รายการโปรด
จากข้อมูลตัวเลขสถิติต่างๆ ในช่วงระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา จากระบบเว็บของเราที่มีผู้เข้าใช้งานเป็นอับต้นๆ ของประเทศ เราบอกได้เลยว่าตอนนี้ทำเลที่ 🔥 มาแรงที่สุดในกรุงเทพฯ ที่มีทั้งการค้นหาเพื่อซื้อและเพื่อเช่า กำลังจะกลายเป็นทำเล "รัชดา-พระราม 9" แล้ว !!!
เชื่อหรือไม่ ? คอนโดแถวนี้บางห้องใช้เวลาในการ โพสต์ลงประกาศปล่อยเช่า แล้วได้คนเช่า ในระยะเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง โอ้ยอะไรจะเวอร์ขนาดนั้น
ไม่ได้เวอร์ครับ !!! นี่คือเรื่องจริง
หากคุณไม่เชื่อ !!! คุณลองสอบถามเพื่อนที่มีคอนโดให้เช่าแถวนี้ หรือคนที่เป็นนายหน้าแถวนี้ก็ได้ ว่าคอนโดแถวนี้ มีคนสนใจมากแค่ไหน
นั่นคือสาเหตุที่เราบอกว่า….ถ้าคุณพลาดโครงการนี้ คุณจะเสียดายมากๆ หากต้องไปซื้อต่อคนอื่นๆ
จริงๆ แล้วต้องบอกว่า ผมได้รับข้อมูลภายในว่า SC Asset ได้ที่ดินบริเวณถนนเทียมร่วมมิตรมานานแล้ว และเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่เขาจะเปิดขาย ซึ่งผมคาดว่าในเวลาที่ผมได้เขียนบทความนี้ จะมียอดขายไปแล้วมากกว่า 50% อย่างแน่นอน
ทำไม ณ เวลานี้ ทำเลนี้ถึงน่าสนใจกว่าทำเลอื่นๆ ในกรุงเทพฯ
เรารู้กันอยู่แล้วว่ากลุ่มคนต่างประเทศ โดยเฉพาะ ชาวจีน ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย จะชอบทำเลรัชดา-พระราม 9 มาก เพราะเป็นทำเลที่มีกลุ่มคนชาติเดียวกันอยู่ด้วยกันและมีร้านอาหาร และไลฟ์สไตล์ต่างๆ ที่เขาชอบครบครัน
สำหรับถนนเทียมร่วมมิตรนั้น หลายคนที่ไม่เคยผ่าน อาจจะไม่รู้ว่าถนนเส้นนี้เป็นถนนที่อยู่ระหว่าง ถนนหลักเส้นรัชดาและพระราม 9 ซึ่งถนนเส้นนี้เป็นถนนที่มีลักษณะค่อนข้างกว้างถึง 4 เลนและเป็นถนน one way ตามภาพ
บนถนนเส้นนี้มีโครงการคอนโดต่างๆ ที่สร้างรวมกันมากกว่า 5,000 ห้อง มีห้องเยอะขนาดนี้ แต่เหลือเชื่อจริงๆ คือแทบทุกห้องมีคนอยู่อาศัยเต็มเกือบทั้งหมดแล้ว แถมกว่าครึ่งเป็นชาวต่างชาติ ที่มีทั้งซื้อเป็นเจ้าของเองและเช่าอยู่อาศัย
ผมเคยสอบถามว่า ทำไมเขา ถึงเลือกเช่าคอนโดทำเลนี้มากกว่าทำเลอื่นๆ ในย่านรัชดา-พระราม 9
เขาตอบว่า “แถวนี้ถนนกว้างและไม่พลุกพล่านอึดอัดเหมือนทำเลอื่นๆ ในย่านรัชดาพระราม 9 นอกจากนี้แล้วการขับรถแถวนี้ก็สะดวกและรวดเร็ว เพราะสามารถขึ้นทางด่วนได้ง่ายหรือหากต้องการขึ้นรถไฟฟ้าก็อยู่ห่างแค่นิดเดียว”
หากเป็นไปตามข้อมูลที่ผมรู้มาจากวงใน รับรองได้ว่าถนนเส้นนี้จะกลายเป็นถนนที่เปรียบเสมือน “ถนนหลังสวนแห่งใหม่ในอนาคตเลยทีเดียว” เพราะไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่ที่นี่ยังจะกลายเป็นเส้นที่มีไลฟ์สไตล์มอลล์ต่างๆเกิดขึ้นอีกจำนวนมาก
ไม่ใช่แค่ทำเลที่มีศักยภาพในอนาคตเท่านั้น แต่ด้วยราคาที่ SC Asset เปิดมา ผมคิดว่าเป็นราคาที่น่าสนใจมาก สำหรับการซื้ออยู่เองหรือซื้อลงทุน ยิ่งหากคุณได้เลือกห้องที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีหรือฟังก์ชันห้องที่โดดเด่น คุณยิ่งมีแต้มต่อในการทำกำไรได้มากขึ้นอย่างแน่นอน
ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นการเกริ่นแบบคร่าวๆ เพื่อให้คนได้รับทราบว่าโครงการนี้น่าสนใจแค่ไหน เดี๋ยวต่อจากนี้จะเป็นรายละเอียดทำเลและห้องตัวอย่างที่ผมได้ไปชมมาแล้ว ลองอ่านต่อกันเลยครับ
รายละเอียดโครงการแบบรีวิวเจาะลึก
ด้วยอัตลักษณ์ของความเป็น SC ASSET คือการสร้างที่อยู่อาศัยที่มีสถาปัตยกรรมดีไซน์โดดเด่นยากที่จะซ้ำกับใคร รวมถึงการคัดเลือกสินค้าและวัสดุจากแบรนด์ต่างๆ ที่มีคุณภาพสูงมาผสมผสานร่วมใช้ในแต่ละโครงการ และที่สำคัญคือบริการหลังการขาย ที่ต่อให้คุณซื้อไปแล้วกี่ปีก็ยังใส่ใจได้อย่างสุดยอด
ทำให้ใครหลายคนต่างอยากเป็นเจ้าของแบรนด์นี้ ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากได้นะแต่งบไม่ถึง เพราะเป็นที่รู้กันว่า SC ASSET เน้นอสังหาฯ Segment ระดับ High-End เป็นหลัก
แต่!!! วัยรุ่น คนรุ่นใหม่ อย่างเพิ่งหันหนี ไม่แพงอย่างที่คิด เพราะ SC ASSET ได้สร้างสรรค์แบรนด์ใหม่ ที่เข้าใจไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่มีความหลากหลายแตกต่างในทุกแง่มุม กับแบรนด์ COBE (โค้บบ์) ซึ่งพร้อมที่จะ Outstanding และพัฒนาให้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนโครงการแห่งนี้ออกมาเพอร์เฟกต์อย่างมีระดับ ณ โครงการ…
รู้สึกว่านี่น่าจะเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ ที่อยากจะเล่าถึงคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ก่อนเลย ซึ่งชื่อแบรนด์คำว่า COBE ก็มีที่มาที่ไปจากคำว่า Co-Being Community แนวคิดที่อยากให้เป็นคอนโดแห่งแรกที่พร้อมเป็นคอมมูนิตี้ซึ่งสามารถเข้าถึงวิถีชีวิตและตอบทุกโจทย์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ผ่านทำเลที่ตั้ง การออกแบบ สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง และห้องพักอาศัย ทั้งนี้ก็เพื่อให้เราเป็นตัวเองได้อย่างอิสระไร้ขีดจำกัด
ประเดิมโครงการแรกของแบรนด์ทั้งทีย่อมไม่ธรรมดาเพราะ COBE รัชดา-พระราม9 เป็นโครงการที่อยู่บนโลเคชันศักยภาพใจกลางเมือง Extension CBD ย่านรัชดา-พระราม 9 โดยอยู่บนถนนเทียมร่วมมิตร
ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนสายหลักได้หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น ถนนรัชดาภิเษก โดยใช้ถนนเทียมร่วมมิตรและออกขวาไปทางถนนวัฒนธรรม แต่ถ้าเลี้ยวซ้ายไปทางถนนวัฒนธรรมจะไปออก พระราม9 อโศก และสุขุมวิทได้
อีกทางหนึ่งจากตัวโครงการหากเลี้ยวซ้าย จะไปยังถนนประชาอุทิศที่สามารถไปถนนประดิษฐ์มนูธรรมได้ และยังมีทางลัดเลาะต่างๆ ไว้ใช้หลีกหนีเส้นทางรถติดในช่วงเวลาไพร์มไทม์ นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้ทางด่วนพิเศษศรีรัชเพื่อให้เดินทางไปไหนมาไหนทั้งเข้าเมืองหรือออกนอกเมืองได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ขณะที่การเดินทางด้วยรถสาธารณะ ถ้าสะดวกและรวดเร็วที่สุดก็ต้องวินมอเตอร์ไซค์ หรือเรียกใช้บริการ Muvmi ที่ทางโครงการเป็น Partner มาจัดตั้งสถานีให้ที่โครงการ ก็รับรองว่ารอไม่นาน เพื่อต่อไปยัง MRT สถานีศูนย์วัฒนธรรม ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโครงการ อีกทั้งสถานีนี้ในอนาคตยังเป็นจุด Interchange ของรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งพร้อมเปิดให้บริการในปี 2568
และอีกประเด็นที่ทำให้ย่านนี้เป็นจุดดึงดูดของใครหลายคน อยู่ตรงที่ความอุดมสมบูรณ์ตั้งแต่ร้านสะดวกซื้อ ตลาดนัด ไฮเปอร์มาร์เก็ต คอมมูนิตี้มอลล์ ห้างสรรพสินค้า ไปจนถึงร้านอาหาร คาเฟ่ ที่รายล้อมอยู่รอบโครงการ
ได้แก่ Big C Extra รัชดา, ตลาดนัด Jodd Fairs พระราม9 โดยในปี 2567 จะย้ายไปที่รัชดาฯ, ตลาดนัดรถไฟรัชดาฯ, The Street, Esplanade, Central พระราม 9 เลยไปอีกหน่อยจะเจอกับ Union Mall และ Central ลาดพร้าว ให้ได้เลือกเที่ยว เลือกช้อป และเลือกกินได้อย่างเพลิดเพลิน
Photo credit by : thestreetratchada
Photo credit by : 137pillarshotels
แต่ที่สำคัญคือ การเป็นย่านธุรกิจที่รวบรวมสำนักงานออฟฟิศและบริษัทชื่อดังอย่าง CW Tower, RS Tower, AIA Capital Center, SET, G Tower, Unilever House, KPN Tower รวมถึงยังอยู่ใกล้สถานทูตต่างๆ ทั้งสถานทูตฯจีน สถานทูตลาว สถานทูตกัมพูชา และสถานทูตฯเกาหลี
แม้แต่ สถานศึกษา ก็อยู่ละแวกนี้เช่นเดียวกัน เช่น KIS International School, Regent’s International College, SISB Pracha Uthit, รร.เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้ากุนนที, รร.เซนต์ดอมินิก, มศว. และม.หอการค้าไทย
สถานพยาบาล ก็มีให้เลือกพอสมควร ยกตัวอย่าง รพ.พระราม 9, รพ.ปิยะเวท, รพ.ผิวหนังอโศก และรพ.กรุงเทพ เป็นต้น
Photo credit by : kis
อีกหนึ่งจิ๊กซอว์ตัวสำคัญคือโครงการ COBE รัชดา-พระราม 9 ซึ่งมีการดีไซน์ ออกแบบ ไปจนถึงการตกแต่งตั้งแต่ภายนอกจรดภายในที่ทันสมัย โดยมาในคอนเซ็ปต์ Valleys & Hills ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปรัชญาการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายของสองซีกโลก
ทั้งโลกตะวันตกประเทศเดนมาร์ก ด้วยคำว่า Hygge ที่สะท้อนความสุขสบายที่เกิดจากความสงบผ่อนคลาย สามารถเกิดขึ้นจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่ดี และโลกตะวันออกของชาวญี่ปุ่นอย่าง Wabi-Sabi ที่ให้คุณค่ากับความสวยงามตามธรรมชาติ สุนทรียภาพอันเรียบง่าย และไม่ยึดติดในความสมบูรณ์แบบ
เมื่อผสมผสานปรัชญาการใช้ชีวิตทั้งสองซีกโลกเข้าด้วยกันนี้ จึงได้ถูกถ่ายทอดผ่านผลงานอันโดดเด่นในทุกจุดของโครงการ ซึ่งแม้ว่าตอนนี้โครงการจะยังสร้างไม่เสร็จ แต่การเยี่ยมชม Sales Gallery จะทำให้เข้าใจและเห็นภาพได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ตัวอาคารออกแบบให้มีความหลากหลายรูปทรงทั้งความเป็นเหลี่ยมทรงหลังคาหน้าจั่ว เป็นสี่เหลี่ยมด้านขนานและเส้นสายของความโค้งมน โดยใช้โทนสีธรรมชาติอย่างสีเทาและสีดำเป็นหลัก ตัดกันกับสีเขียวขจีของต้นไม้ที่ล้อมรอบ Sales Gallery
และเมื่อเข้าไปด้านในจะเจอกับร้าน Moomin Cafe ร้านน่ารักๆ ที่พร้อมต้อนรับบริการกาแฟขนมต่างๆ
ขณะที่การตกแต่งภายในก็ยังเลือกใช้ Neutral Tone เช่นสีขาว สีครีม สีเบจ ในสไตล์ Japandi สร้างความรู้สึกอบอุ่นผ่อนคลายสบายอารมณ์ เพื่อให้สัมผัสได้ว่าหากอยู่อาศัยในโครงการจริงก็จะได้ฟีล Mood&Tone ประมาณนี้เลย
อีกทั้งยังมี Model โชว์ให้เห็นถึงความอลังการของโครงการ ว่าเมื่อสร้างเสร็จแล้วจะมีภาพรวมออกมาหน้าตาเป็นยังไง แต่ที่พิเศษคือมีการฉาย Animation ซึ่งจะโชว์ให้ดูถึง Facilities ต่างๆ อีกด้วย
โดยตัวโครงการนั้นเป็นคอนโด High Rise มีทั้งหมด 9 อาคาร จำนวนห้องพักอาศัย 1,612 ยูนิต และห้องชุดเพื่อการพาณิชย์ 8 ยูนิต บนขนาดที่ดิน 12-2-69.6 ไร่ สามารถจอดรถได้ 740 คัน (46%) ไม่รวมซ้อนคัน และมีบริการ EV Charger Station
โดยตัวอาคารจะแบ่งเป็น 2 ฝั่งและตั้งอยู่รายล้อมส่วนกลาง ซึ่งออกแบบแต่ละอาคารให้มีการเอียงเหลื่อมกันและไล่ระดับเป็นสเต็ป ทำให้ไม่ให้บังวิวทิวทัศน์ของแต่ละห้อง อีกทั้งพอหารเฉลี่ยแล้วแต่ละอาคารก็จะมีจำนวนยูนิตไม่เยอะ เพื่อให้ลูกบ้านได้ความเป็นส่วนตัวมากที่สุด
นอกจากนี้ภายในโครงการยังมีอาคารที่เป็น Pet Friendly ซึ่งจะมีการจัดสรรพื้นที่ให้เป็น Pet Park สำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ เอาใจเหล่าบรรดาทาสทั้งหลาย นับว่าเป็นไอเดียที่ดีและน่าสนใจทีเดียว
เสน่ห์ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะอย่างที่บอกไปตอนต้นว่าโครงการต้องการสร้าง Community เพื่อให้ลูกบ้านได้มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน จึงได้ออกแบบพื้นที่ส่วนกลางให้มีความหลากหลายแต่ยังคงสมดุลในการใช้ชีวิต
ตั้งแต่บริเวณด้านหน้าโครงการที่ตอนนี้เป็น Sales Gallery ออกแบบให้เป็นโซน Commercial ซึ่งอนาคตจะเป็น Foodland โมเดลใหม่ที่จะมีทั้งร้านอาหารและซูเปอร์มาร์เก็ต ที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมง
ด้านในตรงกลางเป็นศูนย์รวมของ Facilities ไม่ว่าจะเป็น Main Lobby, Pavilion, Co-Working Space, Workshop Space, Live Studio, Pool, Pool Lounge, Fitness และ Yoga Studio เป็นต้น ครบทุกความต้องการทั้ง Active Lifestyle & Leisure Lifestyle
ต่อเนื่องไปจนถึงการสร้างสรรค์ Application Ruejai ให้ลูกบ้านสามารถใช้งานผ่านการจองพื้นที่ส่วนกลาง จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ และสามารถเลือกเข้าร่วม Club ตามความสนใจ รวมถึงการมี Market Place ที่ให้คนในโครงการสามารถซื้อขายสินค้าระหว่างกันได้
และเพื่อให้เกิด Sustainability ทางโครงการจึงได้เตรียมพื้นที่สำหรับแยกขยะ ที่สอดรับแนวความคิด Zero Waste และลดการใช้พลังงานสำหรับพื้นที่ส่วนกลาง โดยติดตั้ง Solar Cell ไว้บนอาคาร พร้อมบริการ EV Shuttle Service จาก Muvmi โดยบริการให้ฟรีจากทางโครงการ 1 ปีแรก มูลค่า 1,600 บาท
อย่างไรก็ดีหากอยากจะให้กลายเป็นคอมมูนิตี้ที่สมบูรณ์แบบ โครงการยังได้เพิ่มกิมมิคอย่างการมีผู้ช่วยวางแผนทางการเงิน โดย KBANK, ที่ปรึกษาสุขภาพใจ โดย Relationflip นอกจากนี้ยังสร้างความมั่นใจด้วยการรับประกันเฟอร์นิเจอร์อีกด้วย เอาไว้รองรับลูกบ้านที่ต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งองค์ประกอบทั้งหมดนี้จะตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้อย่างแท้จริง
เหนือสิ่งอื่นใดทุกพื้นที่ตารางเมตรของห้องพักอาศัย โครงการ COBE รัชดา-พระราม 9 ก็ได้ดีไซน์ออกแบบและคัดสรรสิ่งต่างๆ ให้ออกมามีความประณีต และแสดงให้เห็นถึงความพิถีพิถันอย่างดีที่สุด
นอกจากนี้ยังมีความพิเศษตรงที่การขายแบบ Fully Furnished ได้ทั้ง Digital Door Lock เครื่องปรับอากาศ และแต่งครบพร้อมเฟอร์นิเจอร์ ที่ห้องตัวอย่างโชว์ความสวยงามยังไงก็ได้ตามที่เห็นเลย แต่ยกเว้นของตกแต่งนะ ซึ่งออกแบบในแนว Japandi มีความมินิมอลเรียบง่ายสบายตา แต่ก็ยังดูเก๋และชิคไม่ซ้ำใคร โดยมีห้องให้เลือกหลายแบบหลายขนาด ดังนี้
Studio ขนาด 23-28 ตารางเมตร |
1 Bedroom ขนาด 30-34 ตารางเมตร |
1 Bedroom Plus ขนาด 35-40 ตารางเมตร |
2 Bedrooms ขนาด 50-72 ตารางเมตร |
3 Bedrooms ขนาด 106 ตารางเมตร |
สำหรับห้องตัวอย่างจะมีให้ชม 3 Type ซึ่งเราจะพาไปชมให้เห็นแบบเจาะลึกในทุกซอกทุกมุมเลย
► Studio ขนาด 24.5 ตารางเมตร
เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับห้องครัวแบบครัวเปิดทางขวามือก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งทางโครงการบิวท์อินเคาน์เตอร์ครัว พร้อมตู้เก็บของด้านบนสุดเพดานมาให้สวยงาม โดยจะได้พื้นเป็น SPC ที่มีความแข็งแรงทนทานและกันความชื้นได้ดี
ตัว Top เป็นหินสังเคราะห์ ส่วน Backsplash กรุกระเบื้องเซรามิคเพื่อง่ายต่อการทำความสะอาด มาพร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเตาไฟฟ้า และ Hob & Hood จากแบรนด์ Hafele
ตรงข้ามเป็นส่วนของห้องน้ำ แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้นมีไฮไลท์คือ Walk-in Closet ซึ่งไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยนักสำหรับห้องสตูดิโอ ซึ่งโครงการบิวท์มาให้อย่างดีเต็มพื้นที่
เชื่อมต่อไปยังห้องน้ำมีขนาดกว้างขวางประมาณหนึ่ง ได้สุขภัณฑ์ครบทั้งอ่างล้างหน้า กระจกเงา โถสุขภัณฑ์ พื้นที่อาบน้ำ และ Hand Shower สำหรับใครที่อยากแยกโซนเปียกโซนแห้ง แนะนำให้ติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มอีกนิด
ออกมาสู่โซนพักผ่อน โดยได้ Floor to Ceiling 2.7 เมตร ซึ่งจะเห็นโต๊ะอยู่ทางซ้ายมือ ที่ปรับเปลี่ยนฟังก์ชันเป็นโต๊ะทำงานหรือโต๊ะกินข้าวก็ได้ โดยมีลูกเล่นแอบซ่อนอยู่ เพราะสามารถพับเก็บเข้าไปในวันที่อยากได้สเปซโล่งๆ
ด้านฝั่งดูทีวีโครงการก็ให้เป็นชั้นวางทีวีมาให้เรียบร้อย เข้าเซตกับเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ภายในห้องได้อย่างลงตัว
แต่ที่รู้สึกสะดุดตาอยู่ตรงที่การบิวท์อินพื้นที่นั่งเล่นเชื่อมต่อไปยังฝั่งที่นอน ให้ความรู้สึกเป็นญี่ปุ่นมินิมอลมิใจสุดๆ โดยฐานจะมีลิ้นชักไว้เก็บของให้เพิ่มเติม
ซึ่งโซฟามีขนาด 2 ที่นั่ง และสามารถวางเตียง 5 ฟุตได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด พร้อมช่องแสงที่ได้ทั้งกระจกบานกระทุ้งและบานฟิกซ์ ทำให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้เยอะ
รวมถึงได้ช่องแสงอีกจุดทางฝั่งระเบียง ซึ่งด้านนอกสำหรับวางเครื่องซักผ้าแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ใช้งานอีกประมาณหนึ่ง
► 1 Bedroom ขนาด 33.1 ตารางเมตร
สำหรับใครที่อยากได้ห้องแบบเป็นสัดเป็นส่วนและมีสเปซเพิ่มมากขึ้นต้องมาชมห้องนี้ ซึ่งก้าวแรกที่เห็นจะเป็นห้องครัวแบบครัวปิด โดยเป็นประตูกระจกบานเลื่อนทำให้ห้องดูโปร่ง และได้เคาน์เตอร์ครัวไซส์ใหญ่กว่าห้องสตูดิโอ มีตู้เก็บรองเท้าเก็บของให้เสร็จสรรพ
ตรงข้ามเป็นห้องน้ำที่สามารถเข้าออกได้สองทาง อีกฝั่งคือทางห้องนอนซึ่งจะได้เป็นประตูบานเลื่อน
ต่อเนื่องไปยังห้องนั่งเล่น ที่ทางโครงการจัดสรร Flexible Furniture มาให้อีกแล้ว คือคุ้มค่าสุดๆ ซึ่งเป็นทั้งตู้เก็บของและสามารถกางออกมาเป็นโต๊ะนั่งทำงานนั่งกินข้าวได้ชิลๆ พร้อมเก้าอี้เข้าชุด 2 ตัว
ติดกันเป็นโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ซึ่งก็ยังเหลือสเปซด้านข้างให้วางโต๊ะกลาง หรือเราจะปรับเปลี่ยนเพิ่มเก้าอี้สตูลอีกซะตัวก็ดูดีไม่น้อยเลย ตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวีซึ่งจะได้เหมือนกับห้องแรกที่ได้รีวิวไป
ถัดไปเป็นระเบียงโดยจะได้เป็นประตูบานสวิง และเป็นพื้นที่แนวลึกขนานกับทางห้องนอนทำให้มีสเปซใช้สอยได้ค่อนข้างเยอะ
ห้องนอนจะได้เป็นประตูไม้บานทึบ สร้างความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย ซึ่งตัวห้องมีขนาดใหญ่พอสมควร วางเตียง 5 ฟุตได้สบาย
อีกมุมเป็น Walk-in Closet จัดเต็มกับตู้เสื้อผ้าบานใหญ่จุเสื้อผ้าได้เยอะแน่นอน พร้อมโต๊ะเครื่องแป้งพอเหมาะพอดี ที่อยู่ติดกับห้องน้ำเพื่อให้ใช้งานได้สะดวก
► 1 Bedroom Plus ขนาด 36.5 ตารางเมตร
Type นี้หากเปิดประตูเข้ามาแล้วจะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ ระหว่างครัวและโซนนั่งเล่น โดยเคาน์เตอร์ครัวจะบิวท์มาให้เต็มผนัง ส่วนเครื่องซักผ้าจะมาอยู่ที่มุมนี้ ติดกันเป็นโต๊ะกินข้าวลายไม้ทรงโค้งมนดูดีสุดๆ
เชื่อมต่อไปยังห้องนั่งเล่นซึ่งก็ได้เฟอร์นิเจอร์โซฟา ชั้นวางทีวี และโต๊ะกลางสวยงามตามที่เห็นในห้องตัวอย่าง ทำให้ประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้เยอะทีเดียว พร้อมช่องแสงจากทางด้านข้างทำให้ห้องดูโปร่งโล่งสบาย
ห้องน้ำยังคงเข้าออกได้สองทางเหมือนเดิมคือทางฝั่ง Common Area และในห้องนอน ได้ครบตามที่เห็นในภาพเลย
อีกห้องหนึ่งเป็นแบบ Multi Purpose ที่กั้นด้วยประตูกระจกแบบบานเลื่อน ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้หลายฟังก์ชันเป็นห้องทำงาน ห้องนอนรับแขก หรือทำเป็น Live Studio ส่วนตัวก็ยังได้
ระเบียงจะอยู่ทางฝั่งนี้ด้วยทำให้ได้ช่องแสงแบบจัดเต็ม เห็นวิวภายนอกได้แบบเต็มสายตา
ห้องนอนเองก็มีขนาดใหญ่พอสมควร นอกจากวางเตียง 5 ฟุต ตู้เสื้อผ้าไซส์ใหญ่และโต๊ะเครื่องแป้ง ก็ยังเหลือสเปซโดยรอบให้เดินผ่านไปมาได้อย่างสะดวกสบาย
เขียนมายืดยาวขนาดนี้ จะบอกว่าเชียร์ก็เชียร์ครับ นานๆ ทีจะมีโครงการที่เชียร์ได้เต็มปากเต็มคำแบบนี้ ใครสนใจรีบติดต่อไปดูนะครับ ผมบอกเลยว่าห้องสวยๆ ไปเร็ว
คลิกลงทะเบียนที่ลิงก์นี้เลย >>> https://bit.ly/447bSVW
Livinginsider - Weekly Insight Report [10-16 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [03-09 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [27 Oct-02 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [20-26 Oct 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [13-19 Oct 2024]
2024-11-18
เขียนบทความน่าอ่านมากเลย
เป็นประโยชน์มากครับ กำลังตัดสิ้นใจพอดีครับ
ชอบบทความที่นี่จัง ได้ความรู้
อ่านสนุก เป็นประโยชน์มากครับ
รีวิวซะอยากซื้อเลยครับ