รายการโปรด
บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) ประกาศผลประกอบการไตรมาสสาม ปี 2565 มียอดรับรู้รายได้ที่ 1,504.7 ล้านบาท ปรับลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.4% ในขณะที่ยอดรับรู้รายได้ 9 เดือนแรกอยู่ที่ 4,723.2 ล้านบาท ปรับลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.2% อย่างไรก็ตามยังคงเชื่อมั่นว่าภาพรวมทั้งปีนี้บริษัทฯ จะยังคงสามารถบริหารงาน ให้มีการเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าได้
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” กล่าวถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจ ว่าปีนี้เป็นปีที่มีปัจจัยท้าทายต่างๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบที่เกิดจากประเด็นเรื่อง Geopolitics ความท้าทายจากราคา Commodities ต่างๆ ที่เร่งตัวขึ้น
ความท้าทายในเรื่องของเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นทั่วโลก จนทำให้หลายประเทศต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ย อันเริ่มนำมาสู่ความเสี่ยงที่จะเกิด Recession ในหลายประเทศในส่วนของประเทศไทย คาดว่าสิ้นเดือนพ.ย.นี้ ทางธนาคารแห่งประเทศไทยก็คงมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เป็น 1.25% ซึ่งมองว่าการค่อยๆ ปรับขึ้นนั้น ทั้งภาคธุรกิจและภาคประชาชนจะสามารถที่จะปรับตัวได้
โดยประเทศไทยมีเครื่องยนต์จากการท่องเที่ยวที่เริ่มค่อยๆ ฟื้นตัว ภายหลังการเปิดประเทศ โดยในปีนี้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะเกินระดับ 10 ล้านคน และคาดหวังจะขึ้นไปถึง 20 ล้านคนได้ในปี 2566 ซึ่งภาคการท่องเที่ยวนี้จะเป็นเครื่องยนต์ที่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทย ให้ขยายตัวไปได้สำหรับในปีนี้ต่อปีหน้า สำหรับภาคอสังหาฯ ในไตรมาส 4 นี้มาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมโอน และค่าจดจำนองเหลือ 0.01% จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธ.ค. 65 อาจเห็นการเร่งโอนกรรมสิทธิ์เพื่อรับสิทธิประโยชน์ดังกล่าวในช่วงปลายปีนี้
ในแง่ของผลการดำเนินงานของบริษัท สำหรับไตรมาสสามมียอดรับรู้รายได้ 1,504.7 ล้านบาท ปรับลดลง 7.4% ซึ่งมาจากการล่าช้าด้านก่อสร้าง จากหน้าฝนในปีนี้ที่มีฝนตกมากกว่าปกติ สำหรับช่วง 9 เดือนแรก บริษัทสามารถทำยอดรับรู้รายได้ที่ 4,723.2 ล้านบาท ปรับลดลงเล็กน้อยจาก 9 เดือนแรกของปีก่อนซึ่งมียอดรับรู้อยู่ที่ราว 4,828.1 ล้านบาท หรือปรับลดลงราว 2.2%
ซึ่งในแง่ของการบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ บริษัทยังคงบริหารได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมโดยรวมอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือนแรกนี้ บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 39.1% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งตลาดซึ่งอยู่ที่ราว 33% ในขณะที่ตัวเลขค่าใช้จ่ายในการขายในช่วง 9 เดือนแรก มีการปรับเพิ่มขึ้นบ้างราว 18.4 ล้านบาท เป็นผลมาจากการทำการตลาดในการเปิดโครงการใหม่
ซึ่งช่วง 9 เดือนแรกเปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 8 โครงการ และคาดว่าทั้งปีจะสามารถเปิดโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 11 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 8,500 ล้านบาท ทั้งนี้ในช่วง 9 เดือนแรกนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 965.4 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนกำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ที่ 20.4% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดซึ่งอยู่ที่ราว 12-13% สำหรับช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ทางบริษัท ยังคงมีความเชื่อมั่นว่าจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้นกว่าไตรมาสสามที่ผ่านมา และภาพรวมทั้งปีจะยังคงสามารถขยายตัวได้จากปีก่อนหน้า
เอสบีฯ เปิดตัว “Pet Lovers Corner” โซนเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านตอบโจทย์คนรักสัตว์เลี้ยง
3 ชั่วโมงที่แล้ว
“สโคป หลังสวน” สร้างสถิติใหม่ ราคาปล่อยเช่าต่อตารางเมตรสูงที่สุดในกรุงเทพฯ 2,500 บาท/ตร.ม. ชูจุดเด่นคอนโด Freehold ที่หายากในทำเลหลังสวน
3 ชั่วโมงที่แล้ว
คอนโดโครงการใหม่ 2567 บนทำเลศักยภาพ มีที่ไหนบ้าง?
4 ชั่วโมงที่แล้ว
“มาร์ควิส พญาไท” กระแสดีเกินคาด เหตุอยู่บนทำเลศักยภาพ หนุนยอดจองรอบพิเศษเป็นที่น่าพอใจ
5 ชั่วโมงที่แล้ว
Honour Group เปิดตัว “Once Wongamat” คอนโดหรูทำเลพัทยา พร้อมวิวทะเลแบบพาโนรามา เริ่ม 5.9 ลบ. เจาะกลุ่มไฮเอนด์ที่มองหาที่พักในเมืองตากอากาศ
เมื่อวานนี้
ชอบการลงทุนอสังหา เพราะที่นี่เลย เข้าใจง่าย
ดีมากค่ะ มีประโยชน์มากๆเลยค่ะ
รายละเอียดครบถ้วนมาก ตอบทุกข้อสงสัยเลยครับ
แจ่มเลยค่ะ รีวิวได้ครบถ้วน
ชอบเรื่องไอเดียแต่งบ้าน ได้ความหลากหลายดีกำลังวางแพลนจะซื้อบ้านเลย เอาเรื่องไอเดียมาอีกเยอะๆนะค่ะ