รายการโปรด
ใครๆก็รู้จัก SC Asset ว่าทำอสังหาริมทรัพย์ระดับ High-End ของประเทศไทย แต่มีใครรู้ไหมว่า แบรนด์คอนโดที่ระดับ Luxury ของเขาชื่อว่าอะไร...
The Crest คือ หนึ่งในที่สุดแห่งแบรนด์คอนโดระดับ Luxury จาก SC Asset ซึ่งถ้าเป็นนักลงทุนหรือคนที่คลุกคลีอยู่ในวงการอสังหาฯ มาหลายสิบปี เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นเคยและรู้จักเป็นอย่างดี โดยเริ่มตั้งแต่โครงการแรกเมื่อปี 2010 อย่าง The Crest Phahonyothin 11 และไล่เรียงมาจนถึงปี 2014 ที่เป็นโครงการสุดท้ายคือ The Crest Sukhumvit 34 ซึ่งทุกโครงการล้วนอยู่บน Prime Location และสร้างปรากฏการณ์ขายดีหมดไวมากๆ
จนกระทั่ง SC Asset ก็ไปคว้าแปลงที่ดีที่สุด บนทำเลใจกลางห้าแยกลาดพร้าว New CBD ที่ถูกยกระดับเปรียบเหมือนเป็นชินจุกุเมืองไทย มาครอบครองจนเกิดเป็นโครงการ The Crest ใหม่สุดเลอค่าได้อย่างสมบูรณ์แบบและยิ่งใหญ่ตระการตา เปิดต้อนรับปีใหม่ 2023
‘The Crest Park Residences’ ที่สุดของคอนโด Luxury บนทำเลที่มาแรงที่สุดแห่งปี มาดูให้เห็นกับตา...แล้วจะรู้ว่าทำไม The Crest ถึงเป็น The Best ทุกสาขา
Best Luxury Condo Development (Bangkok)
Best Luxury Condo Architectural Design
Best Luxury Condo Interior Design
Best Location of Ladprao
ความสำเร็จที่สง่างามของความเป็น Iconic Luxury Condominium หนึ่งเดียวใจกลางห้าแยกลาดพร้าว ใกล้เซ็นทรัล เพียงก้าวเดียวถึง Interchange Station
The Crest Park Residences ตั้งโดดเด่นอยู่บนโลเคชันที่กล้าขนานนามว่าอยู่ใกล้กับ ‘ห้าแยกลาดพร้าว’ อย่างแท้จริง โดยตัวโครงการจะอยู่ติดถนนใหญ่พหลโยธิน ฝั่งขาเข้าเมืองมุ่งหน้าห้าแยกลาดพร้าวเลย นั่นจึงไม่ต้องสงสัยว่าการเดินทางของผู้อยู่อาศัย จะสะดวกสบายขนาดไหน
ซึ่งถนนพหลโยธินเองสามารถวิ่งไปได้ทั้งสะพานควาย อนุสาวรีย์ รวมถึงสามารถใช้ถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อไปยังดอนเมือง และรังสิต อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับถนนลาดพร้าว ออกถนนรัชดาภิเษก วิ่งไปห้วยขวาง พระราม 9 นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้จุดขึ้น-ลงทางพิเศษศรีรัช ซึ่งทุกเส้นทางล้วนใช้เวลาไม่นานในการถึงจุดหมายที่ต้องการ
แต่ที่ทำให้ย่านลาดพร้าวแห่งนี้พลิกโฉมไปไกลกลายเป็น Hub ขนาดใหญ่ คือการมีอยู่ของการเชื่อมต่อ Interchange Station เป็นจุดตัดของรถไฟฟ้าสำคัญ 2 สาย ได้แก่ BTS สายสีเขียว และ MRT สายสีน้ำเงิน
โดยโครงการถือว่าอยู่ใกล้ทั้งสองสายนี้มากๆ อย่าง BTS สถานีห้าแยกลาดพร้าว ใกล้เพียง 20 เมตร ถึง Skywalk และ MRT สถานีพหลโยธิน ที่อยู่ไม่ไกลแค่ 80 เมตร คืออยู่ในระยะที่เดินได้แบบยังไม่ทันรู้สึกเหนื่อยเลย
หรือถ้าจะใช้รถขนส่งสาธารณะอื่นๆ ก็มีให้เลือกทั้ง วินมอเตอร์ไซค์ รถประจำทาง แท็กซี่ หรือจะใช้บริการเรียกผ่านแอปพลิเคชันไม่ว่าจะเป็น Grab, CABB Taxi หรือ Muvmi รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า ก็สามารถเลือกได้ตามต้องการ
ไม่เพียงแค่เรื่องของการเดินทางเท่านั้น แต่ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของการเป็นแหล่งไลฟ์สไตล์ จุดศูนย์รวมของสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง เซ็นทรัลลาดพร้าว ยูเนี่ยนมอลล์ โลตัส ตลาดนัดจตุจักร
อีกทั้งยังมีร้านอาหารอร่อยๆ คาเฟ่น่ารักๆ และแฮงค์เอาท์ชิลๆ ที่กระจายตัวอยู่ตามโครงการ ช่วยให้ไม่ต้องออกไปไหนไกล
Photo credit by : dooddot
Photo credit by : kiji.life
รวมไปถึงยังอยู่ไม่ไกลจากสถานศึกษาอย่าง รร.หอวัง รร.นานาชาติเซนต์สตีเฟ่นส์ รร.สาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
แม้แต่สถานพยาบาลก็มีรองรับใกล้โครงการ เช่น รพ.วิภาวดี รพ.เปาโล เมโมเรียล รพ.เปาโล เกษตร เป็นต้น
Photo credit by : Facebook Horwang Official
ประกอบกับแถวนี้ยังมีบริษัทและสำนักงานออฟฟิศชั้นนำ ได้แก่ ปตท.สำนักงานใหญ่, SCB Park, Sc Asset, สำนักงานใหญ่การบินไทย, Sun Tower และ อาคารพร้อมพันธุ์ เป็นต้น
ยิ่งไปกว่านั้นยังมี Mega Project ไม่ว่าจะเป็น สถานีกลางบางซื่อ หรือ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จุดศูนย์กลางเชื่อมต่อรูปแบบการเดินทางระบบรางและระบบขนส่งมวลชน ซึ่งถือเป็นสถานีรถไฟกลางที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อีกทั้งยังมี Mega Project อีกมากมาย อาทิ S Oasis, Bangkok Terminal, เซ็นทรัล พหลโยธิน (ชื่อไม่เป็นทางการ), BTS + CPN และ Mochit Complex ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
ปิดจบทำเลให้ครบจะขาดสวนสาธารณะไปไม่ได้ โดยมีทั้ง สวนรถไฟ สวนจตุจักร และสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ในพื้นที่เดียวกัน ทำให้ติด 1 ใน 3 ของกรุงเทพฯ กลายเป็นสวนขนาดใหญ่กว่า 700 ไร่
ส่งผลให้กลายเป็นทำเลระดับ World Class ที่ราคาที่ดินขยับขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งใครได้ครอบครองที่ดินหรือที่อยู่อาศัยแถวนี้ไว้ ณ เวลานี้ บอกได้เลยว่าอนาคตข้างหน้ายังไงก็เพิ่มมูลค่าได้แน่นอน
ดังนั้นหากใครกำลังมองหาคอนโดแถวห้าแยกลาดพร้าว โครงการ The Crest Park Residences คือคำตอบที่ใช่และตอบโจทย์ที่สุดแล้ว
ด้วยการเป็นโครงการที่พัฒนาภายใต้บริษัทร่วมทุนระหว่าง SC Asset กับ Nishitetsu Group ผู้นำในภูมิภาค คิวชูของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นคอนโด High Rise ระดับ Luxury สุดหรู สูง 36 ชั้น 1 อาคาร บนที่ดินขนาด 1-3-93.5 ไร่
มีจำนวนทั้งหมดแค่ 418 ยูนิต ซึ่งนับว่ามีลูกบ้านน้อยมากทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูง แต่ที่พิเศษและไพรเวทไปอีกระดับคือ ต่อชั้นมีประมาณแค่ 16 ยูนิต และการออกแบบของอาคารด้วยฟังก์ชัน Single Corridor ทำให้เปิดประตูไม่ชนกับใคร
โดยโครงการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Urban Luxury Living, Inspired by Nature’ ให้ธรรมชาติเข้าใกล้ชีวิต… กว่าที่เคย ให้ทุกวันเหมือนวันพักผ่อน ที่ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ด้วยการดีไซน์ที่นำ Nature Element เข้ามาเป็นองค์ประกอบตั้งแต่ภายนอกจรดภายใน
เริ่มตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าสู่ซุ้มประตูทางเข้า ที่นำไม้ยืนต้นไม้เลื้อยและน้ำพุมาตกแต่ง รวมถึงบริเวณด้านนอก Lobby ที่มีการออกแบบให้เป็นสวนสีเขียวที่เรียกว่า Waterior Garden นอกจากนี้บนตัวอาคารเองก็มีการกระจายสวนไปยังชั้นต่างๆ ในชื่อว่า Floating Oasis ได้แก่ ชั้น 4, 12A, 21, 28 และ 36 รวมถึงชั้น Rooftop เพื่อให้ได้สัมผัสความเขียวขจีและความร่มรื่นได้ในทุกๆ จุด
สำหรับที่จอดรถ สามารถจอดได้ 235 คัน โดยเป็นแบบ Automatic 230 คัน ช่องจอดปกติ 5 คัน พร้อมช่อง EV Charging Station แบบ Fast Charge On Ground อีก 4 ช่อง
ขณะที่ส่วนกลางอื่นๆ ก็ยังคงไม่ทิ้งความเป็นธรรมชาติ The Grand Cave Lobby ได้ความสูงแบบ Double Space บวกกับเน้นสีเอิร์ธโทนอย่างสีเบจ และสีน้ำตาลเป็นหลัก พร้อมกับออกแบบผนังที่เหมือนกับกรุเป็นระแนงไม้ และทำให้มีความเป็นเคิร์ฟโค้ง เชื่อมต่อไปจนถึงเพดานเหมือน Cave ตามธรรมชาติ
อีกฝั่งหนึ่งเป็นกระจกแบบ Full Height ทำให้ภาพรวมทั้งหมดออกมาสัมผัสได้ถึงความโปร่งโล่งสบายและสวยงามไปในคราวเดียวกัน และจัดพื้นที่นั่งไว้หลากหลายมุมเหมาะแก่การต้อนรับแขกเป็นอย่างมาก
ขยับเข้าไปด้านจะเจอกับ Private Lobby ที่เข้าได้เฉพาะลูกบ้าน ที่ดีไซน์ให้ใกล้ชิดธรรมชาติด้วยการมองเห็น Waterior Garden วิวสวนภายนอก พร้อมทำการคอนเน็คธรรมชาติเข้ามาถึงภายในผ่านการจำลองน้ำตกและโขดหิน
ซึ่งก็จัดที่นั่งไว้ให้ได้มานั่งเล่นนั่งพักผ่อน หรือจะนั่งรอลิฟต์ รอ Auto Parking ก็ได้เหมือนกัน
ไปต่อกันที่ชั้น 2 ซึ่งสามารถขึ้นมาได้ทั้งทางจากบันไดวนและลิฟต์ โดยจะเจอกับ Business Lounge and Meeting Room พื้นที่นั่งทำงานทั้งแบบโซฟาและแบบเคาน์เตอร์บาร์
หรือหากต้องการทำงานแบบใช้สมาธิก็จัดห้องไว้แบบเป็นส่วนตัว รวมถึงจัดโซนไว้สำหรับประชุมให้อีกด้วย
เดินมาอีกฟากหนึ่งของชั้นนี้คือ Private Dressing Room จัดโต๊ะเครื่องแป้งและที่นั่งไว้ให้หลากหลาย สามารถใช้งานได้หลายคนพร้อมๆ กัน
รวมถึงมีห้องแต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า จัดมาให้ครบจบในห้องเดียว ไว้ชวนเพื่อนๆ มาแต่งตัวด้วยกันได้
ขึ้นลิฟต์ตรงไปที่ชั้น 21 ซึ่งจะเป็นส่วนกลางสำหรับปาร์ตี้สังสรรค์อย่าง Michelin Lounge and BBQ Area โดยออกแบบห้องนี้ให้เพดานสูงและได้กระจกแบบ Full Height ถึงสองฝั่ง มองเห็นวิวข้างนอกได้แบบเต็มสายตา
พร้อมจัดพื้นที่ทั้งส่วนของเตรียมอาหาร และพื้นที่นั่งรับประทานด้วยโต๊ะขนาดใหญ่ 10-12 ที่นั่ง รวมถึงมีมุมโซฟาไว้ให้นั่งเล่น
และยังมีส่วน Outdoor ไว้นั่งรับลมชมวิวสวนขนาดใหญ่ของกรุงเทพฯ กว่า 700 ไร่
แต่ไฮไลต์ของส่วนกลางอยู่ที่ชั้น 36 เน้นให้ลูกบ้านทำกิจกรรม Activities ต่างๆ ได้แก่ Swimming Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือแบบ Semi Outdoor โดยมีหลังคาคลุม ให้ลูกบ้านสามารถใช้งานได้ตลอดเวลา ซึ่งมีความยาวสระ 35 เมตร ให้ได้ว่ายออกกำลังกาย
หรืออยากจะแช่น้ำเล่นชมวิวเมืองก็มี Jacuzzi และยังมี Kids Pool สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก
ส่วน Fitness Room แบ่งออกเป็น 2 โซน โซนแรกได้รวบรวมเครื่องออกกำลังกายไว้หลากหลายชนิด มีขนาดกว้างขวางโปร่งโล่ง ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด
อีกส่วนจะเป็นห้องแบบเป็นส่วนตัว จัดเตรียมติดตั้งทีวีไว้ให้เรียบร้อย สำหรับคนที่ชอบออกกำลังกายแบบโยคะ คาร์ดิโอ หรือจะเต้นออกกำลังกายก็ยังได้
นอกจากนี้ยังมี Spa Room รองรับทั้งแบบห้องเดี่ยว ห้องคู่ และมีห้องน้ำในตัว ให้ใช้งานได้สะดวกสบายโดยไม่ต้องก้าวออกจากโครงการ
นอกจากนี้ในส่วนของดีเทลเล็กๆ แต่โครงการก็ยังคงพิถีพิถันในการออกแบบ นั่นก็คือ Exclusive mailbox ด้วยการแบ่ง mailbox แยกออกไปในแต่ละชั้นพักอาศัย เพื่อให้ง่ายต่อการหยิบใช้งาน
เหนือกว่าด้วย Concierge service คอยอำนวยความสะดวกสบายเสมือนมีผู้ช่วยส่วนตัว หรืออยากจะจอง Facilities ตรงส่วนไหนก็ติดต่อโดยตรงได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ดีความประณีตบรรจงในการรังสรรค์โครงการ The Crest Park Residences ยังรวมไปถึงการดีไซน์ห้องพักอาศัย ที่คัดสรร Spec และวัสดุต่างๆ ได้ออกมาดีเกินมาตรฐาน และถึงแม้ว่าจะขายแบบ Fully Fitted แต่กลับให้มาแบบเรียกได้ว่าแทบจะครบเลยทีเดียว เพราะนอกจากได้ Digital Door Lock ชุดครัว สุขภัณฑ์ในห้องน้ำพร้อมฉากกั้นแล้ว ยังได้เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน และเครื่องใช้ไฟฟ้าบางส่วน
รวมถึงสร้างความยูนีคด้วยการออกแบบ Layout ห้องพักอาศัย ให้เลือกค่อนข้างหลากหลายแบบ เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ที่มาพร้อมกับความสูงจากพื้นถึงเพดาน 3 เมตร ทั้งนี้จะมีห้องให้เลือกทั้งหมดหลักๆ อยู่ 4 Type คือ
1 Bedroom ขนาด 31-50 ตารางเมตร |
1 Bedroom Plus ขนาด 47-50 ตารางเมตร |
2 Bedroom ขนาด 71-73 ตารางเมตร |
High Ceiling unit ขนาด 31-73 ตารางเมตร |
1 Bedroom ขนาด 31 ตารางเมตร
เมื่อเข้ามาแล้วห้องครัวเป็นโซนแรกที่เราจะเจอโดยได้แบบครัวเปิด ซึ่งชุดเคาน์เตอร์ครัวที่โครงการจัดเตรียมไว้ให้จะอยู่ทางขวามือ ตัว Top ใช้หินควอทซ์สีขาว มีพื้นที่เก็บของด้านล่าง ซึ่งได้หน้าบานแบบ High Gloss เพิ่มความหรูหรา โดยมีช่องว่างให้วางเครื่องซักผ้าตรงบริเวณนี้
และยังได้ตู้เก็บของด้านบนที่หน้าบานจะเป็นแบบกระจกเงา เช่นเดียวกับ Backsplash ที่สำคัญคือได้เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวแบบครบเซตทั้ง เตาไฟฟ้า 2 หัว เครื่องดูดควัน Microwave Oven และตู้เย็นแบบบิวท์อิน ซึ่งล้วนใช้ยี่ห้อ Gorenje แค่โซนแรกก็ดูสวยงามน่าใช้งานสุดๆ
ฝั่งตรงข้ามจะมีตู้เก็บรองเท้าที่ทางโครงการก็บิวท์มาให้เข้าเซตกับชุดครัว
ติดกันเป็นห้องน้ำได้สุขภัณฑ์แบบจัดเต็มทั้งอ่างล้างหน้า พร้อมตู้เก็บของข้างใต้ ซึ่งเก็บได้ค่อนข้างเยอะ หรือแม้แต่หลังกระจกก็ทำเป็นตู้เก็บของไว้ให้เพิ่มเติม และได้โถสุขภัณฑ์แบบ Washlet
ส่วนโซนอาบน้ำก็จะได้ทั้ง Hand Shower และ Rain Shower รวมถึงติดตั้งกระจกฉากกั้นแยกส่วนเปียกส่วนแห้งมาให้ชัดเจน
เข้ามาดูพื้นที่ Living Area กันต่อ โดยแบ่งเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร วางโต๊ะกินข้าวได้ขนาด 2 ที่นั่ง
อีกส่วนคือพื้นที่นั่งพักผ่อนนอนดูซีรีส์ วางโซฟาได้ขนาด 2 ที่นั่ง อีกฝั่งสำหรับวางทีวี ซึ่งจะเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวหรือบิวท์อินก็ให้ฟีลไปคนละแบบ
แต่ที่ชอบคือการให้กระจกบานใหญ่ ทั้งแบบบานกระทุ้งและบานฟิกซ์ ทำให้ห้องดูโปร่งโล่ง สามารถอยู่ในห้องได้ทั้งวันได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด
ห้องนอนจะได้แบบประตูกระจกบานเลื่อน ซึ่งมีข้อดีตรงเปิดเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นเพื่อให้ห้องมีขนาดใหญ่และกว้างขวางมากขึ้น หรือถ้าอยากได้แบบเป็นส่วนตัวแนะนำให้ติดม่านเพิ่มเติมก็ทำได้ง่ายๆ
โดยวางเตียง 5 ฟุต ก็ยังมีพื้นที่ด้านข้างเหลือเฟือ ซึ่งทางโครงการจะบิวท์อินตู้เสื้อผ้ามาให้เต็มผนังสุดเพดาน หน้าบานกระจกสีชาเพิ่มความเรียบหรูดูดี
โดยระเบียงจะอยู่ในห้องนอน ซึ่งราวกันตกได้เป็นกระจกใส พื้นที่กว้างขวางประมาณหนึ่ง
2 Bedroom ขนาด 73 ตารางเมตร
ห้องตัวอย่างที่จะพาไปดูเป็นห้องมุม และได้ Layout ตามรูปทรงอาคารคือมีความเป็นมุมเป็นเหลี่ยมดีไซน์เก๋แปลกตา แต่ใช้สอยได้คุ้มค่าทุกตารางเมตรแน่นอน
พอเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับตู้เก็บรองเท้าเก็บของ ที่ทางโครงการก็บิวท์มาให้เหมือนเดิม
ซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำ ที่สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง โดยอีกทางจะอยู่ในห้องนอนที่ 2 มีขนาดกำลังพอเหมาะ ใช้งานได้สะดวกสบาย และได้สุขภัณฑ์ตามที่เห็นในห้องตัวอย่างเลย
ตรงข้ามเป็นห้องครัวได้สเปซกว้างขวางพอสมควร ซึ่งจะได้แบบครัวปิด ได้เคาน์เตอร์ครัวรูปตัวไอขนาดใหญ่ ทำให้มีพื้นที่เตรียมอาหาร พื้นที่เก็บของทั้งด้านล่างและด้านบนได้เยอะทีเดียว
และที่แตกต่างจากห้องแรกคือซิงค์ล้างจานเป็นแบบ 2 หลุม และเตาไฟฟ้าได้ถึง 4 หัว ที่เพิ่มเติมเข้ามา
อีกทั้งพื้นที่ครัวยังมีที่ว่างมากพอให้สามารถวางโต๊ะกินข้าวได้ขนาด 2-4 ที่นั่ง
ถัดไปเป็นห้องนั่งเล่นวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง รวมถึงชั้นวางทีวี และโต๊ะกลาง ก็ยังมีพื้นที่ให้เดินไปมาโดยรอบได้สะดวก
โดดเด่นด้วยช่องแสงจากทางระเบียง ซึ่งตัวระเบียงจะเป็นแนวยาว วางต้นไม้สร้างพื้นที่สีเขียวรับกันกับวิวสวนสาธารณะขนาดใหญ่กว่า 700 ไร่ ให้นั่งมองทิวทัศน์เพลินๆ
กลับเข้ามาขอพาไปดูห้องนอนที่ 2 กันก่อนซึ่งจะอยู่ใกล้กับฝั่งห้องครัว วางเตียง 5 ฟุตได้สบายๆ ยังมีพื้นที่เหลือให้วางโซฟาเดี่ยว หรือโต๊ะเครื่องแป้งก็สามารถทำได้
ได้ช่องแสงเกือบจะเต็มผนัง ยิ่งทำให้ห้องดูกว้างขวางมากกว่าเดิม แถมยังเห็นวิวสวนของกรุงเทพฯ แบบชัดเจน
ส่วนของตู้เสื้อผ้าจะอยู่ติดกับห้องน้ำ ที่จะได้เหมือนกับห้องข้างต้น จุเสื้อผ้าได้เยอะทีเดียว
แต่ที่ห้ามพลาดเลยคือ Master Bedroom เข้ามาแล้วจะเจอกับโซนแต่งตัวหรือ Walk-in Closet ทางขวามือ บิวท์อินตู้เสื้อผ้ามาให้ถึงสองฝั่งอยู่ร่วมกันสองคนก็ยังเก็บเสื้อผ้าได้แบบสบายๆ
ติดกันเป็นห้องน้ำ ที่มีขนาดใหญ่รองรับการใช้งาน 2 คนพร้อมๆ กันก็ยังได้ โดยให้อ่างล้างหน้าแบบ His&Her
ซึ่งจุดที่เซอร์ไพรส์อยู่ตรงโซนอาบน้ำที่กั้นด้วยประตูกระจก โดยทำการเปลี่ยนจากผนังทึบเป็นกระจกแบบ Sexy Bath และได้อ่างอาบน้ำ พร้อมโซน Shower
ออกมาจาก Walk-in Closet จะเจอกับมุมนั่งทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้ง เชื่อมต่อไปยังส่วนพักผ่อน
วางเตียง 5-6 ฟุต ก็ยังมีพื้นที่มากพอให้วางโต๊ะหัวเตียง แต่ที่ชอบคือการให้ช่องแสงมาหลายบานแบบแทบจะรอบด้านเลยทีเดียว ทำให้ห้องยิ่งโปร่งโล่งเหมาะแก่การพักผ่อนและได้รับวิวในมุมมองที่แปลกใหม่แตกต่างไปจากเดิม
นอกเหนือจาก 2 ห้องตัวอย่างที่รีวิวไปข้างต้นแล้ว ทางทีมงานยังแอบไปเก็บภาพบรรยากาศอีก 2 Type มาฝากกันเล็กๆ น้อยๆ
1 Bedroom ขนาด 41.5 ตารางเมตร
ลักษณะของห้องจะได้แบบครัวปิด โดยเจอครัวก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งชุดเคาน์เตอร์ครัว และตู้เก็บรองเท้าจะมีรูปแบบเหมือนๆ กัน
คอนเน็คไปยังห้องนั่งเล่น ที่มีพื้นที่ยืดหยุ่นในการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ โดยได้ช่องแสงจากทางระเบียง เพิ่มความสว่างให้แก่ภายในห้องได้อย่างทั่วถึง
ห้องนอนจะได้แบบประตูบานทึบ แบ่งแยกเป็นสัดเป็นส่วนชัดเจน ซึ่งได้สเปซขนาดใหญ่ ได้กระจกเข้ามุม และตู้เสื้อผ้าที่บิวท์อินมาให้เช่นเดิม
ห้องน้ำจะอยู่ในห้องนอนซึ่งจะได้ทุกอย่างตามที่เห็นในภาพเลย
1 Bedroom ขนาด 50 ตารางเมตร
ห้องนี้พอเข้ามาแล้วจะเจอกับ Common Area ระหว่างพื้นที่รับประทานอาหารกับห้องนั่งเล่น ซึ่งพื้นที่มีความยืดหยุ่น ช่วยให้เราเลือกเฟอร์นิเจอร์ในการจัดวางได้หลายแบบ
ห้องครัวจะอยู่ซ้ายมือใกล้ทางเข้า เป็นครัวปิดช่วยให้ง่ายต่อการทำอาหาร ไม่ต้องกังวลว่ากลิ่นจะฟุ้งไปยังห้องอื่นๆ
ห้องนอนจะได้ประตูบานทึบ ที่ให้พื้นที่มาแบบจัดเต็ม วางเตียง โต๊ะทำงาน บวกกับช่องแสงขนาดใหญ่
พร้อม Walk-in Closet ในตัว ที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนมาให้เรียบร้อย
เชื่อมต่อไปยังห้องน้ำ ได้สุขภัณฑ์ครบครันพร้อมใช้งาน
โครงการ เดอะ เครสท์ พาร์ค เรสซิเดนเซส สร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อย พร้อมเวลคัมเปิดให้ชมตึกจริง วิวจริงกันแล้ว ในราคาเริ่มต้น 6.29 ล้านบาท* แล้วจะได้พบกับที่สุดของความ Rare หนึ่งเดียวบนทำเล ห้าแยกลาดพร้าว ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็น Iconic Luxury Condominium
ที่สร้างสรรค์งานมาสเตอร์พีซได้อย่างมีเสน่ห์ ด้วยดีไซน์ที่แตกต่างและใส่ใจในทุกรายละเอียดรวมถึงความพิถีพิถันในการเลือกวัสดุเกรดพรีเมียม พร้อมการบริการที่เหนือชั้น ซึ่งล้วนสะท้อนถึงความหรูหราได้อย่างมีเอกลักษณ์
ไม่ต้องออกตามหาอีกต่อไป ในเมื่อทุกคำตอบของการใช้ชีวิตที่ดีที่สุดอยู่ที่นี่… The Crest Park Residence
11-12 ก.พ. 2023 นี้ ทางโครงการมีจัดงาน OPEN HOUSE เปิดให้ชมตึกจริง วิวจริง ให้ชมกันอย่างเป็นทางการ
คลิกมาลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษและรับข้อมูลกันก่อนนะทุกคน ที่ลิงก์นี้ >>> https://bit.ly/3OYctST
Livinginsider - Weekly Insight Report [10-16 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [03-09 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [27 Oct-02 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [20-26 Oct 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [13-19 Oct 2024]
2024-11-18
โดยรวมโอเค พัฒนาต่อไปครับ
รอติดตามเธออยู่นะจ๊ะ
อ่านไม่เบื่อเลยค่ะ
ห้องดูกว้างมาเลยจ้า
คือชอบมาก มีให้อ่านหลากหลายมาก
อ่านเพลินดี ชอบค่ะ