
รายการโปรด
ในปัจจุบันมีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งผู้บริโภคเกือบทั้งหมดเป็นคนวัยทำงานทั้งสิ้น การที่จะมีบ้านสักหลังหนึ่งสำหรับบางคนแล้วเป็นเรื่องสำคัญและเป็นรากฐานในการสร้างความมั่นคงของชีวิต จึงต้องมีการวางแผนและคิดอย่างมากก่อนตกลงซื้อ ซึ่งจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่สำหรับการลงทุน
แต่ในการเลือกที่อยู่อาศัยใหม่สำหรับวัยเกษียณของกลุ่มคนวัยทำงานนั้นยังมีอุปสรรคสำคัญอยู่คือ ปัญหาทางด้านการเงิน โดยจากผลสำรวจพบว่า รายได้ของผู้ที่ตอบแบบสอบถามมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 26,000 บาทต่อคน ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่อาจไม่เพียงพอ ที่จะนำไปลงทุนกับที่อยู่อาศัย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน และรองรับทุกการใช้ชีวิต
ผู้บริโภคส่วนใหญ่จึงเริ่มมองหาหลักประกันความมั่นคงทางชีวิตหลังวัยเกษียณในรูปแบบต่างๆ ทั้งประกันสังคม เบี้ยเลี้ยงชีพ การซื้อประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ ประกันชีวิต หรือแม้แต่การฝากเงินกับธนาคาร เพื่อให้มีเงินปันผลแล้วนำมาใช้จ่ายหรือลงทุนกับที่อยู่อาศัย
แล้วผู้บริโภคคิดยังไงกับอสังหาริมทรัพย์ในยุคสังคมผู้สูงอายุ โดย 42% ยังไม่คิดที่จะเตรียมตัวรับวัยเกษียณ ในขณะที่ 50% เริ่มมองหาที่อยู่อาศัยและความสะดวกสบาย คนส่วนใหญ่มีความสนใจ ที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวมากที่สุดถึง 35% รองลงมาคือที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ 32% Condo low rise 11% Condo high rise 8% Townhome 4% และอีก 10% ยังไม่ได้วางแผน
หากผู้บริโภคได้เริ่มวางแผนออมเงินตั้งแต่วัยทำงาน ซึ่งจะมีรายได้เฉลี่ยที่แตกต่างกับตามช่วงวัย ผู้บริโภคจะสามารถเข้าอยู่อาศัยในโครงการต่างๆ ได้ดังนี้ หากท่านเริ่มออมเงินตั้งแต่อายุ 20-30 ปี ซึ่งมีรายได้ 6,000 บาท/เดือน สามารถออมเงินเพื่อที่อยู่อาศัย 40% ของรายได้ทั้งหมด อยู่ที่ 2,400 บาท เมื่อออมเงินจนอายุ 60 ปี ท่านจะมีเงินออมทั้งหมด 5,436,000 บาท
หรือหากท่านเริ่มออมเงินตั้งแต่อายุ 30-40 ปี ซึ่งมีรายได้ 15,000 บาท/เดือน สามารถออมเงินเพื่อที่อยู่อาศัย 40% ของรายได้ทั้งหมด อยู่ที่ 6,000 บาท เมื่อออมเงินจนอายุ 60 ปี ท่านจะมีเงินออมทั้งหมด 4,560,000 บาทสามารถเข้าอยู่โครงการวิลล่ามีสุข 3.4 ล้านบาท
หรือ จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ 4.3 ล้านบาท หากท่านเริ่มออมเงินตั้งแต่อายุ 40-50 ปี ซึ่งมีรายได้ 25,000 บาท/เดือน สามารถออมเงินเพื่อที่อยู่อาศัย 40% ของรายได้ทั้งหมด อยู่ที่ 10,000 บาท เมื่อออมเงินจนอายุ 60 ปี ท่านจะมีเงินออมทั้งหมด 2,970,000 บาท สามารถเข้าอยู่โครงการศุภวัฒนาลัย 1.1 ล้านบาท
หรือ ธนบุรี เฮลท์ เวลเนส 1.98 ล้านบาท หากท่านเริ่มออมเงินตั้งแต่อายุ 50-60 ปี ซึ่งมีรายได้ 50,000 บาท/เดือน สามารถออมเงินเพื่อที่อยู่อาศัย 40% ของรายได้ทั้งหมด อยู่ที่ 20,000 บาท เมื่อออมเงินจนอายุ 60 ปี ท่านจะมีเงินออมทั้งหมด 1,320,000 บาท สามารถเข้าอยู่โครงการบุศยานิเวศน์ 200,000 บาท บ้านบางแค 36,000 บาท หรือ สวางคนิเวศ 65,000 บาท
ดังนั้นในการออมเงินเพื่อเตรียมตัวสำหรับที่อยู่อาศัยหลังวัยเกษียณ เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะสามารถทำให้ผู้บริโภคได้มีการเตรียมตัว มีเวลาในการออมเงิน ยิ่งเริ่มออมเร็วเท่าไร ยิ่งมีเวลาในการออมและมีเงินออมมากเท่านั้น ซึ่งผู้บริโภคสามารถเข้าอยู่ในโครงการที่สนใจตามจำนวนเงินที่ออมได้ตามความสามารถ จะดีกว่ามั้ยถ้าคุณเริ่มออมเงินตั้งแต่วันนี้ เพื่ออนาคตของคุณ
เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย สร้างมาตรฐานใหม่วงการอสังหาฯ หลัง “เดอะ แกรนด์ ริเวอร์ฟร้อนท์ ราชพฤกษ์-พระราม 5” คว้าการรับรองมาตรฐานอาคารเขียว LEED ในระดับ Gold แห่งแรกในไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
11 ชั่วโมงที่แล้ว
แสนสิริ เปิดตัว “ดีคอนโด คีรี” บนทำเลจรัญฯ-ปิ่นเกล้า รับดีมานด์ฝั่งธนฯ เริ่ม 1.79 ล้านบาท* พรีเซล 1-2 มี.ค.นี้
เมื่อวานนี้
ดีลใหญ่วิวแม่น้ำ! “วัน เรียลเอสเตท” จับมือ “สิงห์ เอสเตท” เปิดตัว “วัน ริเวอร์ พระราม 3” คอนโดหรูวิวเจ้าพระยา-สวนสาธารณะ 29 ไร่* เริ่ม 15 ลบ.
เมื่อวานนี้
เอสบี ดีไซน์สแควร์ จับมือ Lavenz พัฒนานวัตกรรม Bathroom Furniture ตอบโจทย์ทั้งดีไซน์และฟังก์ชัน ยกระดับห้องน้ำเป็น Personal Relaxing Space
เมื่อวานนี้
ASW โชว์รายได้ปี 67 ทะลุ 9,987 ล้าน กำไร 1,457 ล้าน โต 33% ปี 68 เปิด 10 โครงการใหม่ ตั้งเป้ารายได้ 10,500 ล้าน พร้อมโอนคอนโด 7 โครงการ
2025-02-21
รีวิววิเคราะห์ได้ดีมากเลยครับ
ดีๆๆๆๆๆๆ มากๆเลย หาอ่านแบบนี้มานานแล้ว
โดยรวมดีนะคะ
ดีไปหมด ไม่มีที่ติเลยจ๊ะ