป็นเจ้าแรกในประเทศไทย
2022-07-14
นัมเบอร์วันเฮ้าส์ซิ่ง ดิเวลลอปเม้นท์ ส่งโครงการ THE ONE life bangna บุกเมกาบางนา บ้านเดี่ยวอารมณ์รีสอร์ตใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติ ทำเลต้นบางนา
2022-07-14
Last Call Promotion!! กับแคมเปญ “ชีวาทัยเป็นได้มากกว่าเพื่อน” หมดเขต 31 ก.ค.นี้เท่านั้น
2022-07-14
ASW เสริมกลยุทธ์ Lifestyle Community จัด Monstr Concert Festival Series#1 ตอบรับไลฟ์สไตล์ลูกบ้านโครงการคอนโดฯ เคฟทาวน์ สเปซ
2022-07-14
เตือนภัยขอสินเชื่อบ้าน-ที่ดินระวังโดนโกง
2022-07-11
อ่านไม่เบื่อเลยค่ะ
ชอบมากๆๆ ไอเดียดีมาก
ริวิวเวอร์จริงๆค่ะ ฮ่าๆ ครบถ้วนดี