รายการโปรด
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) อสังหาฯรายแรกของไทย ที่มีการตั้งเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) จัดงาน SANSIRI ECOLEADERSHIP FORUM: Change Today, Chance Tomorrow โดยการผนึก Green Supply Chain ฟันเฟืองสำคัญในการสร้างความยั่งยืน
พร้อมชวนภาครัฐ เอสเอ็มอี อสังหาริมทรัพย์ ร่วมถกวาระสำคัญเพื่อรับมือกับภาวะโลกเดือดที่ส่งผลต่อสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง พร้อมรับฟังข้อมูลสำคัญในการขับเคลื่อน Green Ecosystem เพื่อการปรับเปลี่ยนไปสู่การผลิตและเลือกวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการดำเนินห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน
รวมถึงร่วมรับฟังพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในอนาคต (จัดเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 ณ สิริ แคมปัส) นำร่องโมเดล Green Supply Chain
นายอุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำของไทย เผยว่า ภาวะโลกเดือดไม่ใช่เรื่องไกลตัว และภาคธุรกิจถือเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่มีบทบาทในการช่วยแก้ไขปัญหาสังคม และสิ่งแวดล้อมที่โลกกำลังเผชิญอยู่
และนี่นับเป็นบทพิสูจน์สำคัญของแสนสิริ และ Green Leadership ที่จะร่วมกันปรับธุรกิจ กำหนดเส้นทางสู่อนาคตที่ยั่งยืน และเติบโตไปด้วยกัน ด้วยการเปลี่ยนผ่านการดำเนินธุรกิจบนแนวทาง ESG
ปี 2567 นับเป็นก้าวสำคัญของแสนสิริในโอกาสดำเนินธุรกิจสู่ปีที่ 40 กับการก้าวสู่การเป็นเบอร์หนึ่งของผู้นำอสังหาฯอย่างเต็มภาคภูมิ ได้รับความเชื่อมั่นทั้งในด้านการออกแบบ การบริการ คุณภาพ และความยั่งยืน โดยปีนี้เราวางแผนเปิดตัว 46 โครงการใหม่ มูลค่า 61,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าที่สูงที่สุดในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
เรามองว่าความยั่งยืนเกี่ยวเนื่องกับความเสี่ยงของธุรกิจด้วยเช่นกัน อาทิ ทรัพยากร ธรรมชาติที่ขาดแคลนอาจหมายถึงราคาวัตถุดิบที่แพงขึ้น วัสดุทางเลือกเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้ต้องมีการออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการที่ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและย่อยสลายได้ง่าย และนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่
ธุรกิจต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะและคุณภาพชีวิตของแรงงาน รวมไปถึงมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาความยากจนและการเข้าถึงบริการพื้นฐาน เพราะหากแรงงานไม่มีความสุข productivity อาจจะลดลง และส่งผลระดับ operation หยุดชะงัก
จึงเป็นความท้าทายที่ธุรกิจจะต้องเข้าใจ ต้องผนวกแนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืนเข้าไปในกลยุทธ์ขององค์กร ซึ่งจะต้องบูรณาการให้คอบคลุมมิติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ ไปพร้อม ๆ กันอย่างสมดุล
แสนสิรินำเรื่องความยั่งยืนมาเป็นกลยุทธ์และการดำเนินงานของบริษัทอย่างจริงจัง พร้อมกับดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราให้เติบโตไปด้วยกัน โดยเป้าหมายสูงสุดคือการร่วมมือกับพันธมิตร และสนับสนุนให้ Green Partner เติบโตไปด้วยกัน เพื่อผลักดันให้ทั้งอุตสาหกรรมและประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
แสนสิริมีการวางแผนดำเนินการในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกองค์กร 3 ระดับ ได้แก่ แผนระยะสั้นในปี 2025 เพื่อลดคาร์บอนลง 20% (ล่าสุดปี 2023 ทำได้ 15%) แผนระยะกลางปี 2033 ตั้งเป้าที่ 50%
พร้อมมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในแผนระยะยาวปี 2050 รวมถึงการให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบ้านและคอนโดที่นำส่งแก่ผู้บริโภค
เพื่อสอดรับไปกับแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรในเส้นทางนี้ แสนสิริเราเดินไปคนเดียวไม่ได้ คู่ค้าที่ให้ความใส่ใจในเรื่องเดียวกันจึงมีความสำคัญอย่างมาก จึงได้นำร่องในการนำโมเดล Green Supply Chain มาประยุกต์ใช้ในองค์กร
โดยเรามีผู้ประกอบการที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานสามด้าน คือ Green Architecture and Design, Green Construction, Green Procurement ราว 4,000 ราย ทั้งหมดนี้คือฟันเฟืองสำคัญในการสร้างมูลค่าให้กับภาคธุรกิจอสังหาฯ ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจราว 1.05 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 5.8% ต่อจีดีพี
โมเดล Green Supply Chain เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนคู่ค้าที่มี DNA ในเรื่อง ESG และให้ความสำคัญในเรื่องความยั่งยืนเช่นเดียวกับแสนสิริ ให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างเข้มข้น แม้รู้ว่าอาจต้องมีการเพิ่มเติมขึ้นมาของต้นทุน แต่เรามองภาพในระยะยาว
เพราะเมื่อเกิด Economy of Scale แล้ว การดำเนินธุรกิจของทุกภาคส่วน ทั้งเราและคู่ค้าจะเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ รวมถึงสร้างโอกาสในการพัฒนาธุรกิจ ที่สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนไปของโลก
การปรับตัวและเปลี่ยนแปลงของเทรนด์ผู้บริโภค และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในยุคที่ความยั่งยืนกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญมากขึ้น แสนสิริเราเริ่มปรับจากตัวเองก่อน และส่งต่อประสบการณ์และองค์ความรู้ให้กับพาร์ตเนอร์เพื่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม
พร้อมทั้งมั่นใจว่า Green Supply Chain ที่กำลังดำเนินการอยู่นี้ จะสามารถผลักดันให้เกิดเครือข่ายการทำงานใน Green Ecosystem ที่แข็งแกร่ง ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่เปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มความสามารถการแข่งขันในตลาด Green Economy มากขึ้น
และเชื่อว่างาน SANSIRI ECOLEADERSHIP FORUM ในครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญของแสนสิริในการมุ่งมั่นปฏิบัติตามหลักการของความยั่งยืน และสร้างคุณค่าให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
เตรียมพร้อมรับกติกาใหม่ “พ.ร.บ.โลกร้อน”
ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เผยว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องใกล้ตัว และส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งในส่วนของภาคธุรกิจ การปรับตัวเป็นเรื่องสำคัญ
เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงปรับเปลี่ยนธุรกิจและอุตสาหกรรมให้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เท่าทันกระแสการบริโภคและการค้ายั่งยืน
ทั้งนี้ นอกจากการร่วมรับฟังวิสัยทัศน์ของแสนสิริ และข้อมูลพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่จะมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนแล้ว ภายในงานยังได้มีการจัด Special Talk ในหัวข้อ “Change Today, Chance Tomorrow” ประกอบไปด้วยข้อมูลต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ดังนี้
เอสเอ็มอี คือฟันเฟืองเชื่อมเศรษฐกิจ
ด้านนายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยว่า ความยั่งยืนที่มีพื้นฐานการประยุกต์ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy; SEP) มีหลักคิดให้ความสำคัญกับคุณภาพทรัพยากรมนุษย์ที่มีการพัฒนาและจัดการองค์ความรู้ในทุกระดับขององค์กร
มุ่งสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นคุณธรรมในการบรรลุยุทธศาสตร์และกลยุทธ์องค์กรที่รองรับการเปลี่ยนแปลง มีเหตุมีผลคำนึงถึงต้นทุนและผลตอบแทนพอประมาณไม่สุดโต่ง ไม่ให้เสียโอกาส ไม่เป็นภาระ แต่กลับเสริมศักยภาพองค์กร
สร้างภูมิคุ้มกันองค์กรที่ดีในการพึ่งพาตนเองและเป็นที่พึ่งให้ผู้อื่นได้ด้วยการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ ระมัดระวัง มีการบริหารความเสี่ยงรอบด้าน ซึ่งสอดคล้องกับ ESG ที่ต้องขับเคลื่อนสร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยภาวะความเป็นผู้นำที่ดี (Leadership) และใช้ประโยชน์นวัตกรรม (Innovation) นำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainability)
โดยสร้างการมีส่วนร่วมทุกระดับขององค์กร มุ่งยกระดับขีดความสามารถเพื่อเพิ่มคุณค่าและก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มกับระบบนิเวศธุรกิจที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจและสังคมพอเพียงเพื่อความยั่งยืน (Sufficiency for Sustainability)
การดีไซน์ต้องโอบรับความยั่งยืน
ด้านนางสาวศรีอำไพ รัตนมยูร ประธานผู้บริหารสายงานการตลาด บมจ.แสนสิริ กล่าวว่า ในโอกาสปีที่ 40 แสนสิริเราได้ Challenge ตัวเอง ภายใต้แนวคิด Design for Future และ Design for Sustainability คือหนึ่งในแกนการออกแบบที่สำคัญที่พร้อมโอบรับความยั่งยืน รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม
แสนสิริให้ความสำคัญกับการออกแบบที่ผสานแนวคิดความเข้าใจธรรมชาติ ต่อยอดอย่างสร้างสรรค์กับงานออกแบบ มีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และใช้งานได้จริง
เช่น การนำเศษวัสดุจากการสร้างบ้านมาต่อยอดกลับมาใช้ประโยชน์อีกครั้งผ่านโครงการ Waste to Worth (หินอ่อน กระเบื้อง ไม้), ออกแบบบ้านประหยัดพลังงาน และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ติดตั้งโซลาร์เซลล์เป็นต้น ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการออกแบบที่มีเป้าหมายมุ่งสู่ความยั่งยืน
การออกแบบถือเป็นส่วนสำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนความยั่งยืน เพราะถือเป็นต้นน้ำในการพัฒนาโครงการ เนื่องจากเป็นจุดเริ่มต้นที่กำหนดทิศทางและมาตรฐานของโครงการทั้งหมด
การออกแบบที่ดีไม่เพียงแต่ส่งผลต่อความสำเร็จของโครงการเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างมูลค่าให้กับทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผน การก่อสร้าง การขาย และการดูแลรักษาอีกด้วย
ภาคอสังหาฯ ถูกตั้งคำถามว่าเป็นกลุ่มที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง
นายองอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาโครงการแนวสูง บมจ.แสนสิริ เปิดเผยว่า แม้อุตสาหกรรมอสังหาฯจะไม่ใช่กลุ่มที่มีสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรง แต่ในห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจนี้ต้องใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง
แสนสิริและคู่ค้าเราคำนึงถึงสิ่งนี้มาโดยตลอด และได้หาแนวทางและปรับกลไกการดำเนินงาน เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและลดความเสี่ยงทางธุรกิจในอนาคต
แสนสิริ มีโรงงานพรีคาสท์สีเขียว เป็นรายแรกของอสังหาฯ ไทย ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO9001 & ISO14001 ทั้งระบบบริหารงานคุณภาพและระบบจัดการสิ่งแวดล้อม ได้รับการรับรองฉลากเขียวจากกระทรวง
สามารถลดขยะภายในโรงงานได้มากถึง 98% (ไม่มีมลพิษทางเสียงและอากาศ) มีกำลังการผลิต 1,500,000 ตร.ม./ปี และสามารถผลิตแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปที่ใช้ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัย 3,700 ยูนิต/ปี
รวมถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยวางรากฐานให้การก่อสร้างยั่งยืน เช่น นำระบบ BIM (Building Information Modelling) มาใช้สำหรับการทำแบบก่อสร้างและการวางแผนก่อสร้าง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่สูงที่สุด ลดการใช้ทรัพยากรมากที่สุด
ตลอดจนการพัฒนาแอปพลิเคชัน เพื่อติดตามความก้าวหน้า และการบริหารจัดการทรัพยากรของโครงการ ซึ่งได้รับความร่วมมือในการดำเนินงานและการใช้งานร่วมกับพาร์ตเนอร์ของเราด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ยังได้เลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงการวัดผลที่ชัดเจน
โดยมีการตั้งเป้าหมายในการลดผลกระทบจากงานก่อสร้าง เช่น การลดขยะก่อสร้างภายในไซต์งานลง 15% รวมถึงมีการกำหนดใช้วัสดุ Low Carbon 30% ใน TOR
ซึ่งนอกจากการตั้งเป้าหมายแล้ว การวัดผลก็เป็นที่ต้องให้ความสนใจ โดยมีการทำ Dashboard ในการเก็บข้อมูลและการจัดการขยะ ซึ่งเราพัฒนากันเองภายใน ปัจจุบันเราใช้เครื่องมือนี้ในการวิเคราะห์ วัดผลและจัดการขยะภายในไซต์ก่อสร้างของเรา
Green Ecosystem คือคีย์ไดรฟ์สู่การเปลี่ยนแปลง
นายประเสริฐ ตระการวชิรหัตถ์ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อส่วนโครงการ บมจ.แสนสิริ เปิดเผยว่า หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของแสนสิริ คือการนำโมเดล Green Supply Chain มาประยุกต์ใช้ร่วมทำงานกับคู่ค้า
และเน้นการพัฒนาต่อยอดเพื่อคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดและผลักดันให้คู่ค้าพัฒนาวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อต่อยอดการพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน
ในเรื่องการจัดซื้อ เราให้ความสำคัญกับการคัดเลือกวัสดุที่นำมาใช้ที่ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การผ่านการตรวจสอบและรับรองตามมาตรฐานที่กำหนด
วัสดุบางประเภทต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก(อบก.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือในการตรวจสอบและรับรองการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
นอกจากนี้ แสนสิริยังสนับสนุนการใช้วัสดุที่มีการรับรองจากองค์กรอื่น ๆ หรือการรับรองด้วยตัวเอง (Self-Certified) เพื่อให้มั่นใจว่าทุกกระบวนการในการพัฒนาโครงการจะไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
ในปี 2566 เรามีการตั้งเป้าหมายการจัดซื้อวัสดุที่มีการรับรอง Self-Certified 30% ซึ่งเราบรรลุเกินกว่าเป้าหมายที่มีการจัดซื้อวัสดุดังกล่าวที่ 53% เรามีการวัดผลและติดตามผลที่จริงจัง และนำมาคำนวณในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร
อีกทั้งในแง่ของการผลิตวัสดุคู่ค้าของเราเองก็ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เมื่อเรานำผลิตภัณฑ์เหล่านี้มาใช้ บ้านที่เราส่งมอบให้กับลูกค้า
ศุภาลัย เปิดตัว Hub ใหม่พื้นที่ 205 ไร่ ประเดิมบ้านเดี่ยว “ศุภาลัย แกรนด์วิลล์ สุขุมวิท-บางนา” ชูไฮไลต์ฟังก์ชันใหญ่ สไตล์ Tropical Modern เริ่ม 5.99 ลบ.*
3 ชั่วโมงที่แล้ว
บ้านในฝันของคุณเป็นอย่างไร? เปลี่ยนฝันให้เป็นจริงกับ 6 โครงการน่าอยู่!
5 ชั่วโมงที่แล้ว
คอนโดติดรถไฟฟ้า ยกระดับความสะดวกสบายของการอยู่อาศัยในเมือง
5 ชั่วโมงที่แล้ว
ทาวน์โฮมพร้อมอยู่อาศัย โครงการใหม่น่าซื้อปี 2567
5 ชั่วโมงที่แล้ว
เอสบี ดีไซน์สแควร์ ทุ่มงบ 30 ลบ. เปิดสาขาแรกในภาคตะวันออกที่ “พัทยา” รับอสังหาฯ ฟื้นตัว
5 ชั่วโมงที่แล้ว
ดีๆๆๆๆๆๆ มากๆเลย หาอ่านแบบนี้มานานแล้ว
แจ่มเลยค่ะ รีวิวได้ครบถ้วน
มีประโยชน์มากๆค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลน่ะค่ะ
well