รายการโปรด
รามอินทรา เป็นหนึ่งในทำเลที่กระแสดีมาเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ที่หลายคนน่าจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าย่านนี้มีของดีมากแค่ไหน จึงขอสคริปต์ข้ามไปเขียนต่อด้านล่างอย่างละเอียดอีกทีนะ ก็เพราะว่าตอนนี้มีสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจมากกว่าน่ะสิ
นั่นก็คือ พฤกษา เรียลเอสเตท บุกย่านรามอินทรา พร้อมเปิดตัวโครงการใหม่แรกของปี 2023 ด้วยรูปแบบคอนโด กับโครงการ Chapter One All Ramintra!! (แชปเตอร์ วัน ออล รามอินทรา) ที่มาในราคาเริ่มต้นล้านปลายๆ เท่านั้น
เอาจริงๆ ก็แอบเซอร์ไพรส์อยู่นะทุกคน ก็เพราะว่าแถวนี้โครงการใหม่ๆ ที่เป็นคอนโดเนี่ย นานๆ จะเกิดขึ้นให้ได้เห็นกันสักที ประกอบกับ First impression ที่ได้สัมผัสก็รู้สึกว้าวแล้ว และพอยิ่งทำความรู้จักก็คือพฤกษากล้าจัดมาให้ขนาดนี้เลย ซึ่งเกินมูลค่าที่ต้องจ่ายไปไกลมาก ทำให้รู้ว่าของจริงมาเยือนถึงถิ่นแล้ว
โปรดระวัง! รีวิวนี้ไม่มีหรอกสปอยล์ แต่มีเรื่องราวและดีเทลของโครงการ มาให้อ่านแบบครบจบในตอนเดียวกันไปเลยยยย
.
.
.
Chapter One All Ramintra ใช้ชีวิตแบบไม่มีสะดุด ต้องปักหมุดที่นี่ จัดมาให้แบบ All IN ONE ซื้อแค่หนึ่งแต่ครบทุกฟังก์ชัน ที่ตอบทุกโจทย์การอยู่อาศัย ไลฟ์สไตล์ไหนก็ติดใจ เริ่มต้นไม่ถึง 2 ล้าน*!!
ถ้าไม่พูดถึงทำเลก็คงยังไงอยู่ มาอัปเดตกันหน่อยดีกว่าว่า ‘รามอินทรา’ มีอะไรใหม่ๆ ชิคๆ กันบ้าง อย่างแรกก็คือจะมีโครงการ Chapter One All Ramintra ซึ่งตั้งอยู่บนถนนรามอินทรา แถมยังอยู่ติดถนนใหญ่เลยด้วย สะดวกต่อการเดินทางไม่ต้องเข้าซอยให้ยุ่งยาก
โดยเส้นนี้ได้เชื่อมต่อไปยังถนนสายสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นถนนพหลโยธิน ต่อเนื่องไปจนถึงถนนวิภาวดีรังสิต อีกทั้งถนนรามอินทรายังตัดกับถนนนวมินทร์ และถนนลาดพร้าว นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้กับทางพิเศษฉลองรัช ทำให้คนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัว รู้สึกมีทางเลือกในการเดินทางที่หลากหลาย
แต่ที่ทำให้ย่านนี้ได้รับความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น คงเป็นการเดินทางมาถึงของ รถไฟฟ้าสายสีชมพู ซึ่งหากว่าไม่มีอะไรผิดพลาด คาดว่าน่าจะได้ใช้บริการกันในปีนี้แล้ว โดยโครงการอยู่ใกล้กับ สถานีลาดปลาเค้า ประมาณ 250 เมตร และนั่งต่อไปแค่ 2 สถานี ก็จะเชื่อมต่อ Interchange กับ BTS สายสีเขียว สถานีวัดพระศรีฯ ให้เราเข้าเมืองได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ในส่วนของรถสาธารณะก็มีทั้ง วินมอเตอร์ไซค์ รถโดยสารประจำทาง รถแท็กซี่ รวมถึงสามารถเรียกใช้บริการผ่านแอปพลิเคชันก็สะดวกและรวดเร็ว
Photo credit by : wikipedia
ยิ่งไปกว่านั้นในเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวก แหล่งท่องเที่ยวไลฟ์สไตล์ต่างๆ ก็มีไม่แพ้ในเมือง อย่างล่าสุดที่เพิ่งรีโนเวทไปแบบสดๆ ร้อนๆ ก็คือ Central Ramindra จะกินจะช้อปจะเอนเตอร์เทนเมนท์ก็มีพร้อมเสิร์ฟให้ทุกอย่าง
Photo credit by : myenjoylifestyle
Photo credit by : facebookไปกันไหม
หรือถ้าใกล้ๆ โครงการเลยก็มี Big C, The Jas Ramintra, Ease Park, Foodland รวมถึงร้านอาหารและคาเฟ่อีกเพียบ แถมยังมีตี๋น้อย ของโปรดของใครหลายคนอีกด้วย
Photo credit by : wongnai
ส่วน สถานศึกษา ก็อยู่ไม่ไกล ได้แก่ รร.มัธยมสาธิตวัดพระศรีมหาธาตุ มหาวิทยาลัยศรีปทุม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกริก และมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ขณะที่ สถานพยาบาล ก็อยู่ละแวกใกล้โครงการ เช่น รพ.จุฬาภรณ์ รพ.ซีจีเอช รพ.สินแพทย์ รามอินทรา เป็นต้น
Photo credit by : spu
เซอร์เวย์รอบนอกว่าเจ๋งแล้วแต่ Sales Gallery ของโครงการ Chapter One All Ramintra ก็โดดเด่นไม่แพ้กันตั้งแต่ตัวอาคารที่เป็นสีขาว เพิ่มลูกเล่นด้วยการทำเป็นหน้าจั่วสร้างความเก๋ ตัดกับขอบสีแดงรวมถึงป้ายโครงการที่ใช้สีเดียวกัน เพื่อให้สะดุดตาใครผ่านไปผ่านมาก็ต้องเหลียวมอง
เมื่อเข้ามาด้านใน Sales Gallery จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แตกต่าง เพราะทางโครงการได้เนรมิตออกแบบขึ้นมา ให้เหมือนกับเราได้เข้าไปอยู่ในโครงการจริง
โดยทำการกรุผนังด้วยไม้สีน้ำตาลเข้ม รับกันกับเฟอร์นิเจอร์โซฟาสีส้มสีสันสดใส และเก้าอี้สีเอิร์ธโทน ดูอบอุ่นแต่ก็ยังมีความสนุกสนาน ซึ่งก็จัดที่นั่งรองรับลูกค้าเอาไว้หลากหลายที่นั่ง
รวมไปถึงการสร้างโมเดลจำลอง เพื่อให้มองเห็นภาพได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ที่มีแยกเอาไว้ถึง 2 โมเดลด้วยกัน โดยที่นี่ทำโมเดลส่วนกลางแยกออกมาให้ดูเลย เพราะส่วนกลางแน่นมาก
โดยโมเดลแรกเป็นการจำลองอาคารที่พักอาศัย ซึ่งโครงการ Chapter One All Ramintra เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 3 อาคาร รวม 631 ยูนิต สามารถจอดรถได้ 43% (รวมซ้อนคัน และ EV Charger) บนที่ดินขนาด 5-0-65.2 ไร่
และมีแนวคิดที่น่าสนใจคือ ‘เริ่มต้นบทใหม่ของชีวิตแบบ ALL IN ONE’ โดยคำว่า ALL มาจาก 3 คีย์เวิร์ดหลักๆ ดังนี้ All time ชีวิตลื่นไหลไม่ติดขัด ได้ทุกที่ ดีทุกเวลา พร้อมส่วนกลาง 24 ชม. Living Design ตอบทุกโจทย์การอยู่อาศัย เพราะคิดมาให้ครบ คุ้มทุกตารางเมตร และ Lifestyles ไหนก็ติดใจ กับพื้นที่ส่วนกลางหลากหลายฟังก์ชัน
สำหรับภาพรวมการออกแบบโครงการ ก็มาในคอนเซ็ปต์ The Dutch Aesthetic โดยได้อินสไปร์จากความเป็นเมือง Amsterdam มาร่วมสร้างสรรค์เกิดเป็น Mood & Tone ที่สัมผัสได้ถึงความเป็น Cozy อบอุ่นสบายๆ ในแบบคลาสสิกแต่ดูโมเดิร์นทันสมัย
ผ่านสถาปัตยกรรมที่มีความยูนีคเฉพาะตัว ทั้งการดีไซน์ Facade มีการลงดีเทลเพิ่มคิ้วบัวเพื่อสร้างมิติให้แก่ตัวอาคาร บวกกับโทนสีที่เน้นสีฟ้าอมเทา และสีน้ำตาล ประกอบกับแลนด์สเคป ที่ออกแบบให้ล้อมรอบด้วยพื้นที่สีเขียว ทำให้เกิดการผสมผสานสร้างไดนามิกได้อย่างลงตัวสวยงาม
ขณะที่โมเดลที่สองจะเป็นส่วนกลาง และที่ต้องทำแยกออกมาก็เพราะว่าทางโครงการให้ Facilities มาถึง 8+1 ชั้น และมีส่วนที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย!!!
โดยจะอยู่ทางฝั่งอาคาร A เริ่มตั้งแต่ชั้นแรกจะเป็นส่วนของ Shop และ Living Lounge เป็น Lobby ซึ่งจัดพื้นที่นั่งเล่น นั่งทำงานแบบชิลๆ ไว้หลากหลายมุม
ชั้น 2 เป็นโซน Activity พื้นที่รีแลกซ์ผ่อนคลาย ให้ทำกิจกรรมกันอย่างสนุกสนาน ได้แก่ Multiplay Space, Entertainment Space และจะมีส่วนที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมง นั่นก็คือ Workshop Space
ต่อด้วยชั้น 3 จะเจอกับโซน Co-Working Space และ Meeting Room ที่เปิด 24 ชั่วโมงเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นพื้นที่นั่งทำงาน ที่จัดเอาไว้ทั้งมุมส่วนตัว และส่วนรวมสำหรับชวนเพื่อนๆ มานั่งร่วมกัน หรือต้องการประชุมแบบเป็นกิจจะลักษณะก็มีห้องแยกเตรียมไว้ให้
มาถึงชั้น 4 ใครสายปาร์ตี้สังสรรค์น่าจะต้องชอบ เพราะมี Facilities ทั้ง Lifestyle Kitchen, Semi Outdoor BBQ ที่จัดเตรียมเครื่องใช้ไฟฟ้าในการทำครัวไว้ให้ครบครัน และส่วนของ Live Studio สำหรับเอาไว้ไลฟ์สดหรือถ่ายงานต่างๆ
ชั้น 5 กลุ่มรักสุขภาพต้องไม่พลาด Active Space หรือ Finess จัดเตรียมเครื่องออกกำลังกายไว้ให้ครบครัน พร้อมเปิดรับชมวิวภายนอก พร้อมไฮไลท์เป็นหน้าผาจำลอง สำหรับคนที่ชอบความ Extreme
ต่อเนื่องไปถึงชั้น 6 ที่ Functional Training Room, Yoga&Dance Room และ Outdoor Boxing ซึ่งแยกการใช้งานแต่ละโซนเพื่ออำนวยความสะดวกสบาย
ชั้น 8 และ Rooftop จะเชื่อมต่อกันและถือเป็นไฮไลท์ที่ห้ามพลาด พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ไล่เรียงตั้งแต่ Step Garden, Scenic Sky Yard, Jogging Track, Urban Farming ที่รวบรวมต้นไม้ ดอกไม้ รวมไปถึงพืชผักสวนครัวนานาพันธุ์ ที่ช่วยในเรื่อง Aromatherapy ให้ร่างกายและจิตใจได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด และหยิบไปใช้งานหรือปรุงอาหารได้จริง
อีกสเต็ปหนึ่งคือสระว่ายน้ำ Scenic Sky Pool, Jacuzzi, Endless Pool, Kid’s Pool และ Sun Deck มีครบทั้งส่วนที่ว่ายออกกำลังกาย และส่วนสำหรับแช่น้ำเล่นผ่อนคลายสบายอารมณ์
นอกจากนี้ยังมี Facilities ที่อาคาร B และ อาคาร C ซึ่งก็คือ Connecting Lounge และ Meeting Room โดยให้ความสูงจากพื้นจรดเพดานถึง 5 เมตร สร้างความโปร่งโล่งสบายให้แก่ผู้ที่มานั่งเล่นหรือนั่งทำงาน
นับว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่โครงการคอนโด Low Rise ที่กล้าให้ส่วนกลางมาแบบอลังการ ยิ่งกว่าครบครัน ซึ่งสามารถรองรับลูกบ้านได้เกินคำว่าเพียงพอไปไกลเลยทีเดียว
มาถึงส่วนของห้องพักอาศัย ที่ทางโครงการ แชปเตอร์วัน ออล รามอินทรา ก็พิถีพิถันในการคิดคำนวณและออกแบบไม่ต่างจากส่วนกลาง โดยขายแบบ Fully Fitted ได้ Digital Door Lock ชุดครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์บางส่วน สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ พร้อมเครื่องปรับอากาศ ซึ่ง Floor to Ceiling สูง 2.55 เมตร โดยที่นี่มีห้องให้เลือกทั้งหมด 4 แบบ ดังนี้
ALL-ROUND : 1 Bedroom ขนาด 24.0 ตารางเมตร
|
FASHIONISTA : 1 Bedroom ขนาด 26.9 ตารางเมตร
|
FAMILY-DESIGNED : 1 Bedroom Plus ขนาด 34.6 ตารางเมตร
|
MULTI-USE : 1 Bedroom Plus ขนาด 34.9 ตารางเมตร
|
ALL-ROUND : 1 Bedroom ขนาด 24.0 ตารางเมตร
ห้องแรกที่จะพาไปดูเป็นห้องเริ่มต้นของโครงการ พอเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับห้องนั่งเล่นก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งมีความกว้างขวางพอสมควร วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งไซซ์ใหญ่หน่อย หรือจะขนาด 3 ที่นั่งก็ยังได้ โดยพื้นจะได้เป็นพื้นไม้ SPC ที่มีความทนทานในทุกด้าน
ฝั่งตรงข้ามบิวท์ชั้นวางทีวีและยังมีพื้นที่พอให้บิวท์ตู้เก็บของด้านบนได้ หรือจะออกแบบให้พื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นตู้สำหรับเก็บรองเท้า ก็สามารถดีไซน์ตามไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยได้อย่างเต็มที่ ติดกันยังมีสเปซมากพอให้ทำเป็นมุมนั่งทำงาน หรือปรับเป็นมุมนั่งกินข้าว ซึ่งการออกแบบตามห้องตัวอย่างก็ดูเป็นไอเดียที่น่าสนใจ
ถัดไปเป็นห้องนอนที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 2 ตอน วางเตียง 5 ฟุต และตู้เสื้อผ้าที่ทางโครงการบิวท์มาให้สุดเพดาน แต่ของจริงจะได้เป็นแบบบานเปิดกรุผิวเมลามีนผิวลายไม้ ส่วนช่องแสงจะได้ทั้งหน้าต่างบานกระทุ้งและบานฟิกซ์
ออกมาจากห้องนอนขวามือจะเป็นห้องครัวแบบเปิด โดยพื้นจะเปลี่ยนเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ซึ่งทางโครงการบิวท์เคาน์เตอร์ครัวมาให้เรียบร้อย ตัว Top เป็นหินสังเคราะห์ และ Backsplash เป็นกระจกที่ง่ายต่อการทำความสะอาด พร้อมลิ้นชักเก็บของ และพื้นที่วางเครื่องซักผ้า
ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว จะได้เตาไฟฟ้า 2 หัว เครื่องดูดควันแบบหมุนเวียน รวมถึงซิงค์ล้างจาน จากแบรนด์ Hafele
เชื่อมต่อไปยังระเบียงข้างนอก ซึ่งมีพื้นที่ให้ใช้สอยอยู่ประมาณหนึ่ง
หันกลับมาจะเจอห้องน้ำ ได้สุขภัณฑ์ครบตามที่เห็นในภาพเลย ไม่ว่าจะเป็น อ่างล้างหน้า และก๊อกน้ำ จากแบรนด์ Cotto กระจกวงรีดีไซน์เก๋ โถสุขภัณฑ์ และ Hand Shower จากแบรนด์ Hafele พร้อมติดกระจกฉากกั้น และทำช่องวางของมาให้เรียบร้อยสวยงาม
MULTI-USE : 1 Bedroom Plus ขนาด 34.6 ตารางเมตร
พามาดูอีกหนึ่งห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เหมาะสำหรับคนที่อยากได้การแบ่งห้องแต่ละโซนชัดเจน
เมื่อเข้ามาแล้วจะพบกับห้องนั่งเล่น วางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งได้สบายๆ พร้อมบิวท์อินชั้นวางทีวีได้แบบจัดเต็ม อีกทั้งฝั่งทีวียังเหลือสเปซมากพอ ทางโครงการจึงทำเหมือนเป็นชั้นเก็บของพร้อมโต๊ะแบบพับเก็บได้ ให้ดูเป็นแนวทางในการใช้สอยพื้นที่ให้รู้สึกคุ้มค่า
และด้วยบริเวณ Living Area นี้ มีพื้นที่ค่อนข้างยืดหยุ่น จึงสามารถจัดเป็นมุมนั่งทำงานของผู้ใหญ่ หรือจะปรับเป็นมุมนั่งเล่นสำหรับใครที่มีลูกก็ได้เช่นเดียวกัน
ติดกันเป็นห้อง Multipurpose กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 2 ตอน ที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้หลากหลาย จะเป็นห้องทำงาน ห้องแต่งตัว หรือแม้แต่ทำเป็นห้องนอนเด็ก ก็ล้วนแล้วแต่ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย
โดยห้องนี้จะเชื่อมต่อกับระเบียงทำให้ได้ช่องแสงขนาดใหญ่ ส่วนด้านนอกจะมีพื้นที่ให้ใช้งานได้ค่อนข้างดีเลย
ข้างกันๆ เป็นห้องนอนใหญ่ที่ได้ประตูบานทึบ เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวและมีความเป็นสัดเป็นส่วน วางเตียงขนาด 5 ฟุตก็ยังเหลือสเปซโดยรอบ ทำให้อยู่แล้วไม่รู้สึกอึดอัด
ขณะที่ตู้เสื้อผ้า ทางโครงการก็บิวท์มาให้สวยงาม โดยรูปแบบจะได้ตามที่เห็นในภาพ มีชั้นเก็บของด้านข้างและด้านบน เพียงแต่ว่าของจริงดีไซน์จะได้แบบบานเปิดกรุผิวเมลามีนผิวลายไม้
ถัดไปจะเป็นห้องครัวแบบปิดที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ช่วยป้องกันกลิ่นอาหารฟุ้งกระจายไปยังห้องอื่นๆ แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ห้องครัวดูโปร่งไม่คับแคบ
ได้เคาน์เตอร์ครัวเป็นรูปตัวแอล เพิ่มพื้นที่ในการเก็บของและจัดเตรียมอาหาร โดยได้เครื่องใช้ไฟฟ้าเหมือนกับห้องแรก แต่แตกต่างกันตรงที่เครื่องดูดควันของห้อง Type นี้ จะได้แบบดูดออกนอกอาคาร
ปิดท้ายด้วยห้องน้ำได้มาตรฐาน ขนาดกว้างขวางพอสมควร และจัดเตรียมสุขภัณฑ์มาให้ครบครันพร้อมใช้งาน
โดยขอสรุปสิ่งที่จะได้แบบม้วนเดียวจบ ทำเลรามอินทรา รู้ๆ กันว่าเดินทางง่ายจะรถส่วนตัว รถสาธารณะ รถไฟฟ้า สะดวกหมด แหล่งไลฟ์สไตล์จัดเต็มกินอิ่มช้อปเพลินเที่ยวสนุก
ตัวโครงการเองก็จัด Facilities มาให้แบบอลังการงานสร้าง คือจะสนุกกับ Activity ชอบ Party ต้องการ Relax หรืออยากจะ Working ก็พร้อมรองรับทุกความต้องการ
ด้านห้องพักอาศัยเองก็ดีไซน์ Layout ออกมาได้น่าสนใจ มีการจัดสรรให้พื้นที่ทุกตารางเมตร สามารถใช้สอยได้อย่างคุ้มค่า และยังมีห้องให้เลือกหลายแบบ ที่ไม่ว่าจะไลฟ์สไตล์ไหนก็อยู่ได้อย่าง Happy!!
ใครชอบแบบนี้อยากได้แบบนี้ เตรียมตัวไว้ให้พร้อม ทางโครงการจะเปิดให้ชมห้องตัวอย่างครั้งแรก 11 มีนาคมนี้
ย้ำอีกครั้ง โปรวันงานพิเศษมาก
- มียูนิตราคาพิเศษ 20 ห้อง!! เริ่มที่ 1.79 ล้านบาท
- รับเพิ่ม Smart Furniture Package เฉพาะ 100 ยูนิตแรกเท่านั้น
- รับส่วนลดสูงสุดกว่า 200,000 บาท*
- จองเพียง 5,000 บาท ผ่อนเบาเริ่มต้น 3,900 บาท/เดือน
โดยอย่าลืมคลิกลงทะเบียนที่นี่ >>> https://bit.ly/3kbKpAG
Livinginsider - Weekly Insight Report [10-16 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [03-09 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [27 Oct-02 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [20-26 Oct 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [13-19 Oct 2024]
2024-11-18
รีวิวอ่านง่าย รูปภาพสวยครับ
อ่านยังไงให้เสียตังงงงงงงง เขียนแบบนี้ต้องเสียตังแน่ๆ
เยี่ยมไปเลยครับ