รายการโปรด
นายสุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรชั้นนำของประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าขยายธุรกิจและส่งมอบบริการในทุกภาคส่วนตามแผน Elevate Your Living Experience ตั้งแต่กลุ่มธุรกิจต้นน้ำ บริการก่อนเข้าอยู่อาศัย (Pre-Living Services) กลุ่มกลางน้ำ บริการการจัดการเพื่อการอยู่อาศัย (Living Services) และกลุ่มปลายน้ำ บริการหลังการขายที่อยู่อาศัย (Living & Earning Services)
โดยเฉพาะในกลุ่มบริการหลังการขาย ด้านบริการออกแบบและตกแต่งภายใน ที่บริษัทมองเห็นว่า ปัจจุบันเทรนด์การตกแต่งคอนโดฯ และบ้านพักอาศัยมีความต้องการสูงทั้งในแบบอยู่อาศัยเอง-ปล่อยเช่า ขณะเดียวกันในกลุ่มคอนโดฯ และบ้านที่มีอายุกว่า 10 ปี ก็มีความต้องการบริการตกแต่งภายใน หรือบริการรีโนเวตเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปีอีกด้วย
ดังนั้นบริษัทจึงได้ขยายบริการการออกแบบและตกแต่งภายในซึ่งดำเนินงานโดย บริษัท วายด์ อินทีเรีย จำกัด ผู้ให้บริการด้านการออกแบบและตกแต่งภายในแบบครบวงจร และอยู่ในกลุ่ม Living & Earning Services ของบริษัท เพื่อตอบโจทย์บริการในที่อยู่อาศัยทั้งกลุ่มตลาดผู้พัฒนาโครงการ (Developer) กลุ่มลูกค้ารายย่อย (End User) และกลุ่มเจ้าของโครงการอสังหาฯ ที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย (Project Owner) ในทุกระดับราคา ทุกเซกเมนต์
“การออกแบบและตกแต่งภายในสะท้อนถึงความเป็นเอกลักษณ์และตัวตนของแบรนด์มากขึ้น โดยเฉพาะโครงการเชิงพาณิชย์ที่ให้ความสำคัญกับฟังก์ชันการทำงาน สร้างประสบการณ์ร่วมของลูกค้ากับแบรนด์ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ดึงดูดลูกค้า และสอดคล้องกับเป้าหมายของกิจการ
จากความต้องการดังกล่าวเราจึงมองเห็นถึงโอกาสการเติบโตของตลาดการออกแบบภายใน และการตกแต่ง ด้วยทางเลือกที่สามารถนำเสนอโซลูชันการออกแบบตามความต้องการ และแรงบันดาลใจของลูกค้า โดยนักออกแบบและสถาปนิกมืออาชีพที่มีประสบการณ์การกว่า 10 ปี เพื่อผสานองค์ประกอบต่างๆ และสร้างบรรยากาศที่น่าดึงดูดซึ่งสะท้อนกับเอกลักษณ์ขององค์กรอย่างสูงสุด” นายสุรินทร์ กล่าว
นางสาวลักษณา แสงมณี ผู้บริหารสายงานการขายงานตกแต่ง กล่าวว่า กลุ่มวายด์ อินทีเรีย มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ พร้อมบุกตลาดทุกเซกเมนต์ทั้งตลาดปรับปรุง ซ่อมแซม หรือรีโนเวต, ธุรกิจ B2B หลากหลายหน่วยงาน ทั้งงานโครงการเอกชน ราชการ และรัฐวิสาหกิจ รวมถึงกลุ่มตลาด B2C โดยได้ตั้งเป้าเติบโตขึ้นต่อเนื่อง
โดยเฉพาะการวางแผนขยายงานสู่ธุรกิจ B2B มากขึ้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มธุรกิจที่มีความหลากหลาย ทั้งโครงการเอกชน ราชการ รัฐวิสาหกิจ รวมถึงโครงการอสังหาฯ โรงแรม และโรงพยาบาล ที่ต้องการการออกแบบและตกแต่งภายในที่มีสไตล์เฉพาะทาง และแสดงถึงความเป็นตัวตนของแบรนด์มากขึ้น
โดยเฉพาะโครงการเชิงพาณิชย์ที่ให้ความสำคัญกับฟังก์ชันการทำงาน การสร้างประสบการณ์ร่วมของลูกค้ากับแบรนด์ ตลอดจนผู้พัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำในภูมิภาค รวมถึงการเข้าไปรับงาน ห้างค้าปลีก คอมมูนิตี้มอลล์ และ ศูนย์ดูแลสุขภาพต่าง ๆ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทได้ให้บริการในโครงการคอนโดฯ มาแล้วมากกว่า 4,500 ยูนิต และบ้านแนวราบมากกว่า 450 ยูนิต รวมทั้งยังมีพันธมิตรธุรกิจแบบ B2B มากกว่า 125 โครงการ ทั้งโครงการในกลุ่มบริษัทออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) และบริษัทพัฒนาอสังหาฯ อื่น ๆ
โดยมีบุคลากรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญสายงานออกแบบและก่อสร้างบ้านและคอนโดฯ รวมถึงการดูแลหลังการขาย สามารถนำเสนอโซลูชันการออกแบบตามความต้องการ และแรงบันดาลใจของลูกค้าจากนักออกแบบและสถาปนิกมืออาชีพที่มีประสบการณ์การกว่า 10 ปี เพื่อผสานองค์ประกอบต่าง ๆ และสร้างบรรยากาศที่น่าดึงดูด สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะขององค์กร ซึ่งปัจจุบันมีงานการออกแบบโครงการโรงแรมในหัวเมืองท่องเที่ยวทั้ง เชียงใหม่ และภูเก็ต ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจาคาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ในช่วงปลายปี 2567 นี้
ขณะที่งานด้านบริการแบบ B2C บริษัทได้จัดแพ็กเกจสำเร็จรูปที่ลูกค้านิยมตกแต่ง เช่น มุมทีวี เตียงนอน ตู้เสื้อผ้า โดยมี Wyde Collection มากกว่า 200 รายการให้ลูกค้าเลือกและหลากหลายสไตล์ เช่น Modern Muji Luxury เป็นต้น
“จากประสบการณ์ของทีมงานทำให้สามารถจับ painpoint ของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความกังวลใจเกี่ยวกับบริษัทผู้รับเหมาในเรื่องต่าง ๆ เช่น งานไม่ตรงตามแบบ การส่งมอบงานไม่ตรงเวลา งานบริการหลังการขายที่ล่าช้า ขณะที่ลูกค้าไม่ค่อยมีเวลาในการตรวจสอบ และต้องการความสะดวกสบายมากที่สุด
บริษัทจึงได้เข้าไปแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ลูกค้า โดยการนำเสนอบริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบและเลือกวัสดุ โดยมีการเปรียบเทียบวัสดุที่ใช้ให้ลูกค้าได้เห็นก่อนเริ่มตกแต่ง มีการทำรายงานแจ้งความคืบหน้าลูกค้าตลอดเวลาระหว่างขึ้นงาน และมีทีมงานที่คอยดูแลบริการหลังการขายโดยเฉพาะ เพื่อความสบายใจ ไร้กังวล ปราศจากความยุ่งยากซับซ้อน” นางสาวลักษณา กล่าว
ส่วนงาน Renovate ที่บริษัทได้ขยายเพิ่มเข้ามา เพราะมองเห็นเทรนด์ของตลาด Renovate ที่เพิ่มขึ้นทุกปี โดยได้นำอินไซด์ของลูกค้าที่เคยเจอ เช่น ขาดที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ต้องติดต่อกับผู้รับเหมาหลายเจ้า เกิดความล่าช้าในการทำงาน จัดสรรงบประมาณผิดพลาด จนทำให้เกิดงบประมาณบานปลาย และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ไม่คาดคิด ด้วยการบริการแบบ One stop Service
โดยมีการประสานงานทุกส่วนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ หรือตั้งแต่ต้นทางจนจบ ทั้งการวางแผนดำเนินงาน งานออกแบบ งานติดต่อโครงการ การเข้าทำงาน ตลอดจนการส่งมอบงาน เนื่องจากมีทีมที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญ รวมถึงผู้รับเหมาที่ไว้ใจได้และมีมาตรฐาน ทำงานตามขอบเขตเวลาที่ชัดเจน
โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญและผู้ช่วยให้ทุกเรื่องยากของงาน “Renovate” ให้เป็นเรื่องง่ายที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และถือเป็นโอกาสที่ดีในการรุกตลาด Renovate โดยสามารถประเมินได้จากภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยทั้งบ้านแนวราบและคอนโดฯ ทั่วประเทศที่มีอายุ 10 ปีขึ้นไปมีมากกว่า 23.4 ล้านยูนิต คิดเป็นมูลค่ากว่า 234,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 400,000 ยูนิต
สอดคล้องกับข้อมูลของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ที่สะท้อนให้เห็นภาพรวมตลาดยังมีดีมานด์จากกลุ่มลูกค้าที่สร้างบ้านเอง โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านอายุ 5-10 ปีขึ้นไป เริ่มมีปัญหาภายในตัวบ้านที่ต้องปรับปรุงซ่อมแซม รวมถึงกลุ่มครอบครัวที่ขยายใหญ่ขึ้นจึงต้องการต่อเติมบ้านเพิ่ม ส่งผลให้ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านหลายรายมองเห็นถึงโอกาสในการขยายธุรกิจ Renovate ในครั้งนี้
ดังนั้นบริษัทได้จัดทำแพ็กเกจรีโนเวตบ้านและคอนโดฯ ในคอนเซปต์ “เราคือผู้เชี่ยวชาญที่ช่วยจัดการให้ทุกเรื่องยากของงาน Renovation เป็นเรื่องง่าย” ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะกลุ่มและตามความจำเป็นของลูกค้า งบประมาณ รวมถึงการส่งมอบงานตามกำหนดเวลา
A5 ตั้งเป้ารายได้แตะ 5,000 ลบ. ในปี 70 พร้อมวางโรดแมปพัฒนาบ้านหรูต่อเนื่องถึงปี 69 รวม 9 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 16,800 ลบ.
3 ชั่วโมงที่แล้ว
ศุภาลัย บุกอสังหาฯ จ.สุราษฎร์ฯ ครั้งแรก พร้อมเปิดตัว “ศุภาลัย ปาล์มวิลล์ โกเตง” บ้านซีรีส์ใหม่สไตล์ Tropical Modern เริ่ม 3.49 ลบ.*
4 ชั่วโมงที่แล้ว
อนันดาฯ ส่งแคมเปญ “อนันดา สุดสุด ดีล” กระตุ้นยอดขายส่งท้ายปี พร้อมมอบส่วนลดสูงสุด 7 ล้าน* วันนี้–31 ธ.ค. 67
4 ชั่วโมงที่แล้ว
“NARINSIRI” ไพรเวทเรสซิเดนซ์ แบรนด์ใหม่ระดับมาสเตอร์พีซ เหนือระดับในทุกมิติ ควรค่าแก่การครอบครอง 2 โครงการ บนทำเล “กรุงเทพกรีฑา” ราคา 40 - 100 ล้านบาท*
11 ชั่วโมงที่แล้ว
“NARINSIRI” ไพรเวทเรสซิเดนซ์ แบรนด์ใหม่ระดับมาสเตอร์พีซ เหนือระดับในทุกมิติ ควรค่าแก่การครอบครอง 2 โครงการ บนทำเล “กรุงเทพกรีฑา” ราคา 40 - 100 ล้านบาท*
11 ชั่วโมงที่แล้ว
ดีมากกกกก ชอบสุดๆ ให้ข้อมูลดีมากๆ
ดีมากค่ะ ดีทุกส่วนเลย
อ่านสนุกดีค่ะ ถึงแม้ส่วนตัวจะไม่ชอบอ่าน แต่บทความที่นี่อ่านได้เรื่อยๆเลยค่ะ
บทความดี รักษาคุณภาพต่อไปค่ะ ติดตามๆ
เขียนดีขนาดนี้ ไม่ต้องไปดูโครงการจริงแล้วมั่งคะเนี่ย