News
icon share

หมดกังวลเรื่องการบริหารจัดการสินทรัพย์ พร้อมวางอนาคตเพื่อครอบครัว ด้วยการจัดการความมั่งคั่งแบบเอ็กซ์คลูซีฟ

LivingInsider Report 2016-12-23 16:03:02
หมดกังวลเรื่องการบริหารจัดการสินทรัพย์ พร้อมวางอนาคตเพื่อครอบครัว  ด้วยการจัดการความมั่งคั่งแบบเอ็กซ์คลูซีฟ

 

 

หากชีวิตที่ดี คือ ความมั่งคั่ง คงจะดีกว่าถ้าความมั่งคั่งมาพร้อมกับเวลา ดังนั้น เรื่องการบริหารทั้งเงินและเวลาให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ยิ่งได้รับคำแนะนำจากที่ปรึกษามืออาชีพ ยิ่งช่วยให้เข้าใจทิศทางการบริหารสินทรัพย์และจัดสรรเวลาได้เป็นประโยชน์สูงสุดมากยิ่งขึ้น 

 

 

เมื่อมีสินทรัพย์ในมือ เราจะทำอย่างไรเพื่อต่อยอดให้ยั่งยืน?นอกจากรู้ทัน ยังต้องรู้ลึก จะดีกว่าหากมีผู้เชี่ยวชาญชี้แนะทุกขั้นตอนแบบส่วนตัว

 


รู้ก่อน เข้าใจก่อน เพื่อประโยชน์และคุณค่าที่งอกเงย...

 


กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ ได้จัดอบรมสัมมนาให้กับลูกค้าคนสำคัญ เพื่อตอบคำถามที่กังวลใจในการบริหารสินทรัพย์และการวางแผนอนาคตเพื่อครอบครัวให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยหยิบประเด็นสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ด้วยสัมมนาภาษีที่ดินใหม่ ปี 2560 พร้อมการบริหารจัดการสินทรัพย์ให้งอกเงย นำโดยอาจารย์ชินภัทร วิสุทธิแพทย์ ที่ปรึกษา บริษัท สำนักงานกฏหมายสยามซิตี้ จำกัด และงานสัมมนาแนะแนวการศึกษาต่อต่างประเทศ เพื่อแนะเคล็ดลับมอบความรู้ความเข้าใจให้แก่ลูกค้ากรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟในการเตรียมความพร้อมลูกหลานสู่มหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกาโดยคุณสุจารี ชู, นักเรียนฮาร์วาร์ดทุนเล่าเรียนหลวงและกรรมการผู้จัดการ Crimson Consulting, Leading Global Education Consultancy with record admissions and scholarships to Ivy League and Oxbridge

 

หมดกังวลเรื่องการบริหารจัดการสินทรัพย์ พร้อมวางอนาคตเพื่อครอบครัว  ด้วยการจัดการความมั่งคั่งแบบเอ็กซ์คลูซีฟ

 

 

โดยภายในงานสัมมนาภาษีที่ดิน (ใหม่) ที่คาดว่าจะประกาศเป็นกฎหมายในปี 2560 และอาจมีผลบังคับใช้ในปี 2561 นั้น อาจารย์ชินภัทร วิสุทธิแพทย์ (ที่ปรึกษากฎหมายและภาษี) ได้แนะนำวิธีเตรียมพร้อมเพื่อบริหารจัดการภาษีที่ดินแบบคุ้มค่า อาทิ การลดภาระภาษีที่ดินของบ้านหลังหลักด้วยการย้ายทะเบียนบ้านของเจ้าของกรรมสิทธิ์ (ตามโฉนดที่ดิน) ไปอยู่ในทะเบียนบ้านหลังที่แพงที่สุด เพื่อให้ได้รับยกเว้นภาษีที่ดินสำหรับบ้านหลังหลัก (กรณีมีบ้านมากกว่าหนึ่งหลัง) โดยจะยกเว้นภาษีให้แก่บ้านและที่ดินที่เป็น “บ้านหลังหลัก” สำหรับมูลค่า (ราคาประเมินฯ) ไม่เกิน 50 ล้านบาท ส่วนที่เกินจะถูกจัดเก็บภาษีในอัตราภาษีที่กฎหมายกำหนด สำหรับบ้านหลังอื่น ๆ จะถูกจัดเก็บภาษีตามมูลค่า (ราคาประเมินทางราชการ) ของบ้านและที่ดิน โดยจะตรวจสอบจากชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดิน (เจ้าของที่ดิน) และชื่อผู้ขออนุญาตปลูกสร้าง (เจ้าของอาคาร) ในใบอนุญาตปลูกสร้าง ทั้งนี้ ทะเบียนบ้านไม่ใช่หลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของบ้าน เพียงแต่สันนิษฐานว่าบุคคลนั้นมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านแห่งนั้น

 


สำหรับกลุ่มนักสะสมที่ดิน อาจารย์ชินภัทรยังกระตุ้นเตือนให้ตระหนักถึงภาระภาษีที่จะประกาศเป็นกฎหมายในต้นปีหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดินรกร้างว่างเปล่า หากใครมีที่ดินในลักษณะนี้จะถูกจัดเก็บภาษีค่อนข้างสูงที่เพดานภาษี 5% โดยจะเพิ่มขึ้นทุกๆ 3 ปีของฐานภาษีราคาประเมินราชการ ดังนั้น จึงควรนำที่ดินรกร้างว่างเปล่าไปใช้เพื่อประกอบอาชีพเกษตรกรรม เพื่อให้เสียภาษีที่ดิน ในอัตราที่น้อยลง หรือใช้วิธีแปลงที่ดินรกร้างไปเป็นประเภทอื่นที่ได้รับยกเว้นภาษีที่ดิน เช่น ที่ดินที่ใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะโดยมิได้แสวงหาผลประโยชน์ใดๆ อย่างสนามเด็กเล่น, สนามกีฬา 
 

 

นอกเหนือจากความรู้ในการจัดการและบริหารภาษีที่ดินแบบเข้าใจง่ายแล้ว อาจารย์ชินภัทรยังแนะนำวิธีการต่อยอดจากการถือครองทรัพย์สินได้อย่างน่าสนใจให้แก่ลูกค้ากรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ นั่นคือ การแปลงที่ดินไปเป็นหุ้น วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการถือครองหรือเก็บสะสมที่ดินในระยะยาว และไม่ต้องการขายเก็งกำไร ซึ่งควรเก็บในรูปแบบบริษัท โดยสามารถโอนที่ดินใน “ราคาตลาด” เพื่อเปลี่ยนเป็นหุ้นของบริษัท ซึ่งจะช่วยสะท้อนมูลค่าจริงของที่ดินได้มากกว่าราคาประเมินราชการ และยังสามารถโอนหุ้นของบริษัท ที่เป็นเจ้าของที่ดินนี้เป็นมรดกให้แก่ลูกหลานได้อีกด้วย

 

เช่น ที่ดิน A มีราคาประเมิน 200 บาท แต่ราคาตลาดอยู่ที่ 1,000 บาท โดยเอาราคาตลาดของที่ดินจดทะเบียนโอนขายเข้าบริษัท และจะแปลงที่ดินนั้นเป็นทุนโดยชำระด้วยหุ้น A มูลค่า 1,000 บาท ซึ่งสะท้อนมูลค่าที่ดินได้จริง โดยค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระในการโอนที่ดินจากบุคคลเข้าบริษัท คือ ภาษีเงินได้ และค่าธรรมเนียมการโอน จะใช้ฐานในการคำนวณจาก “ราคาประเมินราชการ” ในขณะที่ภาษีธุรกิจเฉพาะและอากรแสตมป์ ใช้ “ราคาซื้อขาย” เป็นฐานในการคำนวณ

 

ซึ่งรวมแล้วเป็นค่าใช้จ่ายในอัตราที่น้อยกว่าการถือครองที่ดินโดยบุคคลในระยะยาว เพราะการครอบครองที่ดินในนามบุคคลจะต้องจ่ายภาษีที่ดิน ทุกปีและบุคคลธรรมดาไม่สามารถใช้ “ภาษีที่ดิน” เป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่การแปลงที่ดินไปเป็นหุ้นของบริษัท ทำให้บุคคลไม่ต้องชำระภาษีที่เกี่ยวกับที่ดินอีกต่อไป ซึ่งภาระภาษีอื่นๆ จะกลายเป็นรายจ่ายของบริษัทและสามารถใช้  “ภาษีที่ดิน” เป็นรายจ่ายบริษัทสำหรับการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลได้อีกด้วย ซึ่งวิธีนี้เป็นการ “แช่แข็งราคาประเมินที่ดิน” ให้อยู่ใน รูปของหุ้นบริษัทตลอดไป และสำหรับกรณีที่ต้องการขายที่ดินเพื่อเก็งกำไรควรจะเก็บที่ดินนั้นให้อยู่ในชื่อของบุคคลธรรมดาโดยต้องยอมรับเงื่อนไขของภาษีที่ดินที่สูงขึ้นทุกปีตามที่กล่าวมา โดยภายในงานสัมมนายังพร้อมไปด้วยเทคนิคและวิธีการจัดการที่เป็นประโยชน์อีกมากมาย เพื่อแนะนำแก่ลูกค้ากรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ โดยเฉพาะ

 

 

หมดกังวลเรื่องการบริหารจัดการสินทรัพย์ พร้อมวางอนาคตเพื่อครอบครัว  ด้วยการจัดการความมั่งคั่งแบบเอ็กซ์คลูซีฟ

 

หมดกังวลเรื่องการบริหารจัดการสินทรัพย์ พร้อมวางอนาคตเพื่อครอบครัว  ด้วยการจัดการความมั่งคั่งแบบเอ็กซ์คลูซีฟ

 

 

นอกจากนี้ กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ ยังจัดงานสัมมนาศึกษาต่อต่างประเทศ เตรียมความพร้อมสู่มหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา เพื่อแนะนำเคล็ดลับและแนะแนวความรู้ในการต่อยอดและวางแผนการศึกษาของบุตรหลานในระยะยาว ให้ลูกค้าได้รู้ลึกและรู้ทันในการเตรียมความพร้อมกับอนาคตทางการเงินและการศึกษาของบุตรผ่านกูรูชั้นนำอีกด้วย  ให้การบริหารการเงินและการลงทุนเป็นเรื่องง่าย ภายใต้การดูแลจากทีมที่ปรึกษาการเงินส่วนบุคคลโดยผู้เชี่ยวชาญจาก กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ เพื่อเติมเต็มทุกมิติความสมดุลทั้งชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว พร้อมวางแผนอนาคตได้อย่างมั่นคงและมั่งคั่งพร้อมเวลาคุณภาพที่เพิ่มขึ้นเพราะทุกความสำเร็จของชีวิตไม่ใช่แค่ความร่ำรวย แต่คือการได้ใช้ชีวิตอย่างที่ใจต้องการ
 

>> ช่องทางในการติดตามข่าวสาร <<
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @livinginsider ที่นี่

บทความอื่นๆ

livinginsider livinginsider