News
icon share

ดร.ต่อศักดิ์ เลิศศรีสกุลรัตน์ อีสเทอร์นสตาร์ปีนี้สร้างฐานเพื่อเติบโต

LivingInsider Report 2017-02-15 11:42:44
ดร.ต่อศักดิ์ เลิศศรีสกุลรัตน์ อีสเทอร์นสตาร์ปีนี้สร้างฐานเพื่อเติบโต

 

 

เก้าอี้เอ็มดีบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ค่าย "อีสเทอร์น สตาร์ เรียลเอสเตท" ถูกเติมเต็มด้วยผู้บริหารคนใหม่ พกดีกรีเป็นทั้งอาจารย์มหาวิทยาลัยคณะวิศวกรรมศาสตร์ ควบคู่ประสบการณ์ 7 ปีในบริษัทระดับท็อป 5 วันนี้ "ดร.ต่อ-ต่อศักดิ์ เลิศศรีสกุลรัตน์" พร้อมแล้วในการประกาศแผนธุรกิจนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายสร้างอัตราเติบโตต่อเนื่องนับจากปีนี้เป็นต้นไป
 


-ทิศทางการลงทุนบริษัท
 


ปีนี้บริษัทมีแผนทำสถิตินิวไฮด้านรายได้แบ่งเป็นเป้ายอดพรีเซล1,000 ล้านบาท เป้ารับรู้รายได้ 2,200 ล้านบาท รวมทั้งเตรียมเปิดตัวใหม่ 2-3 โครงการในช่วงครึ่งปีหลัง ในกรุงเทพฯ และอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง หลังจากที่ไม่ได้เปิดตัวโครงการใหม่ในช่วง 2-3 ปีที่แล้ว
 


ภาพใหญ่ประเมินภาวะเศรษฐกิจ มีปัจจัยบวกจากอัตราดอกเบี้ยไม่สูงมาก จีดีพีปีนี้น่าจะดีกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย รถไฟฟ้าที่เริ่มมีการเบิกจ่ายงบประมาณมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าระบบ 1 แสนล้าน นโยบายบูมเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC กับยกระดับสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นฮับการบินเชิงพาณิชย์ เป็นโอกาสของบริษัทเพราะมีที่ดินติดกับอู่ตะเภา
 


ส่วนปัจจัยลบที่ผมอยากเรียกว่าปัจจัยลุ้นมากกว่า ก็มีเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจโลก อาทิ ราคาน้ำมันผันผวน ผลกระทบจากทรัมป์เอฟเฟ็กต์ ในประเทศก็มีหนี้ครัวเรือนยังสูงอยู่ ในด้านหนี้เสียหรือ NPL มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แบงก์เข้มงวดสินเชื่อกำลังซื้อตลาดล่าง 
 


สำหรับทิศทางดำเนินงานปีนี้ ตัวบริษัทมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง แต่ถ้าต้องการให้เติบโตมากกว่านี้ต้องปรับทั้งองคาพยพ ส่วนที่จะสร้างความแปลกใหม่เราจะยึดลูกค้าเป็นตัวตั้งว่าอยากได้อะไร ถ้าเรามีปัญหาอะไรในอดีตเรากลับมาแก้ไข ถ้าอะไรที่ลูกค้ายังคิดไม่ถึงและเราคิดได้ เราจะคิดให้ลูกค้า
 


- การแบ่งทำเล
 


กรุงเทพฯ เป็นฐานใหญ่ต้องรักษาฐานนี้ไว้ ขณะที่ระยองซึ่งเรามีสนามกอล์ฟและหมู่บ้านจัดสรร ในช่วง 2-3 ปีมานี้ รวมทั้งปีนี้ด้วยมีศักยภาพมาก จริง ๆ เรามีทีมพัฒนาโครงการเบิวท์ทูบิวด์ตั้งเป้ารับสร้างบ้าน 900 ล้านรับเทรนด์ผู้สูงวัย
 


เกือบครบแล้ว เข้ามาเสริมทีมเพื่อรองรับการเติบโต เพราะฉะนั้นทั้ง 2 ตลาดก็คงเติบโตขนานกัน เราแยกพัฒนากลุ่มธุรกิจพัฒนาโครงการในกรุงเทพฯ กับกลุ่มธุรกิจบ้านฉาง ไม่ได้แบ่งว่าไปกรุงเทพฯ มากแล้วจะทำให้ไประยองน้อยลง เราบุกสองทำเล 100% ทั้งคู่
 


ซึ่ง 2-3 ปีที่ผ่านมาระยองอาจยังไม่ชัดโดยมีมาบตาพุดเป็นตัวหลัก แต่หลังจากนี้ไปโอกาสจะมีมากขึ้น อินฟราสตรักเจอร์ก็เข้ามา เส้นทางลากจากกรุงเทพฯ ฉะเชิงเทรา มาระยอง เราคงต้องปรับรูปแบบพัฒนาโครงการ เจาะลูกค้าในพื้นที่กับลูกค้ากรุงเทพฯ มากขึ้น คนกรุงเทพฯ ทำงานในมาบตาพุดหรือคนลงสนามบินแล้วต้องการไปต่อ เมืองจะเป็นเมืองมากขึ้น แต่เดิมแบบบ้านมุ่งตอบโจทย์คนต่างจังหวัด ต่อไปแบบบ้านอาจมีความเป็นคนเมืองมากขึ้น หรือตื่นตาตื่นใจกับฟาซิลิตี้ใหม่ ๆ มากขึ้น
 


- มีสต๊อกมากน้อยแค่ไหน
 


ในด้านสต๊อกรอขายตอนนี้มีอยู่ 1,000-1,500 ล้านบาท ทั้งคอนโดมิเนียมที่กำลังจะสร้างเสร็จ และแปลงที่ดินเปล่าในโครงการบ้านเดี่ยว แต่สต๊อกพร้อมอยู่เรามีไม่ถึง 800 ล้านบาท ไม่น่ากังวลอะไร ลูกค้าส่วนใหญ่รับโอน เท่าที่เก็บสถิติลูกค้าที่ไม่รับโอนอาจเพราะไม่พร้อมหรืออะไรก็แล้วแต่ตัวเลขมีไม่ถึง 5% เวลาจองเราให้วางเงินดาวน์สูงดังนั้นจึงไม่ค่อยมีปัญหาลูกค้าทิ้งดาวน์ อย่างคอนโดฯ ที่สาทรสร้างเสร็จแล้วถ้าทิ้งดาวน์ก็คงทำใจลำบากเหมือนกันเพราะราคาปรับตัวขึ้นมาแล้ว (ยิ้ม)
 


- ปรับโครงสร้างบริหารด้วย
 


โครงสร้างอีสเทอร์นสตาร์ไม่ได้เลวร้ายและเหมือนกับบริษัทอื่น ๆ ในธุรกิจอสังหาฯ ตรงไหนความรับผิดชอบไม่เคลียร์จะทำให้เคลียร์ เพราะตั้งเป้าจะพัฒนาโครงการมากขึ้น มีการเสริมทีมบริหารบางจุด เช่น โครงการในระยอง จะสรรหาผู้บริหารมาดูแล หรือด้านการตลาดจะเสริมทีมเข้ามามากขึ้น อีกเรื่องคือสมัยนี้โซเชียลเน็ตเวิร์กใคร ๆ ก็เข้าถึง เราคงเน้นให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น
 


เราฟอร์มทีมใหม่ 30 คน มีทั้งตำแหน่งที่ว่างอยู่แล้วกับหาทีมมาเสริม ทั้งบริษัทมีประมาณ 100 คนไม่รวมคนงานในไซต์ก่อสร้าง
 


ในขณะที่ตลาดระยองเหมือนมีเครื่องยนต์ มีแผนกพัฒนาธุรกิจ ทีมก่อสร้างอยู่แล้ว แต่อยากจะติดอาวุธเพื่อให้รองรับการเติบโตที่ระยอง 
 


เรื่องใหม่ ๆ ของบริษัทซึ่งอาจไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการ เราโฟกัสกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เช่น ตลาดหลักคอนโดฯ อาจจะราคา 3-5 ล้าน อีสเทอร์นสตาร์ก็จะมุ่งทำ 4-6 ล้าน นั่นคือยังเป็นเซ็กเมนต์มิดเดิลไฮ หรือตลาดกลาง-บนอยู่ ในขณะที่โปรดักต์ราคา 7-10 ล้านก็ยังมีดีมานด์สูง อยู่ที่เราจะเข้าไปสนองตอบได้ยังไงมากกว่า โดยปีนี้โครงการใหม่น่าจะเปิดไตรมาส 3-4 ดูความพร้อมของตลาดด้วย
 


- ราคาบ้านปรับขึ้นไหม
 


คิดว่ายืนราคาเดิมให้ได้ก่อนเพราะกำลังซื้อผู้บริโภคไม่ได้เพิ่มสูงมากนักแต่ก็ต้องเรียนตามตรงถ้ามีโอกาสก็มีนิดๆหน่อย ๆ ในการปรับราคา หมายถึงโครงการใหม่ที่เราจะพัฒนาขึ้นมา ดูช่องว่างทางการตลาดตรงไหนที่เราไปเสียบได้ ไม่ว่าราคาต่อตารางเมตร หรือมาร์เก็ตไพรซ์ ถ้าเราหาเทคนิคสร้างได้เร็วขึ้นเราก็คงนำมาใช้ หรือในเรื่องสเป็กซึ่งหลาย ๆ แห่งเขาก็ใช้กัน เช่น จ่ายเท่าเดิมแต่ได้อะไรมากกว่า เป็นการร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อโตไปด้วยกัน

 

 

ขอบคุณภาพและข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ

 

 

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1487051123

 

 

 

>> ช่องทางในการติดตามข่าวสาร <<
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @livinginsider ที่นี่

บทความอื่นๆ

livinginsider livinginsider