รายการโปรด
อีกหนึ่งความท้าทายของเหล่าดีเวลลอปเปอร์ ณ เวลานี้คือ จะสร้างคอนโดในเมืองอย่างไร ให้ราคาออกมาย่อมเยา แต่ยังคงเปี่ยมไปด้วยคุณภาพรอบด้าน ที่หลายคนน่าจะรู้กันดีว่า ทำเลเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ในการเลือกอยู่อาศัย แต่ Pain Point ใหญ่ๆ คือการออกแบบโครงการให้ออกมาบาลานซ์ในทุกๆ ส่วน
ซึ่งหนึ่งในโจทย์ที่ยากที่สุดส่วนตัวมองว่า การหลอมรวมธรรมชาติให้กลมกลืนไปกับการใช้ชีวิตของคนเมืองได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะหากโครงการไหนจะชูเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วล่ะก็ นั่นเท่ากับว่าต้องเสียสละพื้นที่ขนาดใหญ่ให้กับผืนธรรมชาติสีเขียว ประกอบกับ Lanescape เองก็ต้องออกแบบสร้างสรรค์ให้เห็นภูมิทัศน์ที่สวยงาม
“Solace พหลฯ-ประดิพัทธ์” สามารถปลุกปั้นให้เป็นโครงการที่จะพาไปสู่ Oasis แห่งใหม่ขนาดใหญ่ ที่ถูกออกแบบให้พื้นที่ธรรมชาติโอบล้อมตัวคุณ ชวนปลีกวิเวกจากความวุ่นวายภายนอกสู่ความเงียบสงบ กับนิยามโลกความสุขแนวตั้งที่ครบครันที่สุดใจกลางประดิพัทธ์ ย่าน CBD อารีย์
แต่ที่ดึงดูดใจคงเป็นเรื่องของราคา ที่หากคิดราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.แล้ว จะอยู่ที่ประมาณ 12X,XXX บาท* ซึ่งราคานี้เมื่อเทียบกับสิ่งที่โครงการจัดสรรมาให้ โดยเฉพาะพื้นที่ส่วนกลางที่ให้มาถึง 2 ไร่ มากถึง 6 ชั้น รวมถึง Facilities ต่างๆ อีกกว่า 30 รายการ และที่สำคัญคือการให้พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ จึงนับว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่คุ้มค่าคุ้มราคาอย่างมาก
ซึ่งหากอ่านชื่อโครงการแล้วอาจจะไม่คุ้นเท่าไหร่ เพราะว่าแบรนด์ Solace นี้ที่ Solace Phahol Pradipat (โซลเลซ พหลฯ-ประดิพัทธ์) เป็นโครงการแรกในรูปแบบ Mixed Use ซึ่งถือเป็นคอนโดแฟล็กชิพใหม่ล่าสุดจาก Developer บริษัท ปรีดา เรียลเอสเตส จำกัด
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ ที่สั่งสมประสบการณ์มามากกว่า 60 ปี ผ่านบทพิสูจน์จากผลงานก่อนหน้าอย่างแบรนด์กรีเน่ ไม่ว่าจะเป็น โครงการ กรีเน่ คอนโด ดอนเมือง-สรงประภา, กรีเน่ คอนโด แจ้งวัฒนะ, กรีเน่ไพร์ม ดอนเมือง และกรีเน่ คอนโด สุทธิสาร เป็นต้น
โลเคชั่นครอบคลุมทุกความสะดวกสบาย
มาถึงจุดนี้กับโครงการ Solace พหลฯ-ประดิพัทธ์ ที่ได้ฤกษ์ปักหมุดโลเคชั่นในเมืองเป็นครั้งแรกบนใจกลางประดิพัทธ์ ซึ่งข้อได้เปรียบแรกอยู่ตรงที่ติดถนนใหญ่ประดิพัทธ์ ฝั่งแยกเทอดดำริ นั่นทำให้สะดวกในการเดินทางที่จะได้ความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยฝั่งหนึ่งจะไปได้ทั้งถนนเทอดดำริ ถนนพระราม 5 ถนนพระราม 6 ถนนทหาร ที่เชื่อมไปยังถนนสามเสนได้
กลับมาที่ถนนอีกฝั่งวิ่งขึ้นมาจะเจอกับแยกสะพานควาย ถนนพหลโยธิน ที่ซ้ายมือจะไปจตุจักร ห้าแยกลาดพร้าว หรือจากแยกตรงไปออกสุทธิสารได้ และขวามือไปอารีย์ที่วิ่งยาวเข้าเมืองไปสยาม ชิดลม เส้นสุขุมวิท นอกจากนี้โครงการยังอยู่ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วนศรีรัช ประมาณ 1 กิโลเมตร ถือว่าหากใครใช้รถยนต์ส่วนตัวก็นับว่าสะดวกทีเดียว
หรือถ้าใครจะใช้ขนส่งสาธารณะก็เดินทางสบายไม่แพ้กัน เพราะหน้าโครงการมีทั้งรถประจำทาง วินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ หรือเลือกเรียกรถผ่านแอปฯ ก็ไม่ต้องกลัวรอนาน มีรถวิ่งผ่านตลอดเวลา หรือจะไปใต้ดิน Mrt สถานีที่อยู่ใกล้โครงการประมาณ 1.3 กม. คือสถานีบางซื่อ และอยู่ใกล้สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ อีกด้านหนึ่งหากอยากขึ้น รถไฟฟ้า BTS สถานีที่ใกล้ที่สุดจะอยู่ระหว่าง สถานีสะพานควายและสถานีอารีย์ ประมาณ 1.8 กม. ซึ่งทางโครงการมี Shuttle Service คอยบริการรับ-ส่ง
ในแง่สิ่งอำนวยความสะดวก เนื่องจากที่ตั้งโครงการเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังย่าน CBD อารีย์ ที่เป็น Hub ขนาดใหญ่ทำให้ได้รับผลประโยชน์เหล่านี้ไปแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ว่าจะเป็น แหล่งเที่ยวไลฟ์สไตล์ต่างๆ ให้ได้เห็นตั้งแต่ร้านสะดวกซื้อ ตลาด ไฮเปอร์มาร์เก็ต คอมมูนิตี้มอลล์ ไปจนถึงห้างสรรพสินค้า
ทั้ง La Villa Ari, AQUA Mall, Central ลาดพร้าว, Union Mall, King Power รางน้ำ, Big C สะพานควาย, สวนจตุจักร, ตลาด อตก. รวมถึงบนถนนพหลโยธิน 7 หรือซอยอารีย์สัมพันธ์ ที่รวบรวมร้านอาหาร คาเฟ่ และสถานที่แฮงค์เอาท์ เอาไว้หลากหลาย ทำให้ย่านนี้นับว่าครบครันและมีความครึกครื้นตลอดทั้งวัน
Photo credit by : soimilk
เช่นเดียวกับ สำนักงานออฟฟิศชื่อดัง และบริษัทเอกชน จำนวนมากที่เลือกอยู่ย่านอารีย์ เช่น Kbank สำนักงานใหญ่พหลโยธิน, PEARL Bangkok, AIS Tower, Ari Hills Building รวมถึงฝั่งพระราม 6 บางซื่อเองก็มีทั้ง SCG สำนักงานใหญ่ และ Tipco Tower
นอกจากนี้ยังมี หน่วยงานราชการ ที่กระจายอยู่รอบโครงการทั้ง รัฐสภาเกียกกาย กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ กระทรวงการคลัง และกรมการขนส่งทางบก (ขนส่งจตุจักร)
Photo credit by : urbancreature
ส่วน โรงพยาบาล ก็มีให้บริการเยอะพอสมควร เช่น รพ.วิชัยยุทธ, รพ.วิมุต, รพ.ประสานมิตร, รพ.บางโพ และรพ.พระมงกุฎเกล้า เป็นต้น
Photo credit by : Vichaiyut Hospital
ด้าน สถานศึกษา มีทั้งโรงเรียนรัฐบาล เอกชน ไปจนถึงนานาชาติ ได้แก่ รร.สามเสนวิทยาลัย, รร.ราชินีบน, รร.วชิราวุธวิทยาลัย, รร.จิตรลดา, KIMS International School (Ari Campus), St. Andrews Dusit, Saint John’s University, ม.สวนดุสิต และ ม.นวมินทราธิราช
Photo credit by : samsenguide
เจาะลึกภายในตัวโครงการ Solace พหลฯ-ประดิพัทธ์
ขอสับสวิตซ์ปรับโหมดจากความคึกคักภายนอก สู่ความเงียบสงบภายในกันต่อเพราะ Solace Phahol Pradipat เป็นโครงการที่ถูกออกแบบมาเพื่อการพักอาศัยอย่างแท้จริง ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Live Worldticle’ โลกความสุขในแนวตั้งที่ครบที่สุด โดยสร้างความยูนีคผ่าน Oasis ขนาดใหญ่ หลอมรวมทั้งดิน น้ำ และป่าผสานเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อให้สัมผัสธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิด
โดยเป็น โครงการ Mixed Use จำนวน 1 อาคาร สูง 50 ชั้น บนขนาดที่ดิน 3-3-59 ไร่ แบ่งเป็น ห้องพักอาศัยทั้งหมด 524 ยูนิต นับว่ามีจำนวนค่อนข้างน้อยได้ความเป็นส่วนตัวสูง รวมถึงมี รีเทล อีกจำนวน 5 ยูนิต ที่จะตั้งอยู่ชั้น 1 ของอาคาร ซึ่งข้อดีของการมีร้านค้าร้านอาหารอยู่ในโครงการ จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้านไปอีกขั้น นอกจากนี้ยังมี พื้นที่สำนักงาน 29 ยูนิต โดยตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการตั้งแต่ชั้น 2-7 แต่ดีไซน์ให้แยกออกจากโซนพักอาศัยต่างหาก
ซึ่งแม้ว่าตอนนี้โครงการจะยังสร้างไม่เสร็จ แต่เราได้เก็บภาพบรรยากาศของ Sales Gallery มาให้ชมกันด้วย เพื่อจะได้เห็นบรรยากาศของธรรมชาติภายในโครงการได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
โดยการดีไซน์ Sales Gallery เน้นใช้วัสดุโทนสีขาวมีความเรียบง่ายแต่ดูโมเดิร์น ตัดกันกับสีเขียวของต้นไม้ ซึ่ง Facade ส่วนหนึ่งของตัวอาคารของจริง ก็จะมีลักษณะและโทนสีใกล้เคียงแบบนี้ โดยที่ตั้งของอาคารจะอยู่ด้านหลัง Sales Gallery เพื่อช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก
ด้านในสะดุดตากับการจำลองสวนธรรมชาติ ที่มีทั้งน้ำตกและต้นไม้สีเขียวขนาดใหญ่ สร้างบรรยากาศให้เห็นถึงส่วนกลางของโครงการในอนาคตได้อย่างน่าสนใจ
ซึ่งนอกจากพื้นที่นั่งตรงชั้นล่างแล้ว ขึ้นมาชั้นพักชานบันไดก็มีอีกหนึ่งจุดให้นั่งมองสวนภายนอกได้ด้วยเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ชั้น 2 จะเป็นจุด Outdoor ให้ชมสวนจำลองอย่างใกล้ชิด รวมถึงมีห้องตัวอย่างอยู่ที่ชั้นนี้ด้วย
Facilities - ส่วนกลางจัดเต็มกว่า 6 ชั้น
มาต่อกันที่ ส่วนกลางภายในโครงการมีขนาดใหญ่รวมประมาณ 2 ไร่ เริ่มตั้งแต่พื้นที่จอดรถ สามารถจอดได้ถึง 60% โดยมีทั้งระบบ Auto Parking และ Conventional Parking รวมถึงมีบริการ EV Charger Station
โดยภายใน Office Zone ส่วนของ Lobby ตกแต่งให้มีความเรียบหรูแต่ดูสมัยใหม่ พร้อมต้อนรับทุกคน
ขณะเดียวกันที่ชั้น 1 ภายในคอนโดพักอาศัยจะเจอกับ Lobby เป็นส่วนแรก โดยจัดโซน Lobby Lounge และ Auto Parking Lounge ไว้ให้แขกมานั่งรอหรือลูกบ้านนั่งเล่นระหว่างรอรถมาส่ง ในส่วนของลิฟต์มีทั้งหมด 3 ตัว และ Service Lift อีก 1 ตัว ซึ่งจะเป็นระบบล็อกชั้นและต้องใช้ Key Card เพื่อความปลอดภัย
ขึ้นมาที่ชั้น 10 ที่เชื่อมต่อกับชั้น 11 ทำให้ได้ Double Volume เพดานสูงโปร่ง ชั้นนี้เป็นหนึ่งในไฮไลต์สำคัญของโครงการ ที่เห็นจากโมเดลและภาพจำลองแล้ว รู้สึกอยากเห็นของจริงไวๆ เลย ต้องออกมาสวยมากแน่นอน
แต่ให้ไล่เรียงทั้งหมดคงไม่ไหว เลยขอยกตัวอย่างซะเล็กน้อย ได้แก่ โซน Indoor อยากรีแลกซ์สบายๆ คลายความเหน็ดเหนื่อยแบบเป็นส่วนตัว ก็มีให้เลือกทั้งห้อง Private Onsen และ Private Spa & Beauty Salon ซึ่งสามารถมองเห็นวิวสวนภายนอกได้ด้วย
ส่วนสายรักสุขภาพชอบออกกำลังกายจะต้องทึ่งกับ The Oasis Fitness ขนาดใหญ่กว่า 200 ตร.ม. และยังได้เพดานแบบ Double Volume สูง 6 เมตร พร้อมอุปกรณ์ออกกำลังกายครบครัน
หรือจะไปที่ชั้น 11 ก็มี Pilates & Yoga Room ตอบโจทย์ความหลากหลายในการออกกำลังกาย
ต่อเนื่องไปยังโซน Outdoor พิเศษด้วย Panoramic Swimming Pool (29 ม.) สระว่ายน้ำ ที่แบ่งออกเป็นหลายจุด ทั้งส่วนว่ายออกกำลังกาย หรือจะอยากแช่น้ำผ่อนคลายชมวิวเมืองก็มีทั้ง Therapeutic Plunge Pool และ Sunset View Jacuzzi รวมถึงโซนของเด็กอย่าง Aqua Kids Playground
และก็มาถึงเอกลักษณ์ของโครงการอย่างพื้นที่ธรรมชาติ Sky Courtyard สวนสีเขียวกว้างขวางรวมถึงมี Urban Farm สำหรับปลูกพืชผักสวนครัว และ Sky Viewing Deck มุมนั่งรับลมชมวิวทิวทัศน์ที่แตกต่างไปจากเดิม
เชื่อมต่อยาวไปถึง Recreational Ponds อีกหนึ่งจุดเด่นของพื้นที่สีเขียว ที่ผสมผสานไปกับผืนน้ำและตกแต่งด้วยน้ำพุ พร้อมจัดโซฟาชิงช้าไว้ให้สวยงามเหมาะแก่การนั่งเล่นพักผ่อนอย่างมาก
ส่วน Facilities อื่นๆ เพิ่มเติมที่ชั้น 10 มีดังนี้ Mail Room, Private Pool Bar, Sun Lounge และ Kids Playground ด้านชั้น 11 ก็มี Sport & Game Lounge, Kids Club, Dance Studio และ Sunset View Terrace
ไปชมส่วนกลางกันต่อที่ชั้น 19 ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังชั้น 20 ได้ บอกได้คำเดียวว่าอลังการสวยงามไม่แพ้กัน โดยเฉพาะการออกแบบธรรมชาติที่มีความยูนีคไม่ซ้ำใคร
ซึ่งดีไซน์ให้เป็นทั้งพื้นที่สังสรรค์ และสเปซนั่งเล่นในสวนท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่เขียวขจี โดยมีทั้งมุม Outdoor Dining, Sky Private Kitchen และ Party Deck ซึ่งยังคงให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติเช่นเดิม
นอกจากนี้ยังเพิ่มกิมมิกด้วยบันไดวนให้เชื่อมต่อไปยังชั้น 20 โซนธรรมชาติ Sky Garden Deck และสามารถใช้ Skywalk ต่อเนื่องไปยังมุม Floating Daybed ตอบโจทย์สำหรับใครที่ชื่นชอบชมวิวเมือง ชมพระอาทิตย์ตกดิน แบบ Panorama พร้อมโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ
หรือถ้าใครชอบนั่งในห้องแอร์เย็นๆ สบายๆ หรือนัดพบปะพูดคุยกับเพื่อนบ้านก็มี Social Club จัดพื้นที่โซฟารองรับเอาไว้หลากหลายที่นั่ง
คอนเน็กไปยังโซนที่อยู่ติดกันอย่าง Legacy Lounge และ Social Bar จัดเอาไว้ทั้งแบบโต๊ะยาวและเก้าอี้ มีมุมโซฟานั่งชิลๆ รวมถึงมีบันไดพาขึ้นไปที่ชั้น 20 เพื่อพบกับโซน Skyline Lounge (Mezzanine)
อีกหนึ่งมุมพิเศษ Legacy Wing สามารถมองเห็นวิวภายนอกได้แบบสุดสายตา
แต่ถ้าใครอยากนั่งทำงานแบบเป็นกิจจะลักษณะ หรือ Work From Home ทางโครงการก็มี Facilities รองรับเอาไว้พอสมควรไม่ว่าจะเป็น Meeting Room, Podcast Studio และ Private Pod
สุดท้ายที่ชั้น 50 บนจุดสูงสุดของอาคาร Observation Deck และ Star Deck ได้สัมผัสบรรยากาศกรุงเทพ ได้กว้างกว่าใครแบบ 360 องศา ที่ยังคงคอนเซ็ปต์การได้ใกล้ชิดธรรมชาติยันชั้นสุดท้าย ถือเป็นการปิดจบส่วนกลางได้อย่างลงตัว
Room Type - แบบห้องหลากหลายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
ด้วยความพิถีพิถันในทุกๆ จุด ทำให้พื้นที่ส่วนตัวอย่างห้องพักอาศัย ทางโครงการ โซลเลซ พหลฯ-ประดิพัทธ์ ก็ให้ความสำคัญและคิดมาอย่างถี่ถ้วน สะท้อนผ่านการดีไซน์ห้องที่มีให้เลือกสรรหลากหลาย ทั้งหมด 5 Type ดังนี้
1. Studio ขนาด 29.9 ตารางเมตร |
2. 1 Bedroom ขนาด 28.49 - 38.90 ตารางเมตร |
3. 2 Bedroom ขนาด 45.82 - 54.78 ตารางเมตร |
4. Loft (1bed) ขนาด 28.49(+10) - 38.90(+16) ตารางเมตร |
5. Loft (2bed) ขนาด 45.82(+19) - 54.49(+15) ตารางเมตร |
ตัวอย่างแปลนห้องพักอาศัยเพียงส่วนหนึ่ง ซึ่งจะมียูนิตให้เลือกพักตั้งแต่ชั้น 12 เป็นต้นไป โดยมียูนิตต่อชั้นสูงสุดประมาณ 22 ยูนิต นับว่ามีจำนวนไม่มากจนเกินไป ยังมีความไพรเวซี่ประมาณหนึ่ง อีกทั้งการออกแบบโถงทางเดินยังเป็นแบบ Single Corridor ยิ่งเพิ่มสเปซความเป็นส่วนตัวของแต่ละห้องได้เป็นอย่างดี
ซึ่งหากใครอยากได้ชั้นที่มียูนิตน้อย ต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้นและมีงบประมาณหนึ่ง ขอแนะนำชั้นที่ 21-49 ที่จะมีห้องพักอาศัยต่อชั้นแค่ประมาณ 13 ยูนิต
สำหรับห้องตัวอย่างเรามีมาให้ชมถึง 3 Type แต่ก่อนที่จะพาไปชมครบทุกห้อง ขอแวะพูดถึงสิ่งที่จะได้กันก่อน ซึ่งทางโครงการขายแบบ Fully Fitted
► Loft 1 Bedroom
ขนาด 31.81(+11.38) - 37.34(+13.82) ตารางเมตร
ตั้งแต่เปิดประตูยังไม่ทันได้เข้าห้อง ก็ได้ของแล้วหนึ่งอย่างนั่นก็คือ Digital Door Lock ซึ่งพอเข้ามาแล้วจะเจอกับห้องครัวแบบปิด พื้นเป็นไม้ SPC และกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ช่วยให้ทำอาหารได้แบบจริงจัง หมดกังวลว่ากลิ่นจะฟุ้งไปโซนอื่นๆ ของห้อง
โดยทางโครงการบิวท์เคาน์เตอร์มาให้ทั้งสองฝั่ง ที่ฝั่งหนึ่งจะเป็นเคาน์เตอร์ครัว พร้อมตู้เก็บของชั้นบน ตัว Top เป็นหินสังเคราะห์ได้เรื่องความแข็งแรง ส่วนซิงค์ล้างจานเองก็มีฝาเปิด-ปิดมาให้เรียบร้อย รวมถึงได้เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัว และ Hob & Hood จากแบรนด์ Teka
ฝั่งตรงข้ามได้เป็นตู้เก็บของแบบบิวท์อิน สามารถแบ่งพื้นที่ทั้งสำหรับเก็บของ และเก็บรองเท้าได้อีกด้วย แต่ข้อดีของการเป็นห้อง Loft ที่ขาดไม่ได้ต้องยกให้ห้องเก็บของใต้บันได ซึ่งให้พื้นที่มาประมาณหนึ่งเลย
เดินเข้าไปด้านในจะสัมผัสได้ถึงความโอ่โถงของเพดานแบบ Double Volume ที่ได้ความสูงถึง 4.6 ม. ประกอบกับช่องแสงทั้งหน้าต่างบานกระทุ้ง และกระจกบานฟิกซ์จากพื้นสูงจรดเพดาน บวกกับประตูระเบียง ทำให้องค์รวมของห้องดูโปร่งโล่งสบายน่าพักอาศัยอย่างมาก
ขณะเดียวกันสเปซแนวราบก็มีขนาดใหญ่ เปิดพื้นที่เชื่อมต่อกันระหว่าง Dining และ Living โดยสามารถวางโต๊ะกินข้าวขนาด 4 ที่นั่งได้สบายๆ ก็ยังมีสเปซให้บิวท์ชั้นวางของติดผนัง และเหลือพื้นที่โล่งในการเดินผ่านไปมา
เชื่อมต่อไปยังประตูระเบียงสู่ภายนอก ซึ่งวางเครื่องซักผ้าไว้ตรงนี้ ก็ยังเหลือสเปซตากผ้าและใช้งานส่วนอื่นได้อีกประมาณหนึ่ง
ติดกันเป็นมุมนั่งเล่น วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง บิว์ชั้นวางทีวี จัดโต๊ะกลางอีกซะตัวก็เป็นอันจบแล้ว แต่! ยังมีสเปซที่น่าสนใจอยู่ตรงริมหน้าต่างเพิ่มเข้ามา ซึ่งจะวางโซฟาเพิ่มหรือปรับเป็นโต๊ะทำงาน ก็ทำให้พื้นที่ตรงนี้ลงตัวมากยิ่งขึ้น
ตรงข้ามจะเป็นห้องน้ำ ซึ่งใครที่ชอบใช้เวลาอยู่ในห้องนี้นานๆ จะต้องชื่นชอบเหมือนกับเรา เพราะให้พื้นที่มากว้างขวางพอสมควร ได้อ่างล้างหน้าพร้อมที่วางของด้านหลัง ได้กระจกเงายาวเต็มผนัง โถสุขภัณฑ์ ยิ่งกว่านั้นคือโซนอาบน้ำนอกจากได้ Hand Shower แล้ว โครงการยังติดตั้งกระจกฉากกั้นนิรภัยมาให้อย่างดี
ขึ้นบันไดไปชั้นบนจะเป็นส่วนของห้องนอน จัดสรรพื้นที่มาให้กำลังพอเหมาะในการวางเตียง 5 ฟุต โต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้าที่โครงการบิวท์มาให้เรียบร้อยแล้ว
ภาพรวมทั้งหมดออกมาทำให้ห้อง Loft โครงการนี้ได้ฟีลเหมือนอยู่บ้านเลยก็ว่าได้ แบ่งแยกการใช้งานได้อย่างเป็นสัดส่วนชัดเจน
► 1 Bedroom ขนาด 34 - 37.34 ตารางเมตร
มาดูห้องแบบ Simplex ตอบโจทย์สำหรับการอยู่คนเดียวหรือเป็นคู่ก็ได้เหมือนกัน เมื่อเข้ามาจะเจอกับห้องครัวคล้ายกับห้องก่อนหน้า ซ้ายมือบิวท์เป็นตู้เก็บรองเท้ามาให้สุดเพดาน ช่วยประหยัดเงินเราไปอีกหนึ่งจุด
ฝั่งตรงข้ามเป็นเคาน์เตอร์ครัว พร้อมตู้เก็บของด้านบน และเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งเตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควัน
เข้าไปข้างในได้ Area กว้างขวางเลยทีเดียว ส่วน Floor to Ceiling สูง 2.7 เมตร โดยจะเจอกับมุมวางโต๊ะกินข้าวขนาด 2 ที่นั่ง และปรับเป็นที่นั่งทำงานได้
คอนเน็กไปโซนนั่งเล่นวางเฟอร์นิเจอร์โซฟาขนาด 2-3 ที่นั่ง และชั้นวางทีวี ก็ยังเหลือสเปซโล่งๆ ที่จะไม่ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกอึดอัด
ติดกันเป็นระเบียง มีขนาดกว้างประมาณหนึ่ง ซึ่งใช้งานในการวางเครื่องซักผ้าเหมือนกันกับห้องแรก
แต่ที่น่าสนใจคือ การออกแบบห้องนอนให้เป็นประตูทึบ เพราะจะได้เรื่องความเป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัวมากกว่าแบบประตูกระจก ส่วนพื้นที่ภายในห้องนอนก็มีขนาดค่อนข้างใหญ่มาพร้อมช่องแสงเต็มผนัง ช่วยให้ห้องดูโปร่งมากกว่าเดิม ซึ่งแปลนห้องนอนแบบนี้จะแยกการใช้งานชัดเจน โดยฝั่งหนึ่งวางเตียง 5 ฟุตได้สบายๆ
ขณะที่อีกฟากหนึ่งของห้องจะเป็นมุมแต่งตัวเสมือน Walk-in Closet ซึ่งแน่นอนว่าโครงการบิวท์ตู้เสื้อผ้ามาให้ทั้งสองฝั่ง สายแฟชั่นน่าจะถูกใจกันไม่น้อย เพิ่มโต๊ะเครื่องแป้งและตู้โชว์แบบห้องตัวอย่างก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจ
เชื่อมต่อไปยังห้องน้ำ ได้สุขภัณฑ์ครบทุกอย่างตามที่เห็นในภาพเลย
► 2 Bedroom ขนาด 54.49 ตารางเมตร
ขยับมาดูไซส์ใหญ่ของโครงการกันต่อ ซึ่งรับรองว่าตอบโจทย์กลุ่มครอบครัว พ่อ แม่ ลูก หรือคู่ไหนที่มีงบถึงอยากได้สเปซส่วนรวมและส่วนตัวที่มากขึ้น ห้อง Type นี้ก็เป็นคำตอบที่ใช่เลย
เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับ Common Area กว้างขวางเชื่อมต่อ 3 โซนทั้ง Kitchen, Dining และ Living เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว
ฝั่งโซนครัวจะได้เป็นแบบครัวเปิด แต่ได้เคาน์เตอร์ครัวใหญ่ขึ้น โดยเครื่องซักผ้าจะวางอยู่ตรงนี้แทนที่ตรงระเบียง
ข้างๆ กันเป็นมุมนั่งกินข้าววางโต๊ะได้ขนาด 4 ที่นั่งก็ยังเหลือพื้นที่แบบหลวมๆ ให้เดินผ่านไปมาได้สะดวก
ยาวต่อเนื่องไปถึงโซนนั่งเล่น มีพื้นที่มากพอให้วางโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง บวกกับระยะห่างระหว่างที่นั่งและทีวี ทำให้เลือกติดทีวีขนาด 50 นิ้วได้โดยไม่ต้องกลัวเสียสายตา
ติดกันเป็นระเบียงที่ค่อนข้างกว้างขวาง แบ่งเป็นพื้นที่ใช้งานตากผ้า และนั่งเล่นรับลมข้างนอกก็ยังได้
กลับเข้ามาบริเวณโถงทางเดินจะแจกจ่ายไปยังห้องต่างๆ ห้องแรกที่เจอคือห้องน้ำ ที่จัดสรรพื้นที่ให้ใช้งานได้จริง แยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน
ถัดไปเป็นห้องนอนที่ 2 โดดเด่นด้วยกระจกแบบเข้ามุม ทำให้ห้องดูโปร่งโล่ง ซึ่งสามารถวางเฟอร์นิเจอร์ได้แบบครบเซต หรือจะปรับเป็นห้องทำงานก็แล้วแต่ความต้องการของผู้อยู่อาศัย
ด้านในสุดคือ Master Bedroom ซึ่งมุมแต่งตัวจะอยู่ตรงทางเข้า ได้ตู้เสื้อผ้าพร้อมชั้นวางของดูดีแบบนี้เลย
ฝั่งที่นอนจะอยู่ติดกับช่องแสงที่ให้มาทั้งหน้าต่างบานกระทุ้งและกระจกบานฟิกส์เต็มผนัง สามารถวางเตียง 5 ฟุต พร้อมชั้นวางทีวีปลายเตียง ก็ยังเหลือสเปซพอสมควร
ห้องน้ำในตัวเพิ่มความสะดวกสบาย โดยจะอยู่ฝั่งปลายเตียงซึ่งได้สุขภัณฑ์เหมือนกับห้องน้ำก่อนหน้านี้ เพิ่มเติมคือช่องแสงหน้าต่างระบายอากาศ ทำให้ดูไม่อึดอัดและน่าใช้งานมากยิ่งขึ้น
Solace พหลฯ-ประดิพัทธ์ นี่แหละถึงกับสมเป็นโครงการเรือธงของ บริษัท ปรีดา เรียลเอสเตส จำกัด เพราะ Mood&Tone องค์ประกอบทุกอย่างหันไปทางไหนก็คือถูกต้องไปหมด โลเคชั่นก็ใช่เลยครบครันทุกรูปแบบของการใช้ชีวิตคนเมือง ส่วนตัวโครงการยิ่งใช่แบบดับเบิ้ลให้ธรรมชาติของแท้ ให้ความเป็นส่วนตัวของจริง
ตอบโจทย์ทั้งพนักงานบริษัท ข้าราชการ บุคลากรทางการแพทย์ เอาเป็นว่าตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัยตั้งแต่ First Jobber ไปจนถึง Last Boss ในราคาเริ่มต้นเพียง 3.49 ล้านบาท* เฉลี่ยต่อตารางเมตรแค่ 12X,XXX บาท*... เห็นไหมว่าราคาดีคือคุ้มแบบคุ้มมมม!!! จริงๆ นะ
ขนาดนี้ต้องคลิกลงทะเบียนให้ไวแล้ว จองก่อนได้เลือกห้องสวยๆ ก่อนใคร แถมพอโครงการสร้างเสร็จปี 2569 ได้ย้ายเข้าอยู่กันได้เลยไง!! >>> www.solacecondo.com
ติดต่อสอบถามเพิ่ม
Tel : 02 821 5420
Line : @Solacecondo
Livinginsider - Weekly Insight Report [03-09 Nov 2024]
2024-11-11
Livinginsider - Weekly Insight Report [27 Oct-02 Nov 2024]
2024-11-04
Livinginsider - Weekly Insight Report [20-26 Oct 2024]
2024-10-28
Livinginsider - Weekly Insight Report [13-19 Oct 2024]
2024-10-21
Reference Ekkamai | ที่สุดของทำเลที่เป็นมากกว่าใจกลางเมือง เพราะนี่คือเอกมัยย่านแห่ง Design District สุดเจ๋ง ติดอันดับ 27 ของโลก ให้คุณสามารถออกแบบชีวิตอย่างมีสไตล์ได้แบบอิสระ
2024-10-17
เขียนบทความตามกระแส ทันเหตุการณ์ดีค่ะ
เนื้อหาบทความเข้าใจง่าย ตัดสิ้นใจง่ายขึ้เลยครับ
ชอบนะคะ บทความหลากหลายดี
อ่านแล้ว เหมือนได้ได้ไปดูโครงการเลยค่ะ ละเอียดดีจริงๆ
ชอบๆ มีสาระประโยชน์มากค่ะ
รีวิวดี น่าติดตามมากค่ะ