รายการโปรด
ย้อนไปเมื่อ 6-7 ปีก่อน แถวเพลินจิตมีคอนโดนึงเปิดขายเริ่มต้นตารางเมตรละ 180,000 บาท ย้ำนะครับ 7 ปีก่อน ราคานี้ใครๆก็บอกว่าราคานั้นโครตแพงเลยครับ แต่ถ้าคุณมาดูราคาขายตอนนี้ เค้าขายกันเกือบ 250,000 บาทต่อตารางเมตร !!!
คุณคงจะแอบคิดในใจว่า รู้งี้ ซื้อไว้ตอนนั้นก็ดี ผมมักจะได้ยิน คำว่า รู้งี้ซื้อไว้ รู้งี้ทำไปแล้ว อยู่บ่อยๆ แน่นอนครับ มันมีคนที่พูด กับคนที่ไม่ได้พูด คนที่พูดต่างกับคนที่ไม่ได้พูด ตรงไหนรู้มั้ยครับ ง่ายๆเลยครับ เพราะเค้า รู้งี้ตั้งแต่แรกไงครับ
ผมมานั่งดูราคาอสังหาริมทรัพย์ย้อนหลัง พบว่าต่อให้เรามีความรู้ด้านอสังหาฯมากเพียงใด แต่ก็มักจะมีอะไรเกินความคาดเดาของเราได้เสมอ คอนโดหลายๆโครงการที่เปิดขายเมื่อหลายปีก่อน พอเห็นราคาแล้ว ผมอยากจะพูดว่า เฮ้ย !!! ขายราคานี้จริงเหรอ ใครจะซื้อ แต่มันก็มีคนไปซื้ออยู่ดี คนที่เราอาจมองว่าเป็นคนโง่ ซึ่งต่อมาเราจะพบว่าจริงๆแล้ว เราต่างหากที่โง่เพราะเพราะมองไม่เห็นโอกาสแบบเค้า
สำหรับคอนโดที่อยู่ในโลเคชั่นใจกลางเมืองจริงๆ ผมมาดูแล้ว ณ เวลาปัจจุบัน ที่เปิดขาย เรามักรู้สึกแพงเสมอ ไม่เคยมีใครพูดว่า ราคากำลังดี หรือ ราคาถูกซักคน แต่พอระยะเวลาผ่านไป มันกลายเป็นราคาถูกไปซะอย่างงั้น นี่แหละครับ ทำให้ไม่ว่าจะยุคไหนในประวัติศาสตร์ เศรษฐีที่อยู่ตามประเทศต่างๆบนโลกใบนี้ ก็มักจะลงทุนแบบเดียวกันคือ การลงทุนในอสังหาฯ
สำหรับถนนวิทยุ ผมคงไม่ต้องสาธยายอะไรให้มากความกันอีก แถวนี้ที่ดินแพงมาตั้งแต่สมัยกรุงเทพยังไม่มีรถไฟฟ้าซะอีก
ย้อนไปสมัยปีพ.ศ. 2458 นายเลิศ เศรษฐบุตร (พระยาภักดีนรเศรษฐ) ได้ที่ดินผืนใหญ่ย่านวิทยุมา ในการขายที่ดินต่อนั้นท่านจะเลือกขายให้เฉพาะคนที่ชื่อเสียงและเป็นผู้ใหญ่ทางสังคมเท่านั้น เรียกว่าไม่ได้มีเงินอย่างเดียวจะมาซื้อได้นะครับ ต้องมีโปรไฟล์ด้วย แถวนี้เลยกลายเป็นย่านที่พักอาศัยของชนชั้นสูงในอดีต อาทิ วังคันธวาส (โรงแรมพลาซ่า แอทธินี รอยัล เมอริเดียน ในปัจจุบัน) วังวิทยุ และสมาคมราชกรีฑาสโมสรโปโลคลับ
หนึ่งในแปลงใหญ่ที่สุดที่มีคนซื้อจากนายเลิศคือ เมื่อ พ.ศ. 2465 รัฐบาลอังกฤษติดต่อขอซื้อที่ดินประมาณ 30 กว่าไร่ เพื่อสร้างสถานเอกอัครราชทูต จากนั้นมาย่านวิทยุก็กลายเป็นย่านที่มีสถานทูตของประเทศดังๆมารวมกันมากที่สุดในประเทศไทย
คุณเชื่อมั้ยย่านนี้มี สถานทูต-สถานกงสุลรวมกันถึงถึง 22 ประเทศ !!! การที่แต่ละประเทศเลือกมาอยู่ย่านนี้มันมีนัยสำคัญหลายอย่างนะครับ เช่น ความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และ เรื่องความมีหน้าตาของประเทศนั้นๆด้วย ไม่ใช่แค่สถานทูตเท่านั้นยังมีออฟฟิศของบริษัทชั้นนำต่างๆรวมถึงห้างสรรพสินค้าระดับ Hi-End ก็อยู่ที่นี่กันเต็มไปหมด แค่นี้มันก็พอพิสูจน์ได้แล้วว่าที่ดินย่านนี้มีศักยภาพแค่ไหน
ขอบคุณภาพจาก allseasonplace และ Central
หลายคนชอบสงสัยว่าระหว่างย่านนี้กับแถวอโศกถึงทองหล่อ ตรงไหน มีศักยภาพและมีค่ามากกว่า ตอบไม่ยากครับเพราะมันต่างกันชัดเจนมาก ผมไม่เคยเห็นที่ดินแถวสุขุมวิท ทำลายสถิติราคาซื้อขายที่แพงที่สุดเลย มีแต่ย่านนี้เท่านั้น ไล่ตั้งแต่
- เซ็นทรัลซื้อบางส่วน (9 ไร่) ของสถานทูตอังกฤษ ทำ Central Embassy
- โนเบิลซื้อที่ดินทำโครงการ โนเบิลเพลินจิต
- แสนสิริซื้อที่ดินติดสถานทูตอเมริกา ทำโครงการ 98 Wireless
- SC Asset ซื้อที่ดินซอยชิดลม ทำโครงการ 28 Chidlom
- กลุ่ม BDMS ซื้อโรงแแรมปาร์คนายเลิศ เพื่อทำ BDMS Wellness Clinic
ทุกแปลงล้วนทำลายสถิติราคาที่ดินสูงสุดในประเทศทั้งนั้น มาจนถึงล่าสุด เซ็นทรัลก็ซื้อสถานทูตอังกฤษไปอีก 20,000 กว่าล้าน (25 ไร่) ก็ทำลายสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์อีกแล้ว
มันพิสูจน์ได้ว่าย่านที่อยู่ในวงกลมนี้ เป็นสุดยอดโลเคชั่นของมูลค่าอสังหาฯเมืองไทยอย่างแท้จริง
โดยในย่านนี้จะประกอบด้วยถนนหลักที่มารวมกันคือ เพลินจิต วิทยุ ชิดลม หลังสวน ราชดำริ (ถนนตามเส้นที่ไฮไลต์สีไว้)
ใครที่คิดจะหาคอนโดแถวนี้อยู่ อย่างน้อยต้องมีซัก 8 ล้าน นั่นทำให้หลายคนได้แค่ฝัน แต่อีกไม่กี่วันคุณอาจเห็นคนไปต่อคิวกันข้ามคืนอีกแล้ว เพราะโครงการ LIFE ONE WIRELESS เริ่มแค่ 4 ล้านกว่าๆ
Life One Wireless
โครงการคอนโดใหม่ของเอพีบนถนนวิทยุบนที่ดินขนาดประมาณ 5 ไร่
ถนนวิทยุช่วงนี้จะเป็น one way ซึ่งโลเคชั่นของคอนโดจะอยู่ขวามือบริเวณเชิงสะพานข้ามคลอง ที่จะไปตัดกับถนนเพชรบุรี ระยะห่างจาก BTS ที่ใกล้ที่สุดคือสถานีเพลินจิต ประมาณ 680 เมตร
ในส่วนรายละเอียดโครงการผมจะไม่อธิบายมากเท่าไร เพราะคุณสามารถหาดูที่ไหนก็ได้
ดูภาพเอาแล้วกันว่าเค้าจัดเต็มแค่ไหน ผมว่าเค้าผสมผสานความหรูแบบโอเรียนทัลร่วมสมัยให้เข้ากับความทันสมัยของยุคปัจจุบันได้ลงตัวเลยทีเดียวครับ ผู้ใหญ่หลายคนน่าจะชอบ คนรุ่นใหม่ก็ดูแล้วไม่แก่เกินไป
บรรยากาศสำนักงานขายและห้องตัวอย่างโครงการ Life one Wireless
สำนักงานขายออกแบบได้เข้ากับแนวคิดโอเรียนทัลร่วมสมัยของโครงการมากๆครับ
มีการใช้ดีไซน์ของใบโพธิ์มาทำเป็นส่วนตกแต่ง ดูแล้วคลาสิคแต่ก็ไม่รู้สึกโบราณครับ
จะสังเกตว่าข้างๆสำนักงานขายจะมีแฟมิลี่มาร์ทด้วย ซึ่งตรงจุดนี้จะเป็นแฟมิลี่มาร์ทจริงๆประจำโครงการนี้เลยนะครับ สร้างความสะดวกสบายให้ผู้อยู่อาศัยที่นี่มากๆ
ภายในสำนักงานขาย ดูหรูหราทีเดียว โดยการตกแต่งจะมีความคล้ายๆกับ Lobby โครงการจริงเลยครับ
มีห้องตัวอย่างมาให้ชมกัน 2 ห้องนะครับ คือแบบ สตูดิโอ 28 ตร.ม. และ 1 ห้องนอน 35 ตร.ม. เดี๋ยวเรามาดูห้องกันเลยครับ
สตูดิโอ 28 ตร.ม.
เปิดประตูเข้ามาจะเจอห้องครัวก่อน โดยอีกฝั่งนึงจะเป็นห้องน้ำ จะเห็นว่ามีระยะระหว่างครัวและห้องน้ำค่อนข้างกว้างพอสมควรเลยครับ
ชุดครัวให้ของคุณภาพดีเลยครับ ท๊อปหินสังเคราะห์สีขาว มาพี้อมเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน ผนังครัวมีการปูมี Backsplash เป็นกระจกกันเปื้อนไว้ให้
ห้องน้ำได้ของครบ คุณภาพมาตรฐานครับ พร้อมติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำให้พร้อม
ถัดไปจะเป็นส่วนของห้องนั่งเล่นและห้องนอน ซึ่งการตกแต่งที่เค้าทำให้เราดู จะเน้นการใช้งานที่ผสมผสานกันระหว่างห้องนอนและห้องนั่งเล่นให้รวมอยู่ในส่วนเดียวกัน โดยไม่ได้เน้นพื้นที่สำหรับเป็นห้องนั่งเล่นที่มีโซฟาวางเพื่อนั่งดูทีวีจริงจังเท่าไร แต่จะได้พื้นที่ของโต๊ะทำงานและตู้เก็บของขนาดใหญ่มาเพิ่มครับ
ห้องตัวอย่างมีการทำ Built in โซฟาสำหรับนั่งพักผ่อนไว้ติดหน้าต่างให้ดูเป็นไอเดีย เผื่อใครอยากเพิ่มพื้นที่นั่งพักผ่อนภายในห้องเพิ่มเติม จุดนี้ก็เป็นจุดที่ดีเลยครับ
พื้นที่ระเบียงไม่กว้างมากครับ แต่พอตากผ้าได้
ส่วนคอมเพรสเซอร์ เนื่องจากห้องนี้มีแอร์ตัวเดียว เลยแขวนไว้ด้านบนได้ครับ ไม่บังสายตาดีครับ
1 ห้องนอน 35 ตร.ม
เมื่อเข้าสู่ห้อง ส่วนแรกที่พบจะเป็นส่วนของห้องนั่งเล่นครับ
โดยจะเห็นว่าการออกแบบห้องนี้จะให้ความสำคัญกับพื้นที่ครัวที่อยู่ตรงกลางห้องพอสมควรเลยครับ ซึ่งสำหรับคนที่ชอบทำอาหารหรือมาจัดปาร์ตี้ที่ห้องบ่อยๆคงจะชอบห้องแบบนี้แน่ๆครับ
ครัวแบบนี้จริงๆใครจะติดตั้งกระจกเพื่อให้เป็นครัวปิดก็สามารถติดตั้งเองได้ที่หลังนะครับ ทำไม่ยากครับ
ทางเข้าห้องน้ำอยู่ข้างๆโซนครัวครับ ส่วนเค้าเตอร์ครัวที่เห็นตรงนี้โครงการทำให้ดูเป็นไอเดียนะครับ ไม่ได้แถมมาให้นะครับ
ชุดครัวให้วุสดุเหมือนห้องแรกครับแต่ห้องนี้จะได้ครัวเป็นตัว L ซึ่งมีพื้นที่ในการทำอาหารได้จริงๆจังมากกว่าครับ
ห้องน้ำมาตรฐาน อุปกรณ์ครบครับ
พื้นที่ข้างๆโซฟาเหลือพอที่จะสามารถวางโต๊ะทำงานได้ครับ
ส่วนห้องนอนและห้องนั่งเล่นใช้กระจกบานเลื่อนกั้นแยกส่วนกันครับ ซึ่งแบบนี้จะช่วยดึงแสงจากหน้าต่างห้องนอนเข้ามาในห้องนั่งเล่นได้ด้วย ทำให้ห้องนั่งเล่นสว่างและดูมีมิติที่กว้างขึ้นครับ
ภายในห้องนอนขนาดกำลังพอดีครับ มีพื้นที่เดินได้รอบเตียงได้ ไม่อึดอัดครับ
ตรงปลายเตียงจะเห็นว่ามีทางเข้าสู่อีกห้องนึงที่เรียกได้ว่าเป็นห้องเอนกประสงค์ ซึ่งห้องนีี้ผมว่าสำคัญมากๆครับ เพราะคนอยู่คอนโดหลายคนมีของเยอะมาก ไม่รู้จะเก็บของตรงไหน
ห้องนี้สามารถดัดแปลงเป็นห้องเก็บของหรือ Walk in Closet สำหรับคุณผู้หญิงที่มีเสื้อผ้าเยอะๆได้อย่างดี หรือถ้าคุณผู้ชายก็สามารถทำเป็นห้องทำงานได้เลยครับ
ถึงตรงนี้ ผมว่าหลายคนน่าจะเห็นรายละเอียดโครงการกันพอสมควรละครับ จริงๆยังมีรายละเอียดต่างๆมากกว่านี้ แต่ผมจะไม่พูดลงลึกมากนะครับ เพราะคุณสามารถไปดูกันเองที่ห้องตัวอย่างได้อยู่แล้ว แต่ที่ผมว่าโครงการนี้มันน่าสนใจมากๆ มันมี 2 ประเด็นที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต คือ
1. อย่างที่รู้กันว่ากลุ่มเซ็นทรัลพึ่งได้ที่ดินสถานทูตอังกฤษไปใหญ่ถึง 25 ไร่ ซึ่งจากจุดนี้อยู่ห่างโครงการแค่ประมาณ 500 เมตร ผมว่าเซ็นทรัลต้องไม่เอาที่ดินแพงๆ มาปลูกผักแน่นอน มันต้องเป็นอภิมหาโครงการระดับหมื่นล้าน ซึ่งตรงนี้จะสร้างงานและต้องมีคนมาทำงานทั้งคนต่างชาติและคนไทยจำนวนมากเข้ามาหาที่อยู่อาศัยย่านนี้
2. จุดนี้เป็นจุดที่ผมสนใจมากกว่าข้อแรกซะอีก เพราะห้างใหญ่มันมีหลายที่ในกรุงเทพ แต่แบบนี้ไม่น่ามีใครทำ มันคือที่ดินของโรงแรมปาร์คนายเลิศที่กลุ่ม BDMS ซื้อมากว่า 15 ไร่ ซึ่งที่ดินตรงนี้มันอยู่แค่ตรงข้ามโครงการ Life One Wireless เอง ตามแผนกลุ่ม BDMS จะทำโครงการ BDMS Wellness Clinic ตามข่าวบอกว่า นี่จะเป็น “ศูนย์สุขภาพครบวงจร” แห่งแรกในเอเชียใน ที่มีมาตรฐานระดับโลกเทียบเท่ายุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยจะหมอผู้เชี่ยวชาญและเก่งที่สุดในโลกมาทำวิจัยทางวิชาการแพทย์ในเชิงลึก เพื่อดูแลรักษาคนไข้อย่างเต็มรูปแบบ ตรงนี้แหละครับ ที่ผมมองว่าจะมีชาวต่างชาติที่รวมถึงหมอทั้งคนต่างชาติและคนไทย จะมาหาที่พักย่านนี้แน่นอน
ขอบคุณข่าวจากไทยรัฐ อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งค์นี้
ดูรายละเอียดโครงการ BDMS Wellness Clinic ได้ที่ลิ้งค์นี้
พูดมาขนาดนี้แล้ว คงไม่ต้องบอกว่าโครงการนี้น่าสนใจแค่ไหน แน่นอนว่าต้องมีคนสนใจเยอะ และมีการเข้าคิวข้ามวันและมีการขายต่อใบจองกันอีกเต็มเว็บไปหมด โลกของทุนนิยม บางทีมันก็พูดยากครับ หวังว่าโครงการคงจะเตรียมรับมือให้ดี และมีโอกาสให้คนซื้อจริงๆได้ซื้อบ้าง ไม่ใช่เอาใจแต่นักลงทุนอย่างเดียว ผมว่าโครงการนี้จริงๆแล้ว คุณไม่ต้องอาศัยนักลงทุนเยอะหรอกครับ ขายไปเรื่อยๆมันก็หมดแล้ว
โดยโครงการจะเปิดจองออนไลน์ iBooking ทางเว็บ apthai.com วันที่ 27 กรกฎาคมนี้ และเปิดขายอย่างเป็นทางการ ณ สำนักงานขาย ในวันที่ 29 กรกฎาคมนี้
ราคาเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท* (เฉลี่ย 170,000 บาทต่อตารางเมตร)*
สำหรับผู้สนใจ ผมแนะนำให้ลงทะเบียนตามลิ้งค์ของเว็บด้านล่างกันเลยจะได้ไม่พลาดข่าวสารครับ
ลงทะเบียนได้ที่
ข้อมูลเพิ่มเติมโทร
1623 หรือ 0-2261-2518
พาเหาะดูโครงการ
LIFE ONE WIRELESS
วิวรอบๆโครงการ ลองเล็งกันตามสบายครับ ว่าชอบมุมไหน
วิวที่ความสูง 40 เมตร / ประมาณชั้นที่ 15
วิวที่ความสูง 70 เมตร / ประมาณชั้นที่ 25
วิวกลางคืน
วิวที่ความสูง 70 เมตร / ประมาณชั้นที่ 25
ใครอยากดูว่ามีห้องแบบไหน อยู่มุมไหนบ้าง ดูรายละเอียด Floor Plan และ Room Layout ได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างครับ
Livinginsider - Weekly Insight Report [10-16 Nov 2024]
39 นาทีที่แล้ว
Livinginsider - Weekly Insight Report [03-09 Nov 2024]
4 นาทีที่แล้ว
Livinginsider - Weekly Insight Report [27 Oct-02 Nov 2024]
2024-11-04
Livinginsider - Weekly Insight Report [20-26 Oct 2024]
2024-10-28
Livinginsider - Weekly Insight Report [13-19 Oct 2024]
2024-10-21
บทความมีประโยชน์มากค่ะ
โอเคเลยค่ะ รายละเอียดดีมาก
มีความหลายหลายในการรีวิวดีค่ะ
ใช้ภาษาเข้าใจง่ายดีค่ะ
ตัวหนังสืออ่านง่ายมาครับ
รีวิวดี น่าติดตามมากค่ะ