News
icon share

บีทีเอสจีบแสนสิริลงขันตุนที่ดินแนวรถไฟฟ้า 3 หมื่นล้านบาท

LivingInsider Report 2016-12-20 10:17:29
บีทีเอสจีบแสนสิริลงขันตุนที่ดินแนวรถไฟฟ้า 3 หมื่นล้านบาท

 

 

บีทีเอส-แสนสิริอัพเดท 2 ปีเปิดแล้ว 8 โครงการร่วมทุนมูลค่า 3 หมื่นล้าน เดินหน้าตามแผน 5 ปีลุยเปิด 25 โครงการ 1 แสนล้านบาท “คีรี” จีบแสนสิริลงขัน 3 หมื่นล้านตุนที่ดินแนวรถไฟฟ้า “เศรษฐา” แย้มสนใจจับมือพัฒนาโครงการแนวราบ ด้านคอนโดฯเจวีแห่งแรก “เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71” มียอดโอนแล้ว 60%

 

 

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากบีทีเอสและ บมจ.แสนสิริ ตกลงร่วมทุนกันเมื่อปี 2557 และตั้งเป้าพัฒนาโครงการ 25 โครงการ มูลค่ารวม 1 แสนล้านบาทภายใน 5 ปี ปัจจุบันมีการพัฒนาคอนโดมิเนียมแล้ว 8 โครงการ มูลค่ารวม 3 หมื่นล้านบาท โดย 4 ใน 8 โครงการสามารถปิดการขายได้ภายในวันพรีเซล

 


ส่วนแผนการเปิดโครงการร่วมทุนบีทีเอส-แสนสิริปี 2560 จะมีการเปิดตัวไม่ต่ำกว่า 5 โครงการ โดยมีที่ดินรองรับแล้วทั้งหมดรวมมูลค่ามากกว่า 1 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามบีทีเอสกำลังเจรจากับแสนสิริเพื่อลงทุนซื้อที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าเป็นแลนด์แบงก์ร่วมกัน เบื้องต้นคาดว่าจะรวมเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท

 

 

บีทีเอสจีบแสนสิริลงขันตุนที่ดินแนวรถไฟฟ้า 3 หมื่นล้านบาท

 

 

“เราคิดว่ามูลค่าเพิ่มของที่ดินจะเพิ่มได้มากกว่าอัตราดอกเบี้ยแน่นอน จึงคุยกันว่าการมีแลนด์แบงก์ร่วมกันเป็นสิ่งที่ดี และควรจะมีให้มากพอสมควร ดังนั้นงบการลงทุนไม่ควรต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท ส่วนทำเลจะเป็นที่ไหน ได้มีการศึกษาไว้บ้างแล้ว”



นายคีรีกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตลอด 2 ปี คอนโดมิเนียมร่วมทุนประสบความสำเร็จด้านยอดขาย เป็นผลจากชื่อเสียงของแสนสิริสร้างความมั่นใจให้ผู้ซื้อว่าจะเป็นโครงการที่มีคุณภาพ และชื่อเสียงของบีทีเอสที่ทำให้ลูกค้ามั่นใจว่าโครงการจะอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าในระยะ 500 เมตร
 


ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความสำเร็จของคอนโดมิเนียมร่วมทุนสามารถปิดการขายได้รวดเร็ว ส่วนหนึ่งมาจากยอดขายจากต่างประเทศโดยเฉพาะฮ่องกง บางโครงการ เช่น เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71 มีผู้ซื้อชาวต่างชาติถึง 48% ของโครงการ เกือบเต็มโควตาที่กฎหมายไทยอนุญาตให้ชาวต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ห้องชุด ซึ่งเกิดจากชื่อเสียงของบีทีเอสที่ให้ความมั่นใจกับลูกค้าต่างประเทศ
 


และในอนาคตการขยายตัวของโครงข่ายขนส่งมวลชน จะทำให้แสนสิริและบีทีเอสมีโอกาสพัฒนาโครงการสูงขึ้นอีก ปัจจุบัน 8 โครงการที่ได้พัฒนาไปแล้วเป็นคอนโดมิเนียมทั้งหมด แต่เมื่อรถไฟฟ้าขยายออกสู่ชานเมืองมากขึ้น มีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาโครงการแนวราบใกล้รถไฟฟ้าร่วมกัน โดยคาดว่าจะใช้เวลาศึกษาอีก 18 เดือนหรือจนถึงปี 2561 และดูความรวดเร็วในการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายใหม่ก่อนจะเปิดโครงการด้วย

 

 

บีทีเอสจีบแสนสิริลงขันตุนที่ดินแนวรถไฟฟ้า 3 หมื่นล้านบาท

 

 

นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บมจ.แสนสิริ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้โครงการเดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71 มูลค่า 2,000 ล้านบาท จำนวน 251 ยูนิต เป็นโครงการร่วมทุนแห่งแรกที่สร้างเสร็จ โดยเริ่มโอนกรรมสิทธิ์มาตั้งแต่เดือนก.ย.59 ขณะนี้มียอดโอนแล้ว 60% และคาดว่าจะโอนได้ 80% ภายในสิ้นปี
 


สำหรับรายละเอียด 8 โครงการร่วมทุนของบีทีเอส-แสนสิริ ได้แก่ 1.เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท 2.เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71 มูลค่า 2,000 ล้านบาท 3.เดอะ ไลน์ ราชเทวี มูลค่า 2,900 ล้านบาท 4.เดอะ ไลน์ อโศก-รัชดา มูลค่า 2,900 ล้านบาท ซึ่ง 4 โครงการแรกนี้ปิดการขายได้ภายในช่วงพรีเซล
 


5.เดอะ เบส การ์เดน-พระราม 9 มูลค่า 2,280 ล้านบาท 6.เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101 มูลค่า 4,200 ล้านบาท 7.เดอะ ไลน์ พหลฯ-ประดิพัทธ์ มูลค่า 5,800 ล้านบาท และ 8.คุณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค มูลค่า 4,000 ล้านบาท ซึ่ง 4 โครงการนี้ยังอยู่ระหว่างขาย มียอดขายรวมกันแล้ว 7,500 ล้านบาท

 

 

บีทีเอสจีบแสนสิริลงขันตุนที่ดินแนวรถไฟฟ้า 3 หมื่นล้านบาท

 

 

ขอบคุณภาพและข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ

 

 

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1482147496

 

>> ช่องทางในการติดตามข่าวสาร <<
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @livinginsider ที่นี่

บทความอื่นๆ

livinginsider livinginsider