News
icon share

65 ปี ชาญอิสสระ Happy Together คิดนอกกรอบ ทำในกรอบ

LivingInsider Report 2017-03-07 09:49:53
65 ปี ชาญอิสสระ Happy Together คิดนอกกรอบ ทำในกรอบ

 

 

1 มีนาคมที่ผ่านมา บริษัทอสังหาริมทรัพย์มหาชนค่าย "ชาญอิสสระ" ประกาศว่า 2560 บริษัทดำเนินธุรกิจเป็นปีที่ 65 โดยมีวิสัยทัศน์องค์กร "ชาญอิสสระ ภูมิใจพัฒนา สร้างสุขที่ยั่งยืน" มีการลงทุนพัฒนามาแล้ว 50 โครงการ เฉลี่ยมูลค่าโครงการละ 1,000 ล้านบาท เท่ากับมีมูลค่าโครงการสะสม 5 หมื่นล้านบาท สิ่งที่น่าสนใจคืออนาคตนับจากนี้ บริษัทมีความพร้อมอย่างเต็มที่ทั้งด้าน "ทุน+คน" ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้บริษัทเติบโตในระยะยาวและยั่งยืนไปอีกนานแสนนาน
 


แอ็กทีฟ 2.7 หมื่นล้าน



ปัจจุบัน กลุ่มชาญอิสสระแตกกิ่งก้านสาขาในการดำเนินธุรกิจทั้งรูปแบบที่ลงทุนด้วยตัวเอง การร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศอย่างกลุ่มไอ.ซี.ซี.ของตระกูลโชควัฒนา ขยายผลไปถึงผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรต่างประเทศอย่างกลุ่มจุนฟา จากจีนแผ่นดินใหญ่
 


ล่าสุดมีโครงการอยู่ระหว่างเปิดขาย-เปิดบริการมูลค่ารวมทั้งสิ้น 26,865 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแบบขายขาดหรือมีการโอนกรรมสิทธิ์ 13 โครงการ มูลค่ารวม 19,229 ล้านบาท กับโครงการที่สร้างพอร์ตรายได้จากค่าเช่า มูลค่ารวม 7,636 ล้านบาท (ดูกราฟิกประกอบ)
 


ผู้บริหารและผู้ก่อตั้งองค์กร "เสี่ยนกเขา-สงกรานต์ อิสสระ" พ่อของลูก ๆ 3 ปลาคือ "ปลาวาฬ-ปลาทู-ปลาเข็ม" ฉายภาพอนาคตองค์กรหลังจากนี้ไปว่า หลังจากผ่านร้อนผ่านหนาวบนสนามธุรกิจพัฒนาที่ดิน ถึงจุดนี้ชาญอิสสระแข็งแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา
 


"คำจำกัดความของชาญอิสสระ คือ เราเป็นบริษัทที่คล่องตัว มูลค่าลงทุนจะหมื่นล้านถ้าคล่องตัวก็คือหมื่นล้าน เพราะในการทำธุรกิจหากไม่คล่องตัวก็มีโอกาสเสี่ยงสูง นำไปสู่ความหายนะได้ ผมคิดว่ากลุ่มเรามีวิสัยทัศน์ที่ดีในการมองไปข้างหน้า อะไรที่เหมาะสม อะไรที่ควรทำหรือไม่ควรทำ ค่อนข้างมั่นใจในการเลือกลงทุนและตัดสินใจ"

 

 

65 ปี ชาญอิสสระ Happy Together คิดนอกกรอบ ทำในกรอบ

 

 

พรั่งพร้อมทั้ง "ทุน+คน"
 


"สงกรานต์" เฉลยด้วยว่า คำว่าบริษัทแข็งแรงมาจากความพร้อม 2 ส่วนหลัก 1.เงินทุน 2.กำลังคนในส่วนของทุน มาจากการที่บริษัทอยู่ในตลาดทุน สามารถเพิ่มทุนได้คล่องตัว แตกต่างจากสมัยก่อนการเพิ่มทุนต้องมาจากตัวบริษัทเอง ทำให้มีความยืดหยุ่นในด้านแหล่งทุนที่จะใช้พัฒนาโครงการมากขึ้น ส่วนเรื่องคนก็พรั่งพร้อมมีทั้งผู้บริหารรุ่นต่อรุ่น มีทั้งพนักงาน มีทีมเวิร์กที่ดี เป็นปัจจัยทำให้บริษัทเติบโต
 


"ในระหว่างทำงานร่วมกัน 30-40 ปีของชาญอิสสระไม่ได้โชติช่วงชัชวาลตลอดเวลา หลายตอนเราอยู่ช่วงย่ำแย่ เช่นตอนวิกฤตเศรษฐกิจ เรามีเงินพอจ่ายพนักงานแค่ 5 เดือน ผมต้องยอมตัดของตัวเอง ครั้งแรก 35% ก็ยังไม่พอ ตัดเป็น 50% พนักงานก็ร่วมกันเยอะเพื่อช่วยกันประคองต่ออายุ (บริษัท) มีผลทำให้ 1-2 เดือนสถานการณ์พลิกได้ เพราะถ้าเราหมดก่อน ทนไม่ไหวเราตายก่อน ก็จะพลาดโอกาส"
 


"ไม่น่าเชื่อว่าตอนลำบากที่สุดจะพลิกกลับมาได้ภายในไม่กี่เดือน ความร่วมมือจึงสำคัญ พนักงานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสบาย ต้องเสียสละเหมือนกัน"

 


คือขุมพลัง "วาฬ-ทู-เข็ม"
 


แบบอย่างความสำเร็จขององค์กรใดองค์กรหนึ่งมีเบื้องหลังมาจาก "คน" เสมอ กรณีของกลุ่มชาญอิสสระ กล่าวได้ว่าหนึ่งในจุดแข็งของบริษัทคือการมีผู้บริหารรุ่นทายาทธุรกิจอยู่ในวัยที่กำลังกระหายความสำเร็จ ประกอบด้วย "ปลาวาฬ-วรสิทธิ์ อิสสระ" พี่ชายคนโต และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ เรสซิเดนซ์ จำกัด ฝากผลงานในการปลุกปั้นโรงแรม 6 ดาวแบรนด์ศรีพันวาให้ไปติดทำเนียบสถานท่องเที่ยวระดับเวิลด์คลาสที่เซเลบทั่วโลกต้องมาเช็กอินให้ได้สักครั้งในชีวิต
 


ถัดมา"ปลาทู-ดิฐวัฒน์อิสสระ" น้องชายคนรอง และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้รับความไว้วางใจขึ้นแท่นเอ็มดีบริษัทลูก "บริษัท ร่วมอิสสระ จำกัด" ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างชาญอิสสระกับไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนลที่มี "บุญเกียรติ โชควัฒนา" เป็นพันธมิตรธุรกิจ
 


กับน้องสาวสุดท้อง "ปลาเข็ม-กรัชเพชร อิสสระ" ประกอบอาชีพ 2 อาชีพในเวลาเดียวกัน มีทั้งงานที่ทำด้วยความรักเป็นดีไซเนอร์และผลิตเสื้อผ้าแบรนด์ KEMISSARA กับงานที่ทำด้วยความผูกพันของสายใยครอบครัว โดยปลีกเวลามาช่วยงานด้านการตลาดและซีเอสอาร์ให้กับบริษัทชาญอิสสระด้วย
 


ขุมพลังที่แข็งแกร่งด้านกำลังคนยังมาจากพนักงานบริษัท645คนในปัจจุบัน (ไม่รวมไซต์ก่อสร้าง) มากกว่าครึ่งเป็นลูกหม้อที่ "สงกรานต์" บอกว่าหลายคนทำงานตั้งแต่ปลาทูปลาวาฬยังไม่เกิดด้วยซ้ำไป ปัจจุบัน ทีมบริหารทั้งองคาพยพเติบโตจากความเป็นลูกหม้อเกือบจะ 100%

 

 

ต่อยอดธุรกิจศรีพันวา
 


"ปลาวาฬ-วรสิทธิ์" เอ็มดีหัวใจรักงานบริการ เติบใหญ่จากการร่ำเรียนในต่างประเทศ จบการโรงแรมมาแบบ คูล คูล ตอนสำรวจสถานที่เรียนต่อในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อไปติดใจกับบรรยากาศการเรียนโรงเรียนการโรงแรมที่ไมอามี่เพียงเพราะห้องเรียนเหมือนไนท์คลับช่วงชีวิตตอนนั้นกลายเป็นทุนประเดิมที่ดีในการทำธุรกิจโรงแรมศรีพันวาในวันนี้เพราะปลาวาฬไม่ได้กลับมาตัวคนเดียว แต่มีทีมงานเพื่อน ๆ รุ่นทายาทของครอบครัวเซเลบเมืองไทยจำนวน 10 ชีวิตเป็นทีมงานสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
 


"ตอนนั้นผมจะเลือกเรียนต่อหรือทำงานก็ได้ กะว่าไปดูงานสัก 1 เดือนแต่พอไปดูที่ภูเก็ตแล้วอยากอยู่ต่อเลย เริ่มต้นจากโครงการยังไม่มีอะไร ตัวโรงแรมยังไม่เกิด กำลังสร้างวิลล่า 11 หลังขาย เงินเดือนผมเริ่มต้น 28,000 บาทที่นี่"
 


โรงแรมศรีพันวาเป็นตัวแบบของการทำธุรกิจแบบคิดนอกกรอบ ไม่มีชายหาดอยู่เบื้องหน้าเพราะเป็นสไตล์เมาเท่นวิว ไม่มีล็อบบี้ แต่มีดีไซน์สวย ที่สำคัญยูนีคมาก มีความเป็นหนึ่งเดียวสูง ดีไซน์สวย เติมเต็มด้วยงานบริการแบบหรูเริ่ดทำให้การขายห้องพักราคาคืนละ 1,000 เหรียญสหรัฐเป็นโมเดลธุรกิจที่สร้างชื่อเสียงให้กับบริษัท
 


ณ วันนี้ จุดขายที่แข็งแกร่งที่สุดคือโนว์ฮาวในการบริหารจัดการโรงแรม 6 ดาว ทำให้มีดีลธุรกิจทาบทามให้เข้าไปบริหารโครงการโรงแรมระดับพรีเมี่ยมในจีน ควบคู่กับการแตกแบรนด์ "บาบา บีช คลับ" โดยดึงชื่อแบรนด์มาจากหนึ่งในห้องอาหารที่มีชื่อเสียงของศรีพันวา เพื่อเป็นหลักประกันว่าเห็นแบรนด์นี้แล้ว ลูกค้าจะได้รับการบริการเดียวกันกับที่ได้รับจากศรีพันวา

 

 

65 ปี ชาญอิสสระ Happy Together คิดนอกกรอบ ทำในกรอบ

 

 

 

ตั้งกองทรัสต์หมื่นล้าน
 


ในส่วนของศรีพันวาชื่อเสียงแบรนด์ติดลมบนทำให้กลายเป็นแอสเสทที่มีมูลค่าสามารถนำมาต่อยอดการบริหารจัดการด้านการเงิน
 


"บาบาบีชคลับ เป็นแบรนด์รองของศรีพันวา ดีลที่จะให้เราเข้าไปบริหารให้ก็มีที่ไห่หนาน เกาะหลีเจี้ยน ฯลฯ เปิด 16-20 ห้อง ซึ่งเปอร์เฟ็กต์ไซซ์ของผมเลยต้องต่ำกว่า 100 ห้องกำลังดี การทำงานเท่าโรงแรมไซซ์ใหญ่ เหนื่อยเท่ากัน เรามีความสุขกับการได้เสิร์ฟให้กับลูกค้ากลุ่มเล็ก ๆ แต่เงินหนัก"
 


กลุ่มชาญอิสสระนับเป็นผู้บุกเบิกในการใช้นวัตกรรมและเครื่องมือทางการเงินต่าง ๆ อาทิ เป็นเจ้าแรกที่ทำออฟฟิศคอนโดมิเนียมอาคารแรก ๆ ในกรุงเทพฯ ทำคอนโดฯ บนทำเลชายหาดชะอำและจดทะเบียนอาคารชุดเป็นโครงการแรก ๆ ในต่างจังหวัด การนำสำนักงานให้เช่าเข้าพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ การแปลงสภาพมาเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT ซึ่งทำได้สำเร็จเป็นเจ้าแรกเมื่อปลายปี 2559 ที่ผ่านมา
 


"ปลาวาฬ" บอกว่า ปลายปีที่แล้วเพิ่งเปิดเฟสใหม่ในโครงการศรีพันวา "เดอะฮาบิตะ" มีเป้าหมายนำเข้ากองทรัสต์เพื่อนำเม็ดเงินระดมทุนมาใช้สำหรับขยายกิจการ รวมทั้งมีเป้าหมายนำบาบา บีช คลับเข้ากอง REIT ภายในปี 2560-2561 ไซซ์กองทรัสต์จาก 3,000 ล้านเป็น 5,000 ล้านบาท ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ 10,000 ล้านบาทภายใน 5 ปีหน้า
 


สินค้าหลัก 20-50 ล้าน
 


สำหรับ "ปลาทู-ดิฐวัฒน์" ในวันที่เพิ่งเรียนจบใหม่ ๆ มีความฝันอยากเรียนจนถึงปริญญาเอกเพราะเป็นคนชอบเรียนหนังสือ แต่ครอบครัวลิขิตให้มาทำธุรกิจโดยสั่งให้ "แวะไปประชุมบริษัทวันเดียวก็ยังดี" ปรากฏว่าโลกธุรกิจฉุดดึงเขาไว้ได้นานถึง 11 ปีเต็มในวันนี้
 


"ผมมีเพื่อนหลายคนไปอยู่บริษัทก่อตั้งมานาน บางทีไม่ได้รับการยอมรับ พนักงานไม่อยากให้มีทายาทเข้าทำ การซัพพอร์ตจึงไม่มี แต่ชาญอิสสระไม่มีอะไร ทุกคนเปิดมือรับผมเต็มที่ พร้อมจะเสนอ พร้อมเป็นคุณครู ทำให้เรามั่นใจ มีโอกาสที่นี่เยอะ"
 


ประสบการณ์ผู้บริหารเริ่มต้นในที่ทำงาน 3-4 ปีแรกเหมือนเข้าห้องเลกเชอร์อีกครั้ง เรียนรู้ระบบบัญชี ไฟแนนซ์ ก่อสร้าง มาร์เก็ตติ้ง มีบทบาทเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ดูเรียลเอสเตตชะอำเต็มตัว ซึ่งผมก็ไม่กล้าดูถ้าไม่มีทีมงานซัพพอร์ต
 


"มาดูเรื่องอะไรที่อินโนเวชั่น กลยุทธ์แบรนด์ รวมถึงระบบ HR มารีไวส์ใหม่ บริษัทก็อยู่มา 65 ปีถ้าเราลืมดูภายในองค์กรจะทำให้พัฒนายากขึ้น เรื่องการก่อสร้างเราก็ให้ความสำคัญ การควบคุมคุณภาพ ผลิตภัณฑ์เราเป็นยังไง ลูกค้าเรามีความสุขตอนจบเราก็สบาย ถ้าเขารับของไปแล้วไม่มีความสุขเราเหนื่อยอีกหลายปีเลยครับเพราะเขาอยู่กับเราไปเรื่อย ๆ จึงพัฒนาแอปพลิเคชั่นคุมงานก่อสร้างง่ายขึ้น ให้ลูกค้าควบคุมตอนเช็กงานดีเฟกต์ให้ง่ายขึ้น ผมทำ 2 ปีแล้ว ป๊าก็งงทำไมไม่เสร็จซะที กำลังจะได้ใช้แล้วครับ"
 


คิดนอกกรอบ ทำในกรอบ
 


ความท้าทายการทำธุรกิจอสังหาฯ ในมุมมองของ "ปลาทู" การขายบ้านหลังละ 100 ล้านบาทไม่มีความลำบากใจ โจทย์ธุรกิจปีนี้น่าจะอยู่ที่ตลาดกลาง-ล่าง ซึ่งบริษัทมีพอร์ตคอนโดฯ เริ่มต้นยูนิตละ 1-2 ล้านอยู่บ้าง แต่ก็เบาใจเพราะมียอดขายแล้ว 85% เหลือเพียง 15% คิดว่าทำให้จบโครงการได้"บ้านร้อยล้านไม่มีปัญหาเลย เรายังไม่มีบ้านตัวอย่างแต่ขาย 5 หลังแล้ว โปรดักส์
 


เซกเมนต์กลุ่มราคา 20-50 ล้านมีสัดส่วนรายได้ 50% ที่เหลืออย่างละ25% เป็นลูกค้าราคาต่ำกว่า 20 ล้านและสูงกว่า 50 ล้าน แบบบ้านร้อยล้านมีที่จอดรถ 6 คัน ลิฟต์ สระว่ายน้ำ After Care Home Service นิติบุคคลส่วนใหญ่จะดูหมดมีคอนเชียสเซอร์วิส มีบุ๊กกิ้ง จะเพิ่มให้หมดกับโครงการที่เราทำ"
 


ทั้งหมดนี้เป็นคำอธิบายคำว่า "คิดนอกกรอบ ทำในกรอบ" นั่นคือ คิดนอกกรอบเป็นการคิดสร้างสรรค์ ใช้ปัญญาในการพิจารณา วางแผนทำธุรกิจส่วนทำในกรอบหมายถึงการเลือกทางเดินและการกระทำที่อยู่ในกรอบศีลธรรม ความดีงามและความถูกต้อง
 


เป็นปรัชญาธุรกิจที่ทำให้ชาญอิสสระประสบความสำเร็จในวันนี้

 

 

ขอบคุณภาพและข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ

 

 

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1488778928

 

 

 

>> ช่องทางในการติดตามข่าวสาร <<
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @livinginsider ที่นี่

บทความอื่นๆ

livinginsider livinginsider