รายการโปรด
บิ๊กแสนสิริทำนายตลาดคอนโดฯ ปีระกา ซัพพลายไม่ล้น โฟกัสรายโปรดักต์-รายทำเล เผยย่านชานเมืองน่าห่วง "สายสีม่วง" นำโด่ง ทุ่ม 2.2 หมื่นล้านปักหมุด 8 โครงการ เลกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด ผนึกบีทีเอสต่อยอดย่านรถไฟฟ้า "วงศ์สว่าง-พญาไท-พหลโยธิน" เดินหน้าดีคอนโดแคมปัส เจาะตลาดนักศึกษารังสิต บางนา-ตราด กำแพงแสน ทยอยเปิดตัวไตรมาส 2 อัดแคมเปญเร่งระบายสต๊อกต่างจังหวัด 1.5 พันยูนิต กว่า 2 พันล้านให้เกลี้ยงปีนี้
นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมปี 2560 การเติบโตน่าจะใกล้เคียงหรือดีขึ้นเล็กน้อยจากปี 2559 ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจและการกระตุ้นการลงทุนด้านต่าง ๆ ของภาครัฐ เช่น อินฟราสตรักเจอร์ โดยเฉพาะรถไฟฟ้า จะช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯให้เติบโตขึ้น
"เศรษฐกิจกับอสังหาฯมีความสัมพันธ์กันโดยตรงถ้าเศรษฐกิจดีขึ้นหน่อยอสังหาฯก็ดีขึ้นตามอำนาจในการซื้อต่างๆก็ดีขึ้น ส่วนดอกเบี้ยก็เหมือนเดิม สิ่งที่ต้องดูต่อไปคือเรื่องการปล่อยไฟแนนซ์ การรีเจ็กต์เรต กฎระเบียบ ก็ต้องดูรายละเอียดมากขึ้น ถ้าเกิดหนี้ครัวเรือนขยับลดลงแล้ว คนจะกลับมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น"
ชี้ปัจจัยเสี่ยงตลาดคอนโดฯปีระกา
ปัจจัยเสี่ยงตลาดคอนโดฯปีนี้นายอุทัยระบุว่าอันดับหนึ่งปัญหาหนี้ครัวเรือนเพราะเป็นอำนาจในการซื้อของคนคนอยากจะซื้อของใหม่ก็มีพันกันมาปีนี้คาดว่าจะมีการขยับลงไปบ้าง หลังจากที่รถคันแรกเริ่มมีการคืนหนี้ อันดับที่ 2 คือโครงการที่พัฒนานอกเมือง โดยเกาะไปกับรถไฟฟ้าสายใหม่ที่พาดผ่านพื้นที่ชานเมืองมากขึ้น อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับทำเล
"น่าห่วงคือแนวสายสีม่วง (เตาปูน-คลองบางไผ่) เพราะคนลงทุนพัฒนาโครงการเตรียมไว้แล้ว แต่รถไฟฟ้าที่เปิดใช้ไม่เชื่อมกันสมบูรณ์ ยังเหลือ 1 สถานี เมื่อเชื่อมกันแล้วน่าจะดีขึ้น เรามีแผนจะพัฒนาโครงการมารองรับเช่นกัน ซึ่งสายสีม่วงยังเป็นทำเลที่น่าสนใจ เช่น สถานีเตาปูนที่เป็นฮับการเดินทาง แต่ต้องรอเวลา"
ดีมานด์-ซัพพลาย 5 หมื่นยูนิต
ภาพรวมดีมานด์-ซัพพลายคอนโดฯในกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยรวมอยู่ที่ 50,000-60,000 ยูนิต/ปี และแต่ละปีมีการดูดซัพพลายได้เกือบหมด ซึ่งไม่น่ากังวลว่าจะเกิดโอเว่อร์ซัพพลาย ต้องดูเป็นรายทำเลและโปรดักต์ ซึ่งในส่วนของแสนสิริมีสต๊อกเหลือขายเฉพาะในต่างจังหวัด ประมาณ 1,400-1,500 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท ได้แก่ ภูเก็ต 500 ยูนิต อุดรธานี 100 ยูนิต ขอนแก่น 200 ยูนิต หัวหิน 200-300 ยูนิต สุราษร์ธานี 100 ยูนิต ซึ่งเตรียมจัดแคมเปญและกิจการตลาดเพื่อปิดการขายใน 1 ปี
"กำลังซื้อตลาดจังหวัดต้องดูรายจังหวัด เหมารวมทั้งประเทศไม่ได้ ที่ขายช้า มีอุดรธานีและสุราษฎร์ธานี เพราะเศรษฐกิจไม่ดี แต่เราไม่หยุดลงทุน ปีนี้มีที่เชียงใหม่จะเปิดดีคอนโดต่อเนื่อง ส่วนภูเก็ตและหัวหินก็กำลังดูอยู่ ขณะที่ขอนแก่นรอปิดการขายโครงการแรกก่อน"
ลุยลงทุน 8 โครงการ 2.2 หมื่น ล.
สำหรับแผนลงทุนคอนโดฯในปีนี้นายอุทัยกล่าวว่า มี 8 โครงการ มูลค่า 22,000 ล้านบาท ในทำเลกรุงเทพฯ 6 โครงการ ต่างจังหวัด 2 โครงการ เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ แยกเป็นโครงการแสนสิริ 4 โครงการ มูลค่า 10,000 ล้านบาท และร่วมทุนบีทีเอส 4 โครงการกว่า 12,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์เดอะโมนูเมนต์และเดอะเบส จะทยอยเปิดตัวตั้งแต่ไตรมาส 2
ปีนี้ตั้งเป้ายอดขาย 21,000 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ 13,000 ล้านบาท จากยอดแบ็กล็อก (รอรับรู้รายได้) ทั้งหมดกว่า 39,000 ล้านบาท ซึ่งจะทอยยรับรู้ 4 ปี ในปี 2561 ประมาณ 8,500 ล้านบาท ปี 2562 ประมาณ 5,500 ล้านบาท และปี 2563 ประมาณ 6,000 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้มีโครงการสร้างเสร็จและโอนมีไม่มาก อาทิ เอดจ์ สุขุมวิท 23, ดีคอนโด รังสิต, ดีคอนโด แคมปัส รีสอร์ท บางแสน รวมถึง เดอะไลน์ สุขุมวิท 71 และเดอะไลน์จตุจักร-หมอชิตที่ร่วมทุนกับบีทีเอสจะทยอยโอนปีนี้
เน้นตลาดพรีเมี่ยม-ไฮเอนด์
"ปีนี้เปิดโครงการน้อยกว่าปีที่แล้ว1โครงการแต่มูลค่ามากขึ้นเพราะที่ดินหายากและเราเน้นตลาดพรีเมี่ยม-ไฮเอนด์เป็นหลักกว่า 80% เพราะตลาดค่อนข้างดี จะเข้าไปบุกตลาดทำเลสุขุมวิทและทองหล่อ อีก 20% เป็นตลาดระดับกลาง-ล่าง เพราะรีเจ็กต์เรตค่อนข้างสูง แต่เราไม่กระทบมากมีแค่ 10%"
นายอุทัยกล่าวอีกว่า ด้านการลงทุนยังคงเน้นทำเลแนวรถไฟฟ้า แต่จะบุกทำเลใหม่ เช่น เพชรเกษม สาทร ลาดพร้าว แจ้งวัฒนะ รามอินทรา ศรีนครินทร์ กำลังจะมีรถไฟฟ้าสายใหม่ มีทั้งโครงการแสนสิริลงทุนเองและร่วมกับบีทีเอส เจาะลูกค้าระดับกลาง ราคาขายตั้งแต่ 70,000-120,000 บาท/ตร.ม. ขึ้นอยู่กับทำเล พร้อมกับจะเปิดขาย "ดีคอนโด แคมปัส" ในรูปแบบคอนโดฯพร้อมอยู่ราคา 1-3 ล้านบาท อยู่ระหว่างเลือกทำเล เช่น รังสิต กำแพงแสน บางนา-ตราด จะเปิดตัวภายในไตรมาส 2-3
ผนึก BTS บุกทำเลรถไฟฟ้าสีม่วง
นอกจากนี้ เดือน มี.ค.นี้จะเปิดตัวโครงการ "98 Wireless" (ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส) อย่างเป็นทางการ มูลค่า 8,700 ล้านบาท ซึ่งเป็นแฟลกชิปคอนโดมิเนียมที่ดีที่สุดบนทำเลที่พักอาศัยระดับเอ็กซ์คลูซีฟบนถนนวิทยุ ปัจจุบันราคาขายอยู่ที่ประมาณ 6 แสนบาท/ตร.ม.
ขณะที่การพัฒนาโครงการร่วมกับบีทีเอส นอกจาก 4 โครงการในปีนี้แล้ว นายอุทัยกล่าวว่าอยู่ระหว่างหารือกับบีทีเอสจะพัฒนาโครงการใหม่เพิ่มอีก หากได้ข้อสรุปในปีนี้ เช่น โครงการแนวสายสีม่วงติดสถานีวงศ์สว่าง โครงการมิกซ์ยูสติดสถานีบีทีเอสพญาไท และยังสนใจพัฒนาโครงการบนที่ดิน 48 ไร่ ฝั่งตรงข้ามแดนเนรมิตเดิม ส่วนโครงการอยู่ตรงข้ามกับเซ็นทรัลลาดพร้าว เตรียมจะเปิดตัวในปีหน้าหรือในอีก 2 ปี
"แผนร่วมทุนกับบีทีเอส มี 25 โครงการ มูลค่า 1 แสนล้านบาทใน 5 ปี มีที่ดินรอพัฒนาแล้ว 20 แปลง เริ่มตั้งแต่ปี"58 ปีนี้ขึ้นปีที่ 3 ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พัฒนาไปแล้ว 8 โครงการ มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท ปีนี้อีก 4 โครงการกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท อาจจะมีบวกเพิ่มเข้ามาหากได้ข้อสรุป เช่น คอนโดฯพร้อมอยู่ที่วงศ์สว่าง วางแผนจะเปิดขายปีหน้า ซึ่งพันธมิตรเรานอกจากบีทีเอส กำลังเจรจาต่างชาติอีกหลายรายที่สนใจจะร่วมกับเรา" นายอุทัยกล่าวและว่า
ขยายฐานลูกค้าต่างชาติ
นอกจากนี้ในปีนี้จะรุกทำการตลาดเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติมากขึ้นด้วยการเจาะกลู่มลูกค้าใหม่"ญี่ปุ่น"และ"ดูไบ"และขยายฐานลูกค้าเดิมอย่างลูกค้าชาวจีน ฮ่องกง ไต้หวัน และสิงคโปร์ให้มากขึ้น ซึ่งในเดือน มี.ค.นี้ได้เตรียมเปิดตัวโครงการเดอะ ไลน์ 2 โครงการ คือ "เดอะ ไลน์ พหลฯ-ประดิพัทธ์" และ "เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101" แบบ Global launch เต็มรูปแบบใน 4 ประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และจีน ขณะที่คอนโดมิเนียมโครงการอื่นก็วางแผนที่จะนำไปโรดโชว์กับลูกค้าต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้ายอดขายตลาดต่างชาติในปีนี้ไว้ถึง 7,500 ล้านบาท เติบโต 40% จากปี 2559 ที่บริษัทสามารถสร้างยอดขายตลาดต่างชาติได้ 5,400 ล้านบาท
"ตลาดต่างประเทศที่เราจะไป เป็นการนำโครงการที่ลงทุนในไทยไปขายให้กับลูกค้าต่างชาติ ขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ ไม่ใช่ว่ากำลังในประเทศอิ่มตัว แต่เราอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ เมื่อต้องการโตต่อไปก็ต้องขยายตลาด หาลูกค้าใหม่ ธุรกิจมันหยุดนิ่งไม่ได้"
ลงทุนอสังหาฯลอนดอนต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันยังมองหาโอกาสขยายการลงทุนในลอนดอนประเทศอังกฤษอย่างต่อเนื่องหลังปิดการขายโครงการไปแล้วเนื่องจากตลาดอสังหาฯในลอนดอนโดยรวมยังดีเนื่องจากเป็นตลาดอินเตอร์มาร์เก็ตเศรษฐีที่มีเงินต้องมาซื้อบ้านกำลังศึกษารูปแบบการลงทุนไว้หลากหลาย ไม่ว่าซื้อมาลงทุนเพื่อหวังกำไร และซื้อมารีโนเวตพัฒนาแล้วขาย
คุณ บาย ยู ทองหล่อ ต้นแบบดีไซน์มาตรฐานระดับโลก
อีกหนึ่งไฮไลต์ของ "แสนสิริ" ในปีนี้ นอกจากจะอวดโฉมคอนโดมิเนียม the best of the best "98 Wireless" มูลค่าโครงการกว่า 8,700 ล้านบาท อย่างเป็นทางการเดือน มี.ค.นี้
ยังสานต่อความสำเร็จโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุนกับบีทีเอส "คุณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค" บนที่ดิน 1 ไร่ ใจกลางทองหล่อ 12 มูลค่า 4,000 ล้านบาท
ด้วยการจับมือ "YOO Design Studio" (ยู ดีไซน์ สตูดิโอ) บริษัทดีไซน์ระดับโลก และ "ฟิลิปป์ สตาร์ค" นักออกแบบชื่อดัง สร้างสรรค์ผลงานระดับมาตรฐานโลก ภายใต้แนวคิดการออกแบบที่สะท้อนบุคลิกอันเด่นชัดของ "ทองหล่อ" ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการใช้ชีวิตและสีสันของไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ที่ครบวงจร และสมบูรณ์แบบ
"จอห์น ฮิทชค็อกซ์" ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารยู ดีไซน์ สตูดิโอ กล่าวว่า เป็นครั้งแรกร่วมกับแสนสิริและเป็นการดีไซน์คอนโดมิเนียมแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งการออกแบบพัฒนาโครงการได้รับโจทย์ภายใต้แนวคิด"Industrial Heritage" คือการสะท้อนความทันสมัยของทำเลทองหล่อ ซึ่งต้องเริ่มจากการดูพื้นที่ ออกแบบภายนอกและภายในอาคารให้ลงตัวกับไลฟ์สไตล์ของการอยู่อาศัยในย่านนั้น ๆ ซึ่งทองหล่อเป็นทำเลที่มีไลฟ์สไตล์ของความสนุกสนาน ต้องใช้ลูกเล่นต่าง ๆ มาผสมผสานให้ลงตัว
ทั้งรูปแบบอาคารและวัสดุที่ใช้ที่ไม่เหมือนใคร ผสมผสานระหว่างความหรูหราอย่างหินอ่อนและความแปลกใหม่ อย่างปูนเปลือย ทองแดง หินขัด ส่วนการออกแบบภายในมีเล่นสีสันที่ตัดกัน ใช้เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ตกแต่งที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ โดยให้ความสำคัญกับฟังก์ชั่นการใช้สอยอย่างครบถ้วนลงตัว ให้เข้ากับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบงานดีไซน์ที่ผสมผสานงานศิลปะ
ด้าน "อุทัย อุทัยแสงสุข" ขยายความเพิ่มเติมว่า โครงการ "คุณ บาย ยู" เป็นคอนโดฯสเปเชี่ยลเนม เป็นชื่อมีความหมายพ้องกัน คือ คุณและคุณ เป็นอาคารสูง 27 ชั้น จำนวน 148 ยูนิต ประกอบด้วย ยูนิต 1 ห้องนอน 2 ห้องนอน 3 ห้องนอน และเพนต์เฮาส์ พื้นที่ 41.50-302.75 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 15-199 ล้านบาท คาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จในเดือน ก.ค. 2563 ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 65% ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าคนไทย 60% ด้านราคาขายมีปรับขึ้นอีกปัจจุบันอยู่ที่ 3.7-3.8 แสนบาท/ตร.ม. เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้
"เป็นโครงการ Branded Condominium แห่งแรกของแสนสิริ ที่จับมือกับนักออกแบบของโลก รูปแบบดีไซน์สไตล์คลาสสิกไม่ใช่โมเดิร์นจ๋า เป็นมิกซ์แอนด์แมตช์ จากธรรมชาติ การใช้ชีวิตในเมือง สรีระร่างกายของคน ออกแนวสนุกสนาน ส่วนวัสดุที่ใช้ตกแต่งทุกอย่างเป็นแบรนด์เนมหมด มีทั้งนำเข้าและผลิตในประเทศ"
จากโปรเจ็กต์นำร่อง ในอนาคต "อุทัย" แย้มว่า อาจจะมีโอกาสพัฒนาโปรเจ็กต์ที่ 2 ร่วมกันอีกสำหรับโครงการแนวราบในเร็ว ๆ นี้
ขอบคุณภาพและข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1487573683
ศุภาลัย ส่งโปร “ศุภาลัย มันส์ไกลทั่วไทย ลดสะใจทั่วประเทศ” รับฟรี! บัตรเติมน้ำมันมูลค่าสูงสุด 2 แสนบาท พร้อมสิทธิพิเศษอีกมากมาย
2024-11-22
Grand Opening “ชาโตว์ วิลเลจ เวสต์เกต-บ้านกล้วย” พรีเมียมทาวน์โฮมพร้อมอยู่ ในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.นี้ พบราคาพิเศษเริ่ม 2.39 ลบ. พร้อมฟรี! ส่วนกลาง 5 ปี แอร์ 1 เครื่อง
2024-11-22
เบลกราเวีย เอ็กซ์คลูซีฟ ราชพฤกษ์-พระราม 5 บ้านเดี่ยวลักชูรีสไตล์อังกฤษ ติดถนนราชพฤกษ์ เพียง 35 ยูนิต เริ่ม 39 ลบ.*
2024-11-22
A5 ตั้งเป้ารายได้แตะ 5,000 ลบ. ในปี 70 พร้อมวางโรดแมปพัฒนาบ้านหรูต่อเนื่องถึงปี 69 รวม 9 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 16,800 ลบ.
2024-11-21
ศุภาลัย บุกอสังหาฯ จ.สุราษฎร์ฯ ครั้งแรก พร้อมเปิดตัว “ศุภาลัย ปาล์มวิลล์ โกเตง” บ้านซีรีส์ใหม่สไตล์ Tropical Modern เริ่ม 3.49 ลบ.*
2024-11-21
ห้องดูกว้างมาเลยจ้า
Good Job !!!
บทความดี รักษาคุณภาพต่อไปค่ะ ติดตามๆ
ขอบคุณบทความที่มีประโยชน์ครับ
อ่านแล้ว เหมือนได้ได้ไปดูโครงการเลยค่ะ ละเอียดดีจริงๆ