รายการโปรด
การตัดสินใจซื้อคอนโดเป็นหนึ่งในการลงทุนที่สำคัญที่สุดในชีวิต แต่กว่าจะตัดสินใจได้นั้นก็ต้องมีการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด โดยเฉพาะเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินในคอนโด ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลัก freehold vs leasehold คือรูปแบบที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อคอนโด บทความนี้จะไขข้อข้องใจเกี่ยวกับความแตกต่างของทั้งสองแบบ เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและเลือกซื้อคอนโดที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณอย่างแท้จริง
คอนโด Freehold คือคอนโดที่คุณจะได้กรรมสิทธิ์ในห้องชุดนั้นไปตลอด! หมายความว่าคุณเป็นเจ้าของห้องชุดอย่างแท้จริง สามารถตกแต่ง ปรับปรุง หรือทำอะไรก็ได้ตามใจชอบที่อยู่บนสิทธิของคุณ แถมยังสามารถนำไปขายต่อ ปล่อยเช่า หรือมอบให้เป็นมรดกตกทอดแก่ลูกหลานได้อีกด้วย ใครที่ต้องการซื้อเพื่อลงทุนหรือเก็งกำไรการเลือกแบบ Freehold ก็ถือเป็นอีกตัวเลือกที่ดี
ในส่วนของคอนโด Leasehold คือเหมือนการเช่าห้องชุดระยะยาวโดยต้องชำระค่าเช่าตามงวด แต่เป็นการเช่าในระยะเวลาที่ค่อนข้างยาวนานอาจจะเป็น 30 ปี 50 ปี หรือมากกว่านั้น เมื่อครบกำหนดสัญญาคุณก็ต้องคืนห้องชุดให้กับเจ้าของโครงการ หรืออาจจะต่อสัญญาเช่าออกไปอีกก็ได้แต่ราคาที่ซื้อจะถูกกว่าคอนโด Freehold พอสมควร แต่ก็มีข้อเสียในเรื่องของการถือครองกรรมสิทธิ์ที่ไม่ได้สิทธิขาดแบบการซื้อคอนโด Freehold
การเลือกประเภทกรรมสิทธิ์ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างละเอียดในตลาดอสังหาริมทรัพย์ คอนโดมีอยู่สองประเภท freehold vs leasehold คือการซื้อคอนโดสองประเภทที่มีความแตกต่างกันในหลาย ๆ ด้าน เช่น กรรมสิทธิ์ในการถือครอง มูลค่าของทรัพย์สินในระยะยาว การขายต่อ รวมถึงภาษีและค่าใช้จ่ายโดยมีรายละเอียด ดังนี้
กรรมสิทธิ์และการถือครองในรูปแบบ Freehold ผู้ซื้อจะเป็นเจ้าของคอนโดและที่ดินใต้คอนโดอย่างสมบูรณ์ ไม่มีระยะเวลาหมดอายุในการถือครอง สามารถทำอะไรกับทรัพย์สินนั้นก็ได้ตามต้องการ เช่น ขายต่อ ปล่อยเช่า หรือโอนกรรมสิทธิ์ให้กับบุคคลอื่นหรือทายาท
ในส่วนของ Leasehold ผู้ซื้อจะได้รับสิทธิ์ในการถือครองและใช้ประโยชน์จากคอนโดตามระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาเช่า โดยทั่วไปคือ 30 ปี หรืออาจขยายได้ถึง 90 ปี เมื่อครบกำหนดระยะเวลา กรรมสิทธิ์จะต้องถูกส่งคืนให้กับผู้ให้เช่า
การขายต่อและการโอนกรรมสิทธิ์ในส่วนของ Freehold โดยทั่วไปแล้วราคาของคอนโด Freehold จะสูงกว่า Leasehold เนื่องจากผู้ซื้อได้รับกรรมสิทธิ์เต็มรูปแบบในทรัพย์สิน ซึ่งมูลค่าของคอนโดและที่ดินมักจะปรับเพิ่มขึ้นตามตลาดและทำเล ทำให้ Freehold มีโอกาสในการเพิ่มมูลค่าที่ดีกว่าในระยะยาวนอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มมูลค่าจากการตกแต่งที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับห้องชุดนั้น ๆ เช่น โครงการคอนโดติดรถไฟฟ้า ที่หากซื้อแบบ Freehold ยิ่งแต่จะมีมูลค่าสูงขึ้น
ความแตกต่างของการขายต่อและการโอนกรรมสิทธิ์ระหว่าง freehold vs leasehold คือจะต่างกันที่ Freehold สามารถขายต่อหรือโอนกรรมสิทธิ์ได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องขึ้นอยู่กับระยะเวลาหรือเงื่อนไขในสัญญา การขายต่อจึงทำได้ง่ายและมีความยืดหยุ่นมากกว่าสัญญาแบบ Leasehold ที่การขายต่อหรือโอนกรรมสิทธิ์จะต้องขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เหลือในสัญญา
และส่วนสุดท้ายคือเรื่องของภาษีและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง Freehold จะมีค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์และภาษีที่สูงกว่า เช่น ค่าธรรมเนียมการโอน ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ซึ่งต้องจ่ายในวันที่ทำการซื้อขาย ต่างจาก Leasehold ที่มีค่าใช้จ่ายในวันที่ทำสัญญาเช่าที่น้อยกว่า แต่จะมีค่าเช่ารายปีหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ต้องจ่ายตลอดระยะเวลาที่ถือครองทรัพย์สิน ทำให้เป็นภาระค่าใช้จ่ายต่อเนื่องในระยะยาว
การเลือกซื้อคอนโดไม่ว่าจะเป็นแบบ freehold vs leasehold คือควรพิจารณาจากปัจจัยหลายๆ ด้าน เพื่อให้การตัดสินใจของคุณคุ้มค่าและตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากที่สุด นี่คือปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาให้ดีก่อนทำสัญญาซื้อขาย
การตั้งงบประมาณเป็นสิ่งแรกที่คุณควรทำ เนื่องจากคอนโด Freehold มักจะมีราคาสูงกว่าคอนโด Leasehold ประมาณ 30-40% หากคุณมีงบประมาณจำกัด คอนโด Leasehold อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่หากคุณมีความสามารถในการผ่อนชำระที่ดีและต้องการถือครองทรัพย์สินในระยะยาว คอนโด Freehold อาจตอบโจทย์มากกว่า
ควรตั้งวัตถุประสงค์ของการซื้อคอนโดว่าคุณต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง ปล่อยเช่า หรือเก็งกำไร คอนโด Freehold อาจเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการความมั่นคงในระยะยาวหรือวางแผนส่งต่อทรัพย์สินให้ทายาท ในขณะที่คอนโด Leasehold อาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่เน้นการลงทุนระยะสั้นหรือปล่อยเช่า
ทำเลที่ตั้งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อมูลค่าของคอนโด ทั้ง Freehold และ Leasehold ควรเลือกทำเลที่มีศักยภาพในการเติบโตและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า แหล่งชุมชน หรือย่านธุรกิจ อาทิ โครงการคอนโดลาดพร้าว ที่มีทำเลที่ดีจะยิ่งช่วยเพิ่มมูลค่าของคอนโดในอนาคตและทำให้การลงทุนของคุณมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น
และสุดท้ายคือการกำหนดระยะเวลาที่คุณวางแผนจะถือครองคอนโดก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ หากคุณต้องการถือครองคอนโดในระยะยาว คอนโด Freehold จะให้ความมั่นคงมากกว่า แต่หากคุณมีแผนในการใช้ประโยชน์จากคอนโดในระยะสั้น การเลือกคอนโด Leasehold อาจจะคุ้มค่ามากกว่า เนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่าและสามารถปล่อยเช่าได้ในราคาที่แข่งขันได้
การเลือกซื้อคอนโดไม่ว่าจะเป็น Freehold หรือ Leasehold นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณ วัตถุประสงค์การซื้อ ทำเลที่ตั้ง และระยะเวลาที่ต้องการถือครอง การทำความเข้าใจข้อดีและข้อเสียของแต่ละประเภท จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและคุ้มค่ามากขึ้น
หากคุณกำลังมองหาคอนโดคุณภาพในทำเลที่สะดวกสบาย อย่างเช่น คอนโดอ่อนนุชที่มีการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า ทำให้การเดินทางของคุณสะดวกสบาย และยังเป็นทำเลที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง อย่าพลาดโอกาสดี ๆ ในการเป็นเจ้าของคอนโดที่ตรงใจคุณที่ Livinginsider ที่นี่เรามีคอนโดหลากหลายประเภททั้ง Freehold และ Leasehold พร้อมให้คุณเลือกซื้อในราคาที่คุณพอใจ เพื่อให้คุณได้พบกับบ้านติดรถไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบและตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ
บทความมีประโยชน์มากค่ะ
รูปภาพประกอบสวยมากเลยค่ะ
รีวิวอ่านง่าย รูปภาพสวยครับ
รีวิวได้ดี วิเคราะห์ละเอียดมากจ๊ะ
well
อันนี้รีวิวหรือวิทยานิพนธ์คะ ละเอียดจริงๆ สุดยอดเลยค่ะ