รายการโปรด
รู้ไหมว่า.... รอบๆ จุฬาฯ สามย่าน คือ หนึ่งในทำเล ที่มีผู้ค้นหาตลอดทั้งปี นั่นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาอสังหาฯแถวนี้ขยับขึ้นทุกปี แถมมีคนหาเช่าคอนโดตลอดเวลา
แต่ทำไม ทำเลนี้ ถึงไม่ค่อยมีคอนโดใหม่ๆ เกิดขึ้นเท่าไหร่?
สาเหตุคือ...ทำเล จุฬาฯ สามย่าน ที่ดินเกือบทั้งหมด จะเป็นที่ดินของทรัพย์สินราชการ ซึ่งไม่สามารถหาซื้อที่ดินที่สามารถพัฒนาโครงการคอนโดได้ และนั่นคือ สาเหตุสำคัญที่ คอนโดในทำเลนี้ กลายเป็นของหายาก แบบ Limeted Edition ไปโดยปริยาย
วันนี้เราโชคดีมากๆ ที่ได้มีโอกาส ไปชมโครงการใหม่ ที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ แบบที่เรียกได้ว่า พร้อมเข้าอยู่ทันทีเลย ซึ่งเป็นหนึ่งในคอนโดที่คุณสามารถเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แบบถาวร Freehold บนทำเล ‘จุฬาฯ สามย่าน’
Chapter Chula-Samyan (แชปเตอร์ จุฬา - สามย่าน)
“Curated Living Experience”
อาจารย์บอกใช่ นักศึกษาบอกชอบ
ตอบโจทย์ทุกประตู อยู่เองก็ได้ ให้เช่าก็ดี
ทำเลที่ตั้งของโครงการจะอยู่บนถนนสี่พระยา อีกทั้งหน้าโครงการเป็นแบบ Two-Way ทำให้เชื่อมไปยังถนนพระราม 4 ก็ง่าย หรือออกไปเส้นสีลม-สาทร ก็สะดวกสบาย รวมถึงยังอยู่ใกล้ MRT สถานีสามย่าน ที่ห่างจากตัวโครงการประมาณ 600 เมตร
ขณะที่สิ่งอำนวยความสะดวกเชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะทำเลนี้นับเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ขึ้นชื่อใจกลางเมือง ไม่ว่าจะเป็น สามย่านมิตรทาวน์ หรือย่านสยาม ที่มีห้างสรรพสินค้าให้เลือกช้อปมากมาย แม้แต่สตรีทฟู้ดอย่างเยาวราชก็อยู่ไม่ไกลจากโครงการ
และที่บอกไปว่าทำเลนี้ยังอยู่ใกล้สถานศึกษาชั้นนำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่อยู่ห่างจากโครงการเพียงไม่กี่ร้อยเมตร อีกทั้งสถานพยาบาลก็อยู่ไม่ไกลโดยใช้เวลาไม่นานก็ถึง และยังใกล้อุทยาน 100 ปี สวนสาธารณะขนาดใหญ่อีกด้วย
ด้วยเหตุนี้จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “Chapter จุฬา - สามย่าน” คือ โครงการที่ตั้งอยู่บนสุดยอดทำเลศักยภาพ ที่โดนใจคนรุ่นใหม่อย่างมาก
โดย ‘แชปเตอร์ จุฬา-สามย่าน’ เป็นโครงการระดับไฮเอนด์ จากบริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท น้องใหม่ล่าสุดที่เพิ่งสร้างเสร็จพร้อมอยู่แบบสดๆ ร้อนๆ บนทำเลแห่งนี้ ที่สามารถสร้างคาแรกเตอร์ได้ชัดเจนและแตกต่างในทุกๆ มิติ ทั้งเรื่องของการเป็นคอนโด Freehold และการออกแบบในสไตล์ Modern Eccentric ที่มีความทันสมัยและสนุกสนานไปกับพื้นที่ส่วนกลาง
ซึ่งการออกแบบตัวอาคารภายนอกจะมีการเล่นระดับ เน้นโทนสีขาว สีเทา และสีดำดูเรียบหรูคลาสสิก แต่ภายในกลับซ่อนความซุกซนด้วยการนำรูปทรงหลากหลายแบบ และเลือกใช้สีสันต่างๆ นำมาผสมผสานกันได้อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
แต่ที่สำคัญอยู่ตรงการใส่ใจถึงความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย เพราะเป็นเป็นคอนโด High Rise สูง 31 ชั้น บนที่ดินประมาณ 1 ไร่กว่า ที่มีห้องพักทั้งหมดเพียง 179 ยูนิต ซึ่งหาได้ยากบนทำเลแห่งนี้กับจำนวนห้องที่น้อยขนาดนี้ โดยยูนิตต่อชั้นสูงสุดมีแค่ 11 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งถือว่ามีจำนวนน้อยมาก ช่วยเพิ่มสเปซของแต่ละคนได้มากยิ่งขึ้น
ตรงกันข้ามกับการจัดสรรส่วนกลางที่คัดมาให้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย เดี๋ยวจะไล่เรียงกันแบบละเอียดตั้งแต่ชั้นล่าง เริ่มจากที่จอดรถที่เป็นระบบอาคารจอดรถอัตโนมัติ (Auto Parking) 100 % จอดได้ประมาณ 114 คัน คิดเป็น 63% และเข้าไปด้านในเพื่อเจอกับส่วนของ The Chapter Hall หรือ Lobby ต้อนรับด้วยความโปร่งแบบ Double Volume
เดินเลยไปอีกนิดจะเป็นพื้นที่นั่งรับรองแขก เวลาเพื่อนๆ มาเยี่ยมเยียน หรือลูกบ้านเองจะเอาไว้นั่งรอรถมารับรอของมาส่ง หรืออยากนั่งชิลๆ ก็ได้ทั้งนั้น ซึ่งการตกแต่งจะเน้นสีส้ม สี Copper และสีเทาไล่เฉด ที่ภาพรวมออกมาแล้วเหมือนอยู่ในคาเฟ่เลย
จากมุมสูงจะเห็นว่าโซนด้านในสามารถเห็นสวนด้านนอก The Garden Edge สวนสีเขียวรวมต้นไม้น้อยใหญ่ พามองเพลินๆ ช่วยทำให้จิตใจรู้สึกผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี
ชั้น 2 The Co-Working Edge เพิ่มสีสันด้วยสีเขียวขึ้นมาอีกหนึ่งสี ซึ่งตัดกับสีส้มได้อย่างสวยงาม โดยแบ่งออกเป็นหลายโซน ทั้งโซนนั่งอ่านหนังสือและนั่งทำงาน ซึ่งจัดมาให้แบบ Napping Pods 2 ชั้นไว้นั่งชิล และมีโต๊ะเก้าอี้นั่งแบบจริงจัง ให้เลือกกันได้ตามใจชอบ
อีกด้านหนึ่งของชั้นเปรียบเหมือน Co-Kitchen ของโครงการ จัดวางแพนทรี่และเคาน์เตอร์สำหรับนั่งเล่นกินขนมเพลินๆ
ติดกันเป็นโซน Game Room มีทั้งโต๊ะพูลและโต๊ะโกล์ให้ได้เลือกเล่นกับเพื่อนบ้านได้อย่างสนุกสนาน
มีโซนนั่งเล่นเพิ่มเติมตรงนี้โดยจัดโซฟาตัวใหญ่ไว้ให้ สำหรับคุยกับเพื่อนที่เล่นโต๊ะเกมอยู่ใกล้ๆ กัน
แต่หากอยากได้ความเป็นส่วนตัวหรืออยากดูหนังกับเพื่อนฝูง ก็มีห้องแยกกั้นประตูกระจกไว้ให้ด้วย
ไปต่อกันยาวๆ ที่ชั้น 23 Private Deck อีกหนึ่งพื้นที่สำหรับนั่งเล่นนั่งทำงาน ที่จะคล้ายกับ The Co-Working Edge ที่มีทั้งแบบโซฟาและโต๊ะพร้อมเก้าอี้ รวมถึงมีแพนทรี่อยู่อีกฝั่งของห้อง ซึ่งการกระจายพื้นที่แบบนี้จะทำให้ลูกบ้านเลือกใช้งานได้สะดวกสบายโดยไม่ต้องแย่งกัน
มาถึงไฮไลต์ของโครงการ ที่ใครเห็นก็ต้องชอบแน่นอนกับส่วนกลางที่มีชื่อว่า Urban Forest พื้นที่สวนเปิดโล่งขนาดใหญ่ ที่มองเห็นวิวเมืองได้ไกลสุดสายตา โดยสวนนี้จะเชื่อมต่อตั้งแต่ชั้น 23 ไปจนถึงชั้น 25
ซึ่งถ้าขึ้นบันไดมาที่ชั้น 24 จะเจอกับห้องน้ำและห้องอาบน้ำ รวมถึง Sauna ที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ให้ความสำคัญไม่ต่างจาก Facilities อื่นๆ
เพื่ออำนวยความสะดวกทางโครงการได้แบ่งพื้นที่ไว้สำหรับตู้ล็อกเกอร์ เพื่อให้ลูกบ้านเก็บของใช้ส่วนตัวตอนทำกิจกรรมในส่วนกลาง
ถัดไปคือ Swimming Pool หรือเรียกว่า The Blue Edge โดยโครงการออกแบบให้เป็นสระว่ายน้ำในร่ม ทำให้ลูกบ้านสามารถมาว่ายน้ำได้ตลอดทั้งวัน ซึ่งมีทั้งจุดที่ว่ายออกกำลังกายได้จริง รวมถึงจุดสำหรับอยากแช่น้ำเล่นผ่อนคลาย และสระเด็ก ที่สามารถชมวิวทิวทัศน์ได้รอบสระเลย
สุดท้ายที่ชั้น 25 สายสุขภาพต้องปลื้ม The Fit Edge ห้องฟิตเนสแบบอลังการพร้อมเทควิวเมือง โดยจัดเตรียมเครื่องเล่นออกกำลังกายไว้ให้หลากหลาย รองรับความต้องการของลูกบ้านได้อย่างเพียงพอแน่นอน
อีกทั้งยังมี Yoga Room แบบเป็นส่วนตัวหรือจะชวนเพื่อนๆ มาออกกำลังกายด้วยก็ย่อมได้ และยังได้ชมวิวข้างนอกไปด้วยในตัว
ทั้งนี้ Facilities เกือบทั้งหมด เปิดตลอด 24 ชม. (เว้นชั้น 24 ที่เปิดถึงเที่ยงคืน) จะลงมาดึกหรือเช้าแค่ไหนก็รอต้อนรับเสมอ
อีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการ ‘Chapter Chula-Samyan’ ที่ส่วนตัวรู้สึกว่าดีไซน์ออกมาได้น่าสนใจอย่างมาก เพราะเป็นห้องในรูปแบบ Interlock Function มีการวางแปลนและผังห้องให้สามารถได้มุมมองใหม่ๆ เอาใจไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่อยากได้ความยูนีคแตกต่างแต่ลงตัวและใช้งานได้จริง
โดยขายแบบ Fully Furnished คือที่เห็นในห้องตัวอย่างเป็นยังไงของจริงที่ได้ก็แทบจะเป๊ะแบบนั้นเลย ซึ่งจะมีห้องพักอาศัยให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ ดังนี้
1. 1 Bedroom ขนาด 22.82 – 34.97 ตารางเมตร |
2. 1 Bedroom Plus ขนาด 44.27 – 49.33 ตารางเมตร |
3. 2 Bedroom ขนาด 50.24 – 72.74 ตารางเมตร |
1 Bedroom ขนาด 34.81 ตารางเมตร
เดี๋ยวเราจะพาไปชมห้องตัวอย่าง 2 แบบ โดยขอเริ่มห้องแรก 1 Bedroom ขนาด 34.81 ตารางเมตร เพียงเปิดประตูเข้ามาสิ่งแรกที่เห็นจะเป็นห้องครัวแบบเปิด ซึ่งส่วนของบิวท์อินนั้น นั่นคือสิ่งที่เราจะได้ทั้งหมดเลย อย่างขวามือเป็นตู้เก็บรองเท้า โดยเป็นแบบลิ้นชักเลื่อนออกมา และชั้นเก็บของที่ชั้นบนสุด
ตรงข้ามเป็นเคาน์เตอร์ครัวขนาดใหญ่ มาพร้อมตู้เก็บของด้านล่างและด้านบน โดดเด่นด้วยหน้าบานสีเทา ตัว Top เป็น Solid Surface ลาย Terrazzo ที่นอกจากได้ความสวยงามแล้ว ยังได้เรื่องของความแข็งแรงทนทานอีกด้วย และ Backsplash เป็นกระงกเงา ทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาด
ส่วนอ่างล้างจานเป็นของ Mex ตัวก๊อกของ Teka ที่สามารถปรับให้ยืดได้ตามการใช้งาน รวมถึงยังได้เตาไฟฟ้า 2 หัว และเครื่องดูดควันของ Hafele
ด้านในเป็นส่วนของ Living Area โดย Floor to Ceiling สูง 2.7 เมตร และให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบายด้วยช่องแสงที่ได้แบบหน้าต่างบานกระทุ้งและแบบบานฟิกซ์ ซึ่งพื้นที่ห้องนั่งเล่นทางโครงการได้ให้โซฟาขนาด 2 ที่นั่งสีเทา โต๊ะกลาง และบิวท์อินชั้นวางทีวีแบบในภาพ
สำหรับมุม Dining Area มีพื้นที่ว่างด้านหลังโซฟา ให้วางโต๊ะกินข้าวได้ขนาด 2 ที่นั่ง ที่ทางโครงการก็จัดเตรียมมาให้เช่นเดิม ซึ่งพอวางเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดแล้วก็ไม่ได้ทำให้ห้องรู้สึกคับแคบ เพราะก็ยังมีสเปซให้เดินผ่านได้สะดวกสบาย
แต่ที่ชอบไอเดียของห้องนี้คือการออกแบบห้องน้ำ ที่ทำการแยกเป็น 2 ห้องแบบชัดเจน โดยจะแบ่งเป็น Powder Room ที่สุขภัณฑ์มาจากแบรนด์ Roca ทั้งโถสุขภัณฑ์ รวมถึงอ่างล้างหน้าแบบวางบนเคาน์เตอร์ พร้อมตู้เก็บของข้างใต้ และยังได้กระจกเป็น Smart Mirror กระจกอัจฉริยะ ไว้ฟังเพลง ดู Youtube ได้อีกด้วย
ซึ่งห้องน้ำสามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง คือทางห้องนั่งเล่นและทาง Walk-in Closet ซึ่งจะได้ตู้เสื้อผ้าบิวท์อินขนาดใหญ่สุดเพดาน พร้อมลิ้นชักข้างในให้เก็บเสื้อผ้าได้อีกพอสมควร ที่ดูเรียบหรูด้วยหน้าบานแบบกระจกตัดกับกรอบสี Copper
จากตรงนี้เชื่อมต่อไปยังห้องอาบน้ำ ซึ่งติดตั้งประตูกระจกนิรภัยกันน้ำไหลออกมาข้างนอกให้เรียบร้อย ส่วนภายในทำที่นั่งไว้วางของใช้ในห้องน้ำ โดยได้ Hand Shower สี Polished Black จากแบรนด์ Roca เพิ่มความ Luxury ที่แตกต่างจากโครงการทั่วไป อีกทั้งยังได้ช่องแสงบานใหญ่เพิ่มความสว่างให้แก่ห้อง
ไปดูห้องนอนกันต่อ โดยผ่านทาง Walk-in Closet ซึ่งจะกั้นด้วยประตูบานเลื่อน ที่มีพื้นที่กว้างขวางวางเตียงใหญ่ได้แบบเหลือเฟือ แน่นอนว่าโครงการจัดมาให้อีกแล้วทั้งเตียง ที่นอน และโต๊ะหัวเตียงแบบนี้เลย คือให้กันแบบไม่มีกั๊กไม่มีหวงใดๆ นอกจากนี้ยังเพิ่มกิมมิกด้วยการทำช่องลับไว้เก็บของ ตรงผนังที่ติดตั้งทีวีบริเวณปลายเตียง
และด้วยห้องที่เป็นห้องมุมจะทำให้ได้ช่องแสงเพิ่มขึ้น ประกอบกับใช้ประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ในการกั้นระหว่างห้องนอนและห้องนั่งเล่น ยิ่งช่วยทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากกว่าเดิม
ติดกันเป็นระเบียงออกสู่ภายนอก ที่มีขนาดพอให้วางเครื่องซักผ้าและยังเหลือสเปซไว้ใช้งานอีกประมาณหนึ่ง
1 Bedroom Plus ขนาด 44.05 ตารางเมตร
ห้องตัวอย่างอีกหนึ่งห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 44.05 ตารางเมตร บอก่อนเลยว่าห้องเมื่อกี้ว่าให้เยอะแล้ว แต่ห้องนี้คือจัดเต็มยิ่งกว่า ซึ่งเข้ามาแล้วจะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ เชื่อมต่อห้องครัวและห้องนั่งเล่นเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว
ด้านขวามือบิวท์อินตู้เก็บรองเท้าและเก็บของมาให้ เพิ่มพื้นที่ชั้นวางของตรงกลางแบบไม่มีหน้าบาน ไว้วางพวกกุญแจ หรือของต่างๆ ที่ต้องใช้บ่อยๆ ง่ายต่อการหยิบจับใช้สอย
ติดกันเป็นห้องน้ำ ที่สร้างความสะดวกสบายด้วยการทำทางเข้า-ออกไว้ 2 ทาง ซึ่งอีกทางก็คือตรงห้องนอน รูปแบบสุขภัณฑ์จะได้เหมือนกับห้องก่อนหน้านี้ โดยโซนอาบน้ำจะกั้นด้วยประตูกระจกนิรภัย เพื่อแยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน
โดยเป็นสุขภัณฑ์จากแบรนด์ Roca คือ โถสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้าแบบวางบนเคาน์เตอร์ Hand Shower สี Polished Black นอกจากนี้ยังได้กระจกแบบ Smart Mirror ไว้เปิดเพลงฟังเพลินๆ ขณะอาบน้ำ
ถัดจากห้องน้ำก็มีตู้เก็บของที่บิวท์มาให้อีกแล้ว ผู้ซื้อไม่ต้องเสียเงินเพิ่มทำเอง เก็บของใช้ส่วนตัวได้เยอะมากด้วย
ขณะที่ฝั่งตรงข้ามจะเป็นส่วนของครัวที่ได้แบบครัวเปิด รูปแบบของเคาน์เตอร์และตู้เก็บของด้านบนจะได้คล้ายกับขนาด 1 Bedroom แต่เพิ่มเติมตู้เก็บของบนตู้เย็น ซึ่งใครชอบทำอาหารน่าจะฟิน เพราะขนาดแค่มองยังรู้สึกว่ามุมนี้ดูดีมีคลาสมาก
ส่วนโต๊ะรับประทานอาหารจะได้ขนาด 3 ที่นั่ง โดยอยู่ติดกับเคาน์เตอร์ ที่ข้อดีของการวางโต๊ะใกล้ๆ ครัว ทำให้สามารถใช้เป็นพื้นที่เตรียมอาหารได้ สำหรับวันไหนที่ต้องทำหลากหลายเมนู
เขยิบเข้าไปห้องนั่งเล่น ซึ่งพอวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งและเก้าอี้สตูลที่ทางโครงการให้มา รวมถึงโต๊ะกลาง และชั้นวางทีวี ก็ยังเหลือสเปซโล่งๆ อยู่พอสมควร
ต่อด้วยห้องอเนกประสงค์ ที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ที่ทำเป็นห้องทำงานส่วนตัวได้โต๊ะทำงาน เก้าอี้ แถมด้วยตู้เก็บของเข้าเซตกัน รวมถึงโซฟาที่เห็นก็ไม่ใช่แค่พร็อพประกอบห้อง แต่ของจริงก็ได้แบบนี้ด้วย เท่านั้นไม่พอยังปรับเป็นที่นอนได้อีกต่างหาก หรือจะเปลี่ยนเป็นห้องต่างๆ ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยก็สามารถทำได้
แน่นอนว่าช่องแสงก็ยังคงให้มาเยอะเหมือนเดิม ทั้งฝั่งที่ได้หน้าต่างบานกระทุ้งและบานฟิกซ์เต็มผนัง ส่วนอีกด้านเป็นหน้าต่างบานฟิกซ์ทางฝั่งระเบียง ทำให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้ทุกทิศทาง
ท้ายสุดเป็นห้องนอน ซึ่งจะได้ประตูบานทึบให้ความเป็นไพรเวซี่ เวลามีใครมาหาที่ห้องจะได้ไม่เห็นส่วนพักผ่อนที่เป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย
เห็นเฟอร์นิเจอร์เยอะขนาดนี้… คิดเหมือนกันใช่ไหมบี1 ใช่แล้วล่ะ! โครงการให้มาอย่างที่ตาเห็นอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็น เตียงและที่นอนขนาดใหญ่นอน 2 คนสบายๆ
ชั้นวางทีวีขนาดกำลังพอเหมาะ โต๊ะเครื่องแป้งที่ดีไซน์ให้แตกต่างจากโต๊ะทำงาน มีลิ้นชักเก็บของข้างใต้ ที่มาพร้อมเก้าอี้ให้เรียบร้อย
ชอบสุดคือ Walk-in Closet เชื่อว่าสายแฟชั่นเห็นก็ต้องชอบเช่นเดียวกัน เนื่องจากบิวท์อินตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่มาให้ถึง 2 ฝั่ง ซึ่งจะเก็บเสื้อผ้าได้แบบเยอะมาก
ทั้งนี้ระเบียงจะอยู่ในห้องนอน สามารถวางเครื่องซักผ้าและมีพื้นที่เหลือให้วางราวตากผ้าได้อีกประมาณหนึ่ง
ทุกจุดในโครงการบ่งบอกถึงความเป็น Timeless Design ให้ความรู้สึกพรีเมียมแต่เรียบง่าย ที่ต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังมีเสน่ห์ตลอดเวลา อย่างไรก็ดีอีกหนึ่งจุดที่ทำให้รู้สึกว่านี่แหละคือโครงการไฮเอนด์ อยู่ที่พื้นห้องพักอาศัยที่ไม่ใช่แค่พื้นลามิเนต แต่ออกแบบเป็นพื้นไม้ไวนิลลายก้างปลาสี White Oak ซึ่งจะเห็นได้ตามโครงการ Luxury ราคาสูงเป็นส่วนใหญ่เท่านั้น
ที่เราเอ่ยมาทั้งหมดทั้งมวลของโครงการ ‘แชปเตอร์ จุฬา-สามย่าน’ ซึ่งขายแบบ Freehold มีราคาเริ่มต้นต่อตารางเมตรเพียง 180,000 บาท* โดยขนาด 26 ตร.ม. เริ่ม 4.99 ลบ. / ขนาด 34 ตร.ม. เริ่ม 6.5 ลบ. / ขนาด 44 ตร.ม. เริ่ม 8 ลบ. และ ขนาด 2 Bed เริ่ม 9 ลบ.
โดยเมื่อเทียบกับหลายๆ คอนโดที่ราคาขายมากกว่า 220,000 บาท/ตร.ม. แถมหลายโครงการยังเป็นแบบ Leasehold จึงทำให้โครงการนี้โดดเด่น และคุ้มค่าติดท็อปอันดับต้นๆ ของคอนโดใหม่ล่าสุดบนทำเลจุฬาฯ สามย่านเลยก็ว่าได้
คำนวณง่ายๆ เลย ตั้งแต่ดีไซน์และคอนเซ็ปต์ ที่มีอัตลักษณ์ไม่เหมือนใคร สเต็ปต่อไปคือความเป็นส่วนตัวที่มีเพียง 179 ยูนิต หาได้น้อยกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว แต่กลับกันเราจะหา Facilities ที่จัดเต็มให้มากกว่านี้ก็ไม่ได้อีกแล้ว
และที่ผู้ซื้อจะแฮปปี้สุดๆ ตรงขายแบบ Fully Furnished ให้แบบ Full Set การันตีว่าให้เชื่อในสิ่งที่ตาเห็น ที่ไม่ได้ตกแต่งแค่เพราะเป็นห้องตัวอย่าง แต่ห้องจริงของเราก็จะสวยงามเข้าได้กับทุกสไตล์การตกแต่งไม่แพ้กัน
ปิดดีลด้วยโลเคชั่น ซึ่งอยู่ในทำเลที่เพียบพร้อมไปด้วยทุกความต้องการของคนรุ่นใหม่ ที่อยู่ได้ตั้งแต่นักศึกษาไปจนถึงกลุ่มคนทำงาน และยิ่งนักลงทุนยิ่งเหมาะเลยเพราะมี New Demand ตลอดเวลา เห็นไหมว่าคุ้มสุดๆ ไม่ว่าจะเลือกอยู่เองหรือลงทุน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line: @chaptercondominium
หรือ http://bit.ly/LineChapterCondo
Livinginsider - Weekly Insight Report [03-09 Nov 2024]
2024-11-11
Livinginsider - Weekly Insight Report [27 Oct-02 Nov 2024]
2024-11-04
Livinginsider - Weekly Insight Report [20-26 Oct 2024]
2024-10-28
Livinginsider - Weekly Insight Report [13-19 Oct 2024]
2024-10-21
Reference Ekkamai | ที่สุดของทำเลที่เป็นมากกว่าใจกลางเมือง เพราะนี่คือเอกมัยย่านแห่ง Design District สุดเจ๋ง ติดอันดับ 27 ของโลก ให้คุณสามารถออกแบบชีวิตอย่างมีสไตล์ได้แบบอิสระ
2024-10-17
ขอบคุณมากครับ เอาใจไปเลยลูกพี่!!!
ขอบคุณความรู้ดีดีมากครับ
อ่านเพลินดี ชอบค่ะ