รายการโปรด
แสนสิริ ผู้นำอสังหาริมทรัพย์ไทย เผยเทรนด์การลงทุนบ้านเดี่ยวมาแรง เป็น Lifetime Asset Value สร้างผลตอบแทนในระยะยาว ชี้ 4 ทำเลเด่นที่นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุดในปัจจุบัน ได้แก่ กรุงเทพกรีฑา บางนา และ 2 ทำเลจากเมืองท่องเที่ยวสำคัญ คือภูเก็ต และเชียงใหม่
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การลงทุนในบ้านเดี่ยวนับเป็นการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว ด้วยปัจจุบันดีมานด์ความสนใจเช่าบ้านเพื่อการอยู่อาศัยของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น และมีอัตราเข้าเยี่ยมชมโครงการของแสนสิริ โดยมีวัตถุประสงศ์ซื้อเพื่อการลงทุนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปีก่อนหน้าถึงปัจจุบัน
และอีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าสนใจคือกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ นิยมเช่าโครงการใกล้โรงเรียนนานาชาติ เห็นได้จากในกรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ ที่มีอัตราเข้าเยี่ยมชมโครงการสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ตัวอย่างจากข้อมูลของลูกค้าที่เข้าเยี่ยมชมโครงการพบว่า บ้านเดี่ยวจากแสนสิริตอบโจทย์ในเรื่องความคุ้มค่าของการลงทุน ทั้งในด้าน Rental Yield และ Capital Gains จากหลายปัจจัยเกื้อหนุน อาทิ โครงการตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ มีมูลค่าประเมินที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดีไซน์บ้านที่มีความงดงามเหนือกาลเวลาและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวผ่านการออกแบบที่เหนือชั้น
พร้อมเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย ท่ามกลางคอมมูนิตี้แห่งการอยู่อาศัยในสังคมคุณภาพมาพร้อมกับการบริการหลังการขายที่ดูแลลูกบ้านและโครงการในระยะยาวให้งดงามเสมือนวันแรกที่เข้าอยู่ พร้อมการดูแลความปลอดภัยด้วยมาตรฐานแสนสิริผ่านเทคโนโลยี LIV-24 (บริการดูแลความปลอดภัยจากศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง)
บ้านเดี่ยวลักชูรีจากแสนสิริจึงเป็นสินทรัพย์ที่สร้างมูลค่าด้านการเงินในระยะยาวหรือ Lifetime Asset Value ตลอดจนเป็นสินทรัพย์ที่สามารถส่งต่อเป็นมรดกจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างภาคภูมิ ทั้งนี้ เราพบว่า 4 ทำเลศักยภาพเหมาะแก่การลงทุนบ้านเดี่ยวลักชูรี ประกอบไปด้วย
1. “กรุงเทพกรีฑา” ทำเลดาวรุ่ง แห่งการอยู่อาศัยในสังคมสุดไพรเวต หนึ่งในทำเลทองที่มาแรงที่สุด ปัจจุบันการลงทุนในโครงการบ้านเดี่ยวของแสนสิริในทำเลนี้ สร้าง Yield ได้เฉลี่ยถึง 7-9% โดยค่าเช่าบ้านเฉลี่ย 300,000-600,000 บาทต่อเดือน โดยราคาประเมินที่ดินมีมูลค่าสูงขึ้นถึง 170% ภายในระยะเวลา 10 ปี และปัจจุบันมีมูลค่า 170,000 บาทต่อตารางวา
“กรุงเทพกรีฑา” เป็นทำเลที่รายล้อมสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ โรงเรียนนานาชาติชั้นนำ เช่น Brighton College และ Wellington College รวมทั้งยังมีคอมมูนิตี้มอลล์เกิดใหม่อีกมากมาย เดินทางง่ายสู่ย่านธุรกิจชั้นนำ CBD ด้วยถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (ถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า) ถือได้ว่าพรั่งพร้อมไปด้วยศักยภาพที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตและการลงทุนได้ทุกมิติ
2. “บางนา” ทำเลแห่งอนาคตที่น่าจับตามองอีกหนึ่งในทำเลศักยภาพแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ที่เติบโตและมีความต้องการซื้อและเช่าของอสังหาฯ มากขึ้นอย่างรวดเร็วจากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สะท้อนจากยอดขายโครงการใหม่ล่าสุดอย่าง เศรษฐสิริ บางนา กม. 10
ด้วยปัจจัยจากการปักหมุดของเมกะโปรเจ็กต์ และการลงทุนในภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการคมนาคมที่โดดเด่นใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ รายล้อมด้วยสนามกอล์ฟและโรงเรียนนานาชาติชื่อดัง เช่น Bangkok Patana School และ Berkeley International School ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ และโครงการใหม่ในอนาคตอย่าง Bangkok Mall ศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับถนนสุขุมวิทที่สามารถเดินทางไปยังแหล่ง CBD ได้สะดวก รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่เดินทางสู่ใจกลางเมืองได้รวดเร็ว ทำให้บางนากลายเป็นทำเลที่อยู่อาศัยคุณภาพสูงบนทำเลเส้นเลือดใหญ่แห่งกรุงเทพฯ ตะวันออก
3. “ภูเก็ต” เมืองแห่งโอกาสการลงทุน ทำเลเนื้อหอมที่สุดตลอดกาล เมืองท่องเที่ยวชั้นนำขึ้นแท่น World Class Destination ที่ภาครัฐกำลังเร่งผลักดันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับโครงสร้างคมนาคมพื้นฐานที่จะเป็นประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่าง สนามบินภูเก็ต ระบบรถไฟฟ้ารางเบา การพัฒนาท่าเรือ
และการพัฒนาผังเมือง เพื่อยกระดับภูเก็ตให้เป็น Smart City อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมขนาดใหญ่ (Big Event) เพื่อผลักดันภูเก็ตสู่เป้าหมายเมือง Premium Destination ของโลก
ย้อนไปเมื่อปี 2566 อสังหาฯ ในภูเก็ตขายดีมาก และยังขายดีต่อเนื่องจนถึงปีนี้ ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อคือ “ใกล้โรงเรียนนานาชาติ” ที่กระจายอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะบางเทา มีโรงเรียนนานาชาติหลายแห่ง เช่น เฮดสตาร์ท ขจรเกียรตินานาชาติ ฯลฯ
ทำให้มีโครงการเข้ามาพัฒนาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ “ราคาที่ดิน” พุ่งสูงขึ้น ตัวอย่างโครงการในบริเวณนี้ก่อนโควิดมีราคาไร่ละ 10-12 ล้านบาท และปัจจุบันราคาสูงขึ้นถึงไร่ละ 25 ล้านบาท ซึ่งอีกหนึ่งข้อมูลที่น่าสนใจจากโครงการบ้านเดี่ยวในทำเลภูเก็ต สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 9-10% ต่อปี และมีการปล่อยเช่าได้สูงถึง 300,000-400,000 บาทต่อเดือน จังหวัดภูเก็ตจึงขึ้นชื่อว่าเป็นทำเลที่เนื้อหอมที่สุดแห่งปี
4. “เชียงใหม่” เมืองน่าอยู่ระดับนานาชาติ ทำเลยอดฮิตตลอดกาลอย่าง “เชียงใหม่” จังหวัดที่ผสมผสานความเป็นเมืองและธรรมชาติได้อย่างสมบูรณ์แบบ เมืองได้รับการขยายตัวและเติบโตสูงอย่างชัดเจนโดยเฉพาะบริเวณถนนวงแหวนรอบ 2 และเริ่มขยับขยายไปจนถึงบริเวณถนนวงแหวนรอบ 3
โดยรวมมีความโดดเด่นทั้งความสะดวกสบายในเรื่องการเดินทาง สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีกลุ่มแรงงานต่างชาติในไทย (Expat) เข้ามาอยู่อาศัยมากที่สุดอีกด้วย นับเป็นเป็นทำเลที่มีดีมานด์ความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องและเติบโตมากขึ้นในทุก ๆ ปี
ในการลงทุนปล่อยเช่าของทำเลเชียงใหม่ สามารถสร้างผลตอบแทนได้เฉลี่ย 5-7% ต่อปี ราคาค่าเช่าบ้านเดี่ยวอยู่ที่ประมาณ 50,000-70,000 บาทต่อเดือน ราคาซื้อขายอยู่ที่ 3.5-18 ล้านบาท สามารถสร้างผลตอบแทน Capital Gain ได้เฉลี่ยประมาณ 3-5% ต่อปี
ในอนาคตอันใกล้ เชียงใหม่เองก็มีแผนพัฒนาโครงการใหญ่ ๆ หลายโครงการ เพื่อส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวและเพื่อเพิ่มศักยภาพให้เชียงใหม่ดียิ่งขึ้นไปอีก เช่น สนามบินเชียงใหม่ 2 ที่จะรับนักท่องเที่ยวได้ 20 ล้านคนต่อปี และโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ที่เชื่อมกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ได้ในเวลา 3 ชั่วโมง
และเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีจำนวนโรงเรียนนานาชาติมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ขยายตัวและเติบโตอย่างรวดเร็ว ตามสัดส่วนของชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่อาศัยในเชียงใหม่ในลักษณะ Long Stay ทำให้ขณะนี้เชียงใหม่เป็นอีกหนึ่งทำเลที่เป็นที่ต้องการของนักลงทุน เพื่อเตรียมตัวรับความต้องการเช่าบ้าน หรือซื้อต่อไว้ล่วงหน้า
เปิดผลตอบแทน-อัตราค่าเช่าโดยประมาณของ 4 โครงการบ้านเดี่ยว
1. ณริณสิริ กรุงเทพกรีฑา ราคา 45-100 ล้านบาท* Rental Yield 7-9% ค่าเช่า 300,000-500,000 บาท/เดือน
2. ณริณสิริ พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา ราคา 40-80 ล้านบาท* Rental Yield 7-9% ค่าเช่า 300,000-500,000 บาท/เดือน
3. เศรษฐสิริ บางนา กม.10 ราคา 25-40 ล้านบาท* Rental Yield 7-8% ค่าเช่า 150,000-250,000 บาท/เดือน
4. สราญสิริ เกาะแก้ว รีทรีต ราคา 9-15 ล้านบาท* Rental Yield 4-5% ค่าเช่า 35,000-62,000 บาท/เดือน
5. อณาสิริ พายัพ ราคา 7.9-10.9 ล้านบาท* Rental Yield 5-7% ค่าเช่า 50,000-70,000 บาท/เดือน
อสังหาฯ เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์รูปแบบต่าง ๆ ยังคงเป็น Safe Haven ที่น่าสนใจ และที่อยู่อาศัยยังเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่เราทุกคนต้องการเสมอ ตลอดจนสามารถส่งต่อเป็นมรดกให้ลูกหลาน
และจากข้อมูลของ SCB EIC ระบุว่ากลุ่มที่มีแผนจะซื้อบ้านเดี่ยวส่วนใหญ่คือกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านขนาดพื้นที่เป็นหลัก ทั้งพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน ขนาดที่ดิน และสนใจทำเลใกล้เมืองเดินทางสะดวก (ไปทำงาน ส่งบุตรหลานไปโรงเรียน) และยังยินดีจ่ายเงินเพิ่มเพื่อบริการหลังการขาย สิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวก และประหยัดพลังงาน ซึ่งแสนสิริมีครบวงจรที่ตอบโจทย์เสมอมาในทุกโครงการ
แสนสิริ ในฐานะผู้นำอันดับหนึ่งของผู้พัฒนาอสังหาฯ ลักชูรีไทยที่สั่งสมความเชี่ยวชาญมากว่า 40 ปี พร้อมเดินหน้ารังสรรค์โครงการระดับมาสเตอร์พีซผ่านงานดีไซน์และคุณภาพที่ดีที่สุด เพื่อนำเสนอประสบการณ์การอยู่อาศัยระดับเวิลด์คลาสในทุกมิติ และส่งมอบที่อยู่อาศัยที่พร้อมเป็นสินทรัพย์เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าพร้อมให้ผลตอบแทนความคุ้มค่าที่ดีที่สุด *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
ลงทุนบ้านกับแสนสิริ มูลค่าเพิ่มไม่สิ้นสุด คลิกเลย https://siri.ly/vFD28V1 อ่านบทความเรื่องควรรู้ก่อนเริ่มลงทุน พยากรณ์ตลาดลงทุนอสังหาฯ ได้ที่ https://siri.ly/b23nvS1
เมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ ยอดขายปี 67 พุ่ง 9,700 ลบ. ลุยต่อยอดธุรกิจ เร่งเครื่องก่อสร้าง 4 โครงการหลัก มูลค่ารวม 14,000 ลบ.
เมื่อวานนี้
เอพี ไทยแลนด์ คว้า 2 รางวัล บริษัทฯ ที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานมากที่สุด
เมื่อวานนี้
Aspire อิสรภาพ สเตชั่น คอนโดใกล้ MRT อิสรภาพ 350 ม. ราคาพิเศษกับห้อง 1 Bedroom 28 ตร.ม. เพียง 2.79 ล้าน*
2025-01-29
ศุภาลัย ชูกลยุทธ์ธุรกิจปี 68 มุ่งสู่ Multi-National Company ความแข็งแกร่งทางการเงิน พร้อมดันยอดขายทะลุเป้า 32,000 ล้านบาท
2025-01-29
SC Asset ยืนหนึ่ง องค์กรที่น่าร่วมงานมากที่สุด จากโพล Top 50 Companies in Thailand 2025 โดย WorkVenture
2025-01-28
รีวิววิเคราะห์ได้ดีมากเลยครับ
คือชอบมาก มีให้อ่านหลากหลายมาก
บทความดีมากครับ
อ่านแล้ว เหมือนได้ได้ไปดูโครงการเลยค่ะ ละเอียดดีจริงๆ