รายการโปรด
บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) “เปิดตัวโครงการ เอส อ่างทอง” นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศสำหรับอาหาร และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ตั้งเป้าเป็น World Food Valley ชูแนวคิด Enriching Tomorrow ในการสร้างคุณค่าและความยั่งยืนให้ทุกชีวิต
ด้วยธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน สังคม ส่งเสริมการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน สอดรับการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสิงห์ เอสเตท พร้อมเริ่มรับรู้รายได้ปีนี้ ตั้งเป้าขายโครงการหมดภายใน 6 ปี สร้างรายได้รวมกว่า 4,000 ล้านบาท และยังสร้าง Recurring income อีกอย่างน้อยปีละ 150 ล้านบาทในระยะยาว
นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าว ว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาตั้งแต่ปี 2014 และเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้กลยุทธ์กระจายการลงทุนเพื่อสร้างความหลากหลายใน 4 กลุ่มธุรกิจที่เชื่อมโยงกัน
ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้อย่างสม่ำเสมอ โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงสร้างธุรกิจแบ่งเป็น 4 กลุ่มธุรกิจทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ประกอบด้วย ธุรกิจพักอาศัย ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจสำนักงานให้เช่าและพื้นที่ค้าปลีก และล่าสุดธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน โดยกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม และโครงสร้างพื้นฐานของสิงห์ เอสเตท แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ
1) ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน: ครอบคลุมธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจบริการด้านวิศวกรรม และธุรกิจบริการ รวมถึงนวัตกรรมต่างๆ
2) ธุรกิจโรงไฟฟ้า: ร่วมทุนเพื่อดำเนินงานโรงไฟฟ้า จำนวน 3 โรง ขนาดกำลังการผลิตรวมกว่า 40 เมกะวัตต์ ซึ่งมีสัญญาซื้อขายกับกฟผ. แล้วราว 70% เป็นเวลา 25 ปี โดยบริษัทจะมีการรับรู้ผลการดำเนินงานของธุรกิจผ่านส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจร่วมค้า
3) นิคมอุตสาหกรรม: สร้างนิคมอุตสาหกรรมที่สร้างคุณที่ยั่งยืนให้กับลูกค้า ชุมชน สังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนและส่งเสริมศักยภาพด้านเศรษฐกิจ
นางฐิติมา ยังกล่าวถึงที่มาของนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศแห่งนี้ด้วยว่า ตอนนี้ประเทศไทย กำลังอยู่ในช่วงการพลิกวิกฤตเป็นโอกาสในการรับมือกับสถานการณ์ความมั่นคงด้านอาหารโลก และก้าวสู่ 1 ใน 10 ประเทศผู้ส่งออก ตามแนวทางการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ระยะที่ 1 ของกระทรวงอุตสาหกรรม
ในปัจจุบันประเทศไทยเรายังมีความต้องการนิคมอุตสาหกรรมที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนธุรกิจอาหารและธุรกิจเกี่ยวเนื่องโดยเฉพาะ สิงห์ เอสเตท จึงเห็นถึงโอกาสในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม โดยเลือกพื้นที่อ่างทองซึ่งเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงเพราะเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อวัตถุดิบอาหารที่สำคัญของไทย
และยังสะดวกในการขนส่งวัตถุดิบจากภาคเหนือและภาคกลางตอนบนสู่ศูนย์กระจายสินค้าหลักของประเทศอีกด้วย นอกจากนั้นอ่างทองยังพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาล โรงเรียน แหล่งช้อปปิ้ง มีแรงงานจำนวนมากรองรับการความต้องการของผู้ประกอบการ
สำหรับแนวทางในการพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง นั้น นายกำจร ลีประพันธ์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส. ไอเอฟ. จำกัด กล่าวเสริมว่า โครงการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับอุตสาหกรรมอาหารและธุรกิจเกี่ยวเนื่องบนพื้นที่โครงการ 1,776 ไร่
ตั้งอยู่ริมถนนสายเอเชีย กม.63 ต. ไชยภูมิ อ. ไชโย จ. อ่างทอง ห่างจากสนามบินและท่าเรือขนส่งเพียงแค่ 1ชั่วโมงครึ่ง พร้อมไปด้วยโครงสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่เพียงพอ มั่นคง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 3 โรง ขนาดกำลังการผลิตรวมกว่า 400 เมกะวัตต์ พร้อมระบบจ่ายไฟฟ้า 22 KV และ 115 KV รองรับผู้ประกอบการที่มีความต้องการไฟฟ้าในปริมาณมากและมีเสถียรภาพสูง
รวมถึงสาธารณูปโภคอื่นๆ เช่น น้ำประปา ก๊าซธรรมชาติ และพลังงานทางเลือก พร้อมทั้งระบบเครือข่ายโทรคมนาคม ระบบ 5G และอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ครอบคลุมทุกพื้นที่โครงการ นอกจากนี้ยังได้พัฒนาพื้นที่ค้าปลีก เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ พนักงาน และประชาชนทั่วไป ได้ใช้ประโยชน์สูงสุดจากพื้นที่ของเราอีกด้วย
โดยแบ่งเป็นพื้นที่โครงการทั้งหมด: 1,776 ไร่ เป็นพื้นที่ขาย: 993 ไร่ พื้นที่พาณิชยกรรมพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน: 34 ไร่ พื้นที่สีเขียว: 148 ไร่ ระบบสาธารณูปโภค: 214 ไร่ อ่างเก็บน้ำ: 384 ไร่ สามารถกักเก็บน้ำปริมาณ 6.12 ล้าน ลูกบาศก์เมตร
โดยพื้นที่อุตสาหกรรมเบา 393 ไร่ถูกจัดโซนอยู่บริเวณรอบโครงการ เพื่อความคล่องตัวของแต่ละประเภทธุรกิจ พื้นที่อุตสาหกรรมอาหารและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง 600 ไร่ ถูกจัดโซนพื้นที่เพื่อให้ใกล้กับแหล่งพลังงานไอน้ำเพื่อประหยัดต้นทุนในการใช้พลังงาน
ที่สำคัญ นิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทองนี้ ยังมุ่งสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับสังคมและยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยนำแนวคิด “Enriching Tomorrow” มาพัฒนาโครงการ ผ่านระบบโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานคาร์บอนต่ำที่เหมาะสมกับธุรกิจอาหารและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ครอบคลุมทั้ง:
แหล่งพลังงานคาร์บอนต่ำตอบโจทย์อนาคต (Climate change mitigation)
ระบบการบริหารจัดการของเสียและนำกลับมาใช้อย่างรู้คุณค่า (Responsible consumption)
ส่งเสริมคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจชุมชน (Sustainable community)
นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ครบครัน เหมาะกับนิคมอุตสาหกรรมอาหารที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว การเดินทางในโครงการ ยังสะดวกสบาย ด้วยถนนสายหลักที่มีถึง 4 เลน เขตทางกว้าง 35 เมตร ออกแบบอย่างใส่ใจเพื่อความปลอดภัย
และยังมีเทคโนโลยีโครงข่าย Internet ความเร็วสูง (FTTx) และ IOT และเครือข่าย โทรคมนาคมที่ครอบคลุม พร้อมระบบ CCTV เพื่อความปลอดภัย อีกทั้งพื้นที่สีเขียวกว่า 148 ไร่ ยังเป็นพื้นที่พักผ่อนให้กับผู้คนในโครงการเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนอีกด้วย
สำหรับแผนธุรกิจของโครงการนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง นั้น นางฐิติมาเผยว่าบริษัทฯ วางแผนการขายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งหมดภายใน 6 ปี มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมรับ Recurring income อีกปีละกว่า 150 ล้านบาท
และในปี 2022 นี้ ตั้งเป้าขายที่ 15% ของพื้นที่ทั้งหมด คิดเป็นพื้นที่ 149 ไร่ มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันได้เตรียมพร้อมรับรู้รายได้จากการขายให้โรงไฟฟ้าบี.กริม เพาเวอร์ อ่างทอง 2 และ 3 จำนวน 78 ไร่ ภายในไตรมาส 3 ปี 2022 นี้
ภาพรวมของเศรษฐกิจที่เริ่มกลับมาดีขึ้นหลังสถานการณ์โควิด-19 เชื่อว่าจะส่งผลให้ยอดขายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเติบโตขึ้นอีก และจากผลสำรวจพบว่าราคาที่ดินนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจังหวัดในภาคกลาง จึงมั่นใจว่านิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เอส อ่างทอง จะสร้างโอกาสใหม่ให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะในธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
พฤกษา เปิดตัว “เดอะ ปาล์ม เรสซิเดนเซส พัฒนาการ” เวลเนส เรสซิเดนซ์ระดับซูเปอร์อัลตราลักชูรี ชูจุดเด่นบ้านประหยัดพลังงานแห่งแรกในไทย เริ่ม 45-80 ลบ.
เมื่อวานนี้
📲ทุกฟีเจอร์ตัวช่วยเรื่องอสังหาฯ รวมไว้ให้คุณแล้วใน Livinginsider แอปเดียวจบ!!
เมื่อวานนี้
Livinginsider พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่💡Prop360 All-in-one Smart Hub for Real Estate Agent ระบบ CRM ที่ทำให้การจัดการข้อมูลลูกค้า…เป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคย
เมื่อวานนี้
🔥สรุปภาพรวมสถิติข้อมูลการค้นหาบนแพลตฟอร์ม Livinginsider.com ในปี 2024 ที่ส่งผลต่อทิศทางของตลาดอสังหาฯ ไทยในอนาคต
เมื่อวานนี้
Reference Ekkamai X Norse Republics จัดงาน Exhibition “Live Where Design Matters” นำเฟอร์นิเจอร์สแกนดิเนเวีย ตั้งแต่วันนี้–22 ธ.ค. 67
เมื่อวานนี้
บทความดีๆ ก็ที่นี่หล่ะนะ
ขอบคุณมาดครับ
เป็นประโยชน์มากครับ กำลังตัดสิ้นใจพอดีครับ
อ่านง่าย เข้าใจง่าย ไว้จะเข้ามาอ่านบ่อยๆค่ะ
น่าติดตามค่ะ
รีวิวเขียนดีจังค่ะ