รายการโปรด
Daily Routines… ไลฟ์สไตล์ของคน(ทำงาน)ในเมืองส่วนใหญ่ สิ่งที่คิดกับความเป็นจริงอาจตรงกันข้าม
เพราะสิ่งที่ใครหลายคนทำกันอยู่เป็นประจำ คือ นอนดึก ตื่นเช้า บางคนตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อรีบไปทำงานก็มี ซึ่งช่วงการเดินทางนี่แหละที่เสียเวลากันไปก็หลายชั่วโมงแล้ว ไหนจะเดิน นั่งวินมอเตอร์ไซค์ ขึ้นรถเมล์ ต่อรถไฟฟ้า เช้า-เย็น เช้า-เย็น วนเวียนกลายเป็นรูทีนที่ชีวิตต้องเร่งรีบอยู่ตลอดเวลา
รู้อย่างงี้แล้วสู้เอาเงินที่เสียเวลากับการเดินทาง ไปเลือกซื้อที่อยู่อาศัยที่ช่วยให้เดินทางสะดวก ง่าย และเร็ว ที่นอกจากไม่ต้องเหนื่อยหรือรีบร้อนกับการเดินทาง ยังเอาเวลาว่างไปทำกิจกรรม สังสรรค์พบปะเพื่อนฝูง อีกทั้งยังได้พักผ่อนมากขึ้นเป็นเท่าตัว ที่ดีกว่าเป็นไหนๆ
โดยรอบนี้จะพาไปชมโครงการที่แม้จะไม่ได้อยู่ในเมือง แต่มีความน่าสนใจและครบเครื่องไม่แพ้กัน ตั้งแต่ทำเลไล่เรียงไปจนถึงตัวโครงการ และที่สำคัญราคาคือดีงามสุดๆ ตอบรับทุกความต้องการทั้งอยู่เองและลงทุน
Lumpini Place Taopoon - Interchange (ลุมพินี เพลส เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์) ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ บนคอนโดใหม๊ใหม่ พร้อมส่วนกลางใหญ๊ใหญ่ รถไฟฟ้าก็ใกล๊ใกล้ บอกเลยใครช้า จะเสียจัย
มีอยู่สองเหตุผลที่ต้องเป็นโครงการนี้ หนึ่ง ‘ย่านเตาปูน’ เป็นหนึ่งในทำเลที่เป็นชุมชนน่าอยู่ ของกินอร่อยๆ ก็เยอะ ตั้งแต่ยังไม่มีรถไฟฟ้าด้วยซ้ำ และพอมีความเจริญหลายๆ อย่างเข้ามาเสริมทัพ ก็บวกคะแนนแซงนำไปในหลายๆ ทำเลได้แบบทวีคูณ
ตัวโครงการ ลุมพินี เพลส เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์ ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ใกล้กับช่วงแยกเตาปูน-บางซื่อ ซึ่งถ้าเดินทางด้วยรถยนต์ก็สะดวกรอบทิศ อย่างเข้าเมืองสามารถใช้ถนนประชาราษฎร์สาย 2 วิ่งผ่านถนนกำแพงเพชรไปจตุจักร อารีย์ และลาดพร้าว หรือถ้าจะไปอนุสาวรีย์ เข้าสยาม ก็มีตัวเลือกพอสมควรทั้งใช้ถนนพระรามที่ 5 หรือจะใช้ถนนเทอดดำริก็ได้
อีกฝั่งหนึ่งหากออกนอกเมืองก็ตรงยาวเลี้ยวซ้ายไปแยกวงศ์สว่าง เพื่อไปทางพระราม 7 ผ่านจรัญฯ ออกฝั่งธนไปปิ่นเกล้า หรือเลี้ยวขวาไปวิภาวดี รัชดาฯ และถ้าจากตัวโครงการวิ่งตรงยาวจนสุดจะไปโซนพระราม 5 แคราย งามวงศ์วาน นอกจากนี้ยังอยู่ไม่ไกลจากจุดขึ้น-ลง ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอกฯ อีกด้วย
แต่ที่น่าสนใจคือการเดินทางด้วยรถสาธารณะอย่าง MRT สายสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสายเดียวที่วิ่งเป็นวงกลม ทำให้ไปได้ทั่วทุกที่ในกรุงเทพฯ โดยโครงการอยู่ใกล้สถานี เตาปูน แค่ประมาณ 100 เมตร ซึ่งสถานีนี้เป็นสาย Interchange เชื่อมต่อกับสายสีม่วง (เตาปูน-คลองบางไผ่) กลายเป็นจุดตัดรถไฟฟ้า 2 สาย ทำให้ไปพื้นที่นอกเมืองก็ง่ายมาก
หรือถ้านั่งไป สถานีบางซื่อเพียง 1 สถานี ก็จะเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีแดง หรือเพียง 3 สถานี ลงสถานีจตุจักร ก็จะไป BTS สายสีเขียวได้ รวมไปถึงยังมีวินมอเตอร์ไซค์ รถโดยสารประจำทาง รถแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก หรือแม้แต่เรือด่วน ก็มีบริการแทบจะครบทุกพาหนะ ทำให้ใครเลือกอยู่ย่านนี้ต่อให้ไม่มีรถก็ไม่ลำบากแน่นอน
ส่วนความอุดมสมบูรณ์ด้วยความที่เป็นชุมชนมายาวนาน ทำให้เต็มไปด้วยอาหารการกินหลายสัญชาติ ร้านอาหารชื่อดัง ร้านเก่าแก่ และคาเฟ่ ที่มีตลอดสองข้างทาง รวมไปถึงตลาดที่รายล้อมอยู่รอบโครงการ ตรงข้ามก็มีตลาดเตาปูน ใกล้ๆ ก็มีตลาดบางโพ เลยไปหน่อยก็มีตลาดบางซ่อน ซึ่งมีทั้งของสดและร้านค้าร้านอาหารให้เลือกอีกเพียบ
Photo credit by : facebook cafestorythailand
Photo credit by : soimilk
หรือถ้าอยากจะช้อปซื้อของใช้เข้าบ้านเดินเล่นในห้างก็มีทั้ง Lotus's ประชาชื่น Big C วงศ์สว่าง และ Gateway บางซื่อ บอกเลยว่าอยู่ที่นี่ไม่มีอด
รวมไปถึงสถานศึกษาอย่าง รร.โยธินบูรณะ รร.ราชินีบน รร.สามเสนวิทยาลัย รร.สตรีนนทบุรี ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และม.เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตพระนครเหนือ นอกจากนี้ยังใกล้ รพ.บางโพ รพ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น และรพ.การไฟฟ้านครหลวง
ไม่เพียงเท่านั้นยังมีโปรเจกต์ใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นและกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ที่จะช่วยให้โลเคชั่นช่วงเตาปูน บางโพ และบางซื่อนี้มีศักยภาพมากกว่าเดิม นั่นคือการมีอยู่ของ สถานีกลางบางซื่อ หรือ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จุดศูนย์กลางเชื่อมต่อรูปแบบการเดินทางระบบรางและระบบขนส่งมวลชน ซึ่งถือเป็นสถานีรถไฟกลางที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รวมไปถึง รัฐสภาแห่งใหม่ (สัมปายะสภาสถาน) และสะพานเกียกกาย ที่คาดว่าจะให้ใช้บริการได้ในปี 2567
‘เตาปูน’ จึงเป็นอีกหนึ่งทำเล ที่มีการหลอมรวมระหว่างความเป็นชุมชนดั้งเดิม กับความทันสมัยความเจริญก้าวหน้าได้อย่างลงตัว จึงเหมาะแก่การอยู่อาศัยได้อย่างยาวนาน
Photo credit by : matichon
เหตุผลที่สองของการเลือกโครงการ ‘Lumpini Place เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์’ ให้ใช้ชีวิตได้แบบสโลไลฟ์สบายใจ นั่นก็เพราะว่าเป็นของ LPN ยังไงล่ะ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการให้ความสำคัญกับผู้อยู่อาศัยในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การออกแบบโครงการ รวมถึงการดูแลคุณภาพชีวิตของทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการหลังการขาย และเรื่องของนิติบุคคล อันเป็นที่เลื่องลือและมีความเป็นมืออาชีพสูง
โดยเป็นคอนโด High Rise สูง 30 ชั้น 1 อาคาร ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 3-1-45.8 ไร่ จำนวน 710 ยูนิต สามารถจอดรถได้ 278 คัน หรือคิดเป็น 39% (ไม่รวมซ้อนคัน) ขณะที่การออกแบบอาคารภายนอกเน้นเรียบง่าย เลือกใช้โทนสีสบายตา อย่างสีขาว สีเทา และสีน้ำตาล
เพลิดเพลินไปกับส่วนกลางที่ให้มาแบบจัดเต็มกระจายไปยังส่วนต่างๆ ของอาคาร เริ่มตั้งแต่ชั้นล่างในส่วนของ Drop Off แบบในร่มโดยทำหลังคาคลุมขนาดใหญ่ ขึ้น-ลงรถ ลูกบ้านก็ไม่ต้องตากแดดตากฝน
ต่อมาคือ Co-Working Zone ที่อยู่ด้านหน้าทางเข้าโครงการ ให้ลูกบ้านมานั่งเล่นนั่งทำงาน
ส่วน Lobby ก็จะมีทั้งในอาคารและแบบ Eco Lobby ที่เป็น Outdoor ที่จะเชื่อมต่อไปยังสวนด้านหลังโครงการ
Elevated Pavilion สวนขนาดใหญ่ ให้ออกมานั่งพักผ่อนมองสีเขียวของต้นไม้ใบหญ้า ที่สร้างความร่มรื่นร่มเย็น
อีกทั้งยังมีลูกเล่นด้วยการสร้างสะพานให้ออกมาเดินเล่นรับลมกัน
หรืออยากจะนั่งเล่นใกล้สวนได้ตลอดทั้งวัน ก็จัดโต๊ะเก้าอี้ไว้ให้เรียบร้อย
กลับเข้ามาข้างในชั้นล่างตรง Lobby จะเจอกับ Mail Room และโถงทางเข้าลิฟต์
ขึ้นไปดู Facilities กันต่อที่ชั้น 9 จะเจอกับ Infinity Edge Pool สระว่ายน้ำแบบฟรีฟอร์ม ระบบเกลือ ดีไซน์สวยงามแต่ว่ายออกกำลังกายได้จริง พร้อมปลูกต้นไม้รอบๆ ให้ได้รู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติไปในคราวเดียวกัน
ถัดมาคือ Co-Living Area พื้นที่ Outdoor นั่งพูดคุยกับเพื่อนบ้าน หรือนั่งรีแลกซ์ชิลๆ รับลมเย็นๆ
ด้านข้างในสำหรับคนที่ชอบตากแอร์ก็มี Co-Living Zone พื้นที่นั่งเล่นหรืออยากเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานก็มานั่งตรงนี้ได้ จัดวางชุดโซฟาไว้ให้หลากหลายมุม
และจากตรงนี้สามารถขึ้นไปที่ชั้น 10 ได้เลย ซึ่งจะพบกับ Learning Zone อีกหนึ่งพื้นที่ในการเปลี่ยนที่นั่งทำงาน ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการทำงานแบบจริงจัง เพราะจัดเป็นโต๊ะ เก้าอี้ เพื่อให้นั่งได้สะดวกสบาย
ข้างๆ กันเป็น Kid’s Fun Zone สเปซแห่งความสนุกสนานของเด็กๆ ได้มาเล่นด้วยกันกับเพื่อนๆ
ขึ้นลิฟต์ไปต่อกันที่ชั้น 22 อีกมุมของพื้นที่สีเขียวให้นั่งมองวิวทิวทัศน์ได้ไกลสุดสายตา
สุดท้ายที่ชั้น 25 จะเจอกับ Fitness Zone ที่มีทั้ง Indoor และ Outdoor เลือกเครื่องออกกำลังกายที่อยากเล่นได้ตามต้องการ
มาถึงห้องพักอาศัยกันบ้าง โดยโครงการ 'Lumpini Place Taopoon Interchange' ขายแบบ Fully Fitted ได้เฟอร์นิเจอร์บางส่วน พร้อมเครื่องปรับอากาศ และ Floor to Ceiling สูง 2.6 เมตร โดยที่นี่มีห้องให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่
1. Studio ขนาด 22.50 – 23.00 ตารางเมตร |
2. 1 Bedroom ขนาด 28.00 – 34.00 ตารางเมตร |
3. 2 Bedroom ขนาด 43.00 ตารางเมตร |
Studio ขนาด 23 ตารางเมตร
ห้องแบบแรกที่จะรีวิวคือ Studio ขนาด 23 ตารางเมตร เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับส่วนของห้องครัวก่อนเป็นอันดับแรก
ขวามือทางโครงการบิวท์อินเคาน์เตอร์ครัวมาให้เรียบร้อย ตู้ด้านล่างแบ่งพื้นที่ไว้สำหรับวางเครื่องซักผ้า พร้อมตู้ชั้นบนที่ก็บิวท์มาให้เช่นเดียวกัน ซื้อเพียงเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกนิดหน่อยเท่านั้น
ตรงข้ามนอกจากพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น ยังมีพื้นที่ให้วางโต๊ะกินข้าวเหมือนห้องตัวอย่าง หรือจะปรับเปลี่ยนเป็นตู้ใส่รองเท้าตู้เก็บของก็ได้ บริเวณนี้เราออกไอเดียที่ต้องการเองได้เลย
ห้องน้ำจะอยู่โซนครัว มีขนาดมาตรฐาน ได้สุขภัณฑ์ครบ ทั้งอ่างล้างหน้า รวมถึงได้พื้นที่วางของด้านหลังอ่าง กระจกเงาเต็มผนัง โถสุขภัณฑ์ Hand Shower และยังได้ฉากกั้นแบบบานเลื่อนแยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน
ด้านในสุดเป็นส่วนของห้องนั่งเล่นและห้องนอน เลือกวางเตียง 5 ฟุตได้สบายๆ ก็ยังมีพื้นที่ให้วางโต๊ะหัวเตียงฝั่งหนึ่ง และอีกฝั่งบิวท์เป็นโต๊ะเครื่องแป้งก็ยังทำได้
ตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวี ที่แนะนำให้บิวท์ตู้เก็บของด้านบนด้วย เพื่อให้เก็บสมบัติเราได้เยอะขึ้น และตู้เสื้อผ้าจะเลือกหน้าบานแบบเปิด-ปิด หรือแบบบานเลื่อนก็ได้ทั้งคู่
มุมนั่งเล่นจะอยู่ชิดกับหน้าต่าง ซึ่งจะเลือกโซฟาวางยาวเต็มพื้นที่ก็ดูน่านั่งไม่น้อย หรือเปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงานก็ดูดีไปอีกแบบ
ติดกันเป็นส่วนของระเบียงกว้างเกือบ 2 เมตร พอให้ทำอะไรกับพื้นที่ตรงนี้ได้ประมาณหนึ่ง
1 Bedroom ขนาด 28.00 ตารางเมตร
อีกห้องที่จะมารีวิวเป็น 1 ห้องนอน สำหรับคนที่อยากได้ความเป็นสัดเป็นส่วนที่มากขึ้น น่าจะต้องชอบห้องนี้กันแน่นอน
เมื่อเข้ามาด้านในจะเห็นห้องครัวก่อน เหมือนกับห้องสตูดิโอ แต่จะได้เคาน์เตอร์ครัวและตู้เก็บของด้านบนขนาดใหญ่กว่า ทำให้สามารถวางเตาไฟฟ้า และเหลือพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารได้อีกด้วย
ฝั่งตรงข้ามสำหรับวางตู้เย็น และทางโครงการบิวท์อินให้ดูเป็นไอเดีย ด้วยการวางโต๊ะนั่งกินข้าวเชื่อมต่อกันไปจนถึงห้องนั่งเล่น แต่ความจริงแล้วด้วยพื้นที่กว้างขวาง เราจะแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้สำหรับทำเป็นตู้เก็บของด้วยก็ได้เหมือนกัน
จากนั้นเดินเข้าไปอีกนิดจะเป็นห้องนั่งเล่น โดยด้านในสุดจะได้หน้าต่างบานกระทุ้งและบานฟิกซ์เกือบเต็มผนัง ซึ่งแสงธรรมชาติจะส่องเข้ามาได้มากยิ่งขึ้น ช่วยให้ห้องดูโปร่งโล่งสบาย
และด้วยการออกแบบแปลนห้อง ที่ย้ายระเบียงไปอยู่ในห้องนอน จึงทำให้ห้องนั่งเล่นสามารถเลือกวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งแบบตัวแอล โดยไม่รู้สึกเกะกะหรือทำให้ห้องดูคับแคบเลยซะนิด
ขณะที่ห้องนอนจะได้เป็นประตูบานทึบ ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวเวลาเพื่อนหรือแขกมาหา ซึ่งมีพื้นที่ให้วางเตียง 5 ฟุต ก็ยังเหลือสเปซให้เดินได้รอบด้าน
และเพื่อให้ห้องดูโปร่งโล่งและดูกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ทางโครงการจึงเพิ่มกิมมิกด้วยการกรุกระจกตรงผนังปลายเตียง ที่เชื่อมกับห้องนั่งเล่น
ระเบียงมีขนาดมาตรฐาน ซึ่งอาจจะไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก เพราะต้องการให้ได้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องมากขึ้น
ส่วนตู้เสื้อผ้าจะอยู่ติดกับห้องน้ำ สามารถบิวท์ได้สุดเพดานเต็มผนัง หรือจะแบ่งส่วนหนึ่งเป็นตู้เก็บของใช้ส่วนตัว เหมือนห้องตัวอย่าง ก็ดูเป็นไอเดียที่น่าสนใจเลยทีเดียว
ตัวห้องน้ำจะได้ทุกอย่างเหมือนกับห้องแบบแรก ที่ส่วนตัวชอบตรงติดฉากกั้นอาบน้ำมาให้เรียบร้อย ซึ่งก็ประหยัดงบตรงนี้ไปอีกหลายตังค์
ด้วยความคุ้มค่าในเรื่องของการได้อยู่บนทำเลเตาปูน ที่มีความเจริญรอบทิศทาง ทั้งเรื่องของการเดินทาง และความอุดมสมบูรณ์ของอาหารการกิน บวกกับตัวโครงการที่ให้ความสำคัญกับส่วนกลางมาแบบจัดเต็ม และการดีไซน์ห้องพักให้น่าอยู่อาศัยและใช้สอยได้ทุกตารางเมตร
จึงทำให้รู้สึกคุ้มกับราคาที่ต้องเสียไป โดยไม่มีคำว่าเสียดายแน่นอน เพราะนี่คือหนึ่งในโครงการที่ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตกับ LPN Living Solution ซึ่งจะช่วยดูแลให้ไร้กังวลกับการอยู่อาศัย ง่าย ครบ จบในที่เดียว
ใครสนใจอยากเป็นเจ้าของ คลิกลงทะเบียนได้ที่ลิงก์นี้เลยครับ >>> https://bit.ly/3VBxMfk
Livinginsider - Weekly Insight Report [03-09 Nov 2024]
2024-11-11
Livinginsider - Weekly Insight Report [27 Oct-02 Nov 2024]
2024-11-04
Livinginsider - Weekly Insight Report [20-26 Oct 2024]
2024-10-28
Livinginsider - Weekly Insight Report [13-19 Oct 2024]
2024-10-21
Reference Ekkamai | ที่สุดของทำเลที่เป็นมากกว่าใจกลางเมือง เพราะนี่คือเอกมัยย่านแห่ง Design District สุดเจ๋ง ติดอันดับ 27 ของโลก ให้คุณสามารถออกแบบชีวิตอย่างมีสไตล์ได้แบบอิสระ
2024-10-17
ขอบคุณมากครับ เอาใจไปเลยลูกพี่!!!
เขียนรีวิวน่าอ่าน เทคนิคการเขียนดีค่ะ
นักเขียนมืออาชีพ งานคุณภาพและมีประโยชน์มากค่ะ
รีวิวได้ชวนซื้อมากๆครับ ฮ่าๆ