
หน้าแรก
1 มีนาคมที่ผ่านมา บริษัทอสังหาริมทรัพย์มหาชนค่าย "ชาญอิสสระ" ประกาศว่า 2560 บริษัทดำเนินธุรกิจเป็นปีที่ 65 โดยมีวิสัยทัศน์องค์กร "ชาญอิสสระ ภูมิใจพัฒนา สร้างสุขที่ยั่งยืน" มีการลงทุนพัฒนามาแล้ว 50 โครงการ เฉลี่ยมูลค่าโครงการละ 1,000 ล้านบาท เท่ากับมีมูลค่าโครงการสะสม 5 หมื่นล้านบาท สิ่งที่น่าสนใจคืออนาคตนับจากนี้ บริษัทมีความพร้อมอย่างเต็มที่ทั้งด้าน "ทุน+คน" ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้บริษัทเติบโตในระยะยาวและยั่งยืนไปอีกนานแสนนาน
แอ็กทีฟ 2.7 หมื่นล้าน
ปัจจุบัน กลุ่มชาญอิสสระแตกกิ่งก้านสาขาในการดำเนินธุรกิจทั้งรูปแบบที่ลงทุนด้วยตัวเอง การร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศอย่างกลุ่มไอ.ซี.ซี.ของตระกูลโชควัฒนา ขยายผลไปถึงผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรต่างประเทศอย่างกลุ่มจุนฟา จากจีนแผ่นดินใหญ่
ล่าสุดมีโครงการอยู่ระหว่างเปิดขาย-เปิดบริการมูลค่ารวมทั้งสิ้น 26,865 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแบบขายขาดหรือมีการโอนกรรมสิทธิ์ 13 โครงการ มูลค่ารวม 19,229 ล้านบาท กับโครงการที่สร้างพอร์ตรายได้จากค่าเช่า มูลค่ารวม 7,636 ล้านบาท (ดูกราฟิกประกอบ)
ผู้บริหารและผู้ก่อตั้งองค์กร "เสี่ยนกเขา-สงกรานต์ อิสสระ" พ่อของลูก ๆ 3 ปลาคือ "ปลาวาฬ-ปลาทู-ปลาเข็ม" ฉายภาพอนาคตองค์กรหลังจากนี้ไปว่า หลังจากผ่านร้อนผ่านหนาวบนสนามธุรกิจพัฒนาที่ดิน ถึงจุดนี้ชาญอิสสระแข็งแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา
"คำจำกัดความของชาญอิสสระ คือ เราเป็นบริษัทที่คล่องตัว มูลค่าลงทุนจะหมื่นล้านถ้าคล่องตัวก็คือหมื่นล้าน เพราะในการทำธุรกิจหากไม่คล่องตัวก็มีโอกาสเสี่ยงสูง นำไปสู่ความหายนะได้ ผมคิดว่ากลุ่มเรามีวิสัยทัศน์ที่ดีในการมองไปข้างหน้า อะไรที่เหมาะสม อะไรที่ควรทำหรือไม่ควรทำ ค่อนข้างมั่นใจในการเลือกลงทุนและตัดสินใจ"
พรั่งพร้อมทั้ง "ทุน+คน"
"สงกรานต์" เฉลยด้วยว่า คำว่าบริษัทแข็งแรงมาจากความพร้อม 2 ส่วนหลัก 1.เงินทุน 2.กำลังคนในส่วนของทุน มาจากการที่บริษัทอยู่ในตลาดทุน สามารถเพิ่มทุนได้คล่องตัว แตกต่างจากสมัยก่อนการเพิ่มทุนต้องมาจากตัวบริษัทเอง ทำให้มีความยืดหยุ่นในด้านแหล่งทุนที่จะใช้พัฒนาโครงการมากขึ้น ส่วนเรื่องคนก็พรั่งพร้อมมีทั้งผู้บริหารรุ่นต่อรุ่น มีทั้งพนักงาน มีทีมเวิร์กที่ดี เป็นปัจจัยทำให้บริษัทเติบโต
"ในระหว่างทำงานร่วมกัน 30-40 ปีของชาญอิสสระไม่ได้โชติช่วงชัชวาลตลอดเวลา หลายตอนเราอยู่ช่วงย่ำแย่ เช่นตอนวิกฤตเศรษฐกิจ เรามีเงินพอจ่ายพนักงานแค่ 5 เดือน ผมต้องยอมตัดของตัวเอง ครั้งแรก 35% ก็ยังไม่พอ ตัดเป็น 50% พนักงานก็ร่วมกันเยอะเพื่อช่วยกันประคองต่ออายุ (บริษัท) มีผลทำให้ 1-2 เดือนสถานการณ์พลิกได้ เพราะถ้าเราหมดก่อน ทนไม่ไหวเราตายก่อน ก็จะพลาดโอกาส"
"ไม่น่าเชื่อว่าตอนลำบากที่สุดจะพลิกกลับมาได้ภายในไม่กี่เดือน ความร่วมมือจึงสำคัญ พนักงานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสบาย ต้องเสียสละเหมือนกัน"
คือขุมพลัง "วาฬ-ทู-เข็ม"
แบบอย่างความสำเร็จขององค์กรใดองค์กรหนึ่งมีเบื้องหลังมาจาก "คน" เสมอ กรณีของกลุ่มชาญอิสสระ กล่าวได้ว่าหนึ่งในจุดแข็งของบริษัทคือการมีผู้บริหารรุ่นทายาทธุรกิจอยู่ในวัยที่กำลังกระหายความสำเร็จ ประกอบด้วย "ปลาวาฬ-วรสิทธิ์ อิสสระ" พี่ชายคนโต และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ เรสซิเดนซ์ จำกัด ฝากผลงานในการปลุกปั้นโรงแรม 6 ดาวแบรนด์ศรีพันวาให้ไปติดทำเนียบสถานท่องเที่ยวระดับเวิลด์คลาสที่เซเลบทั่วโลกต้องมาเช็กอินให้ได้สักครั้งในชีวิต
ถัดมา"ปลาทู-ดิฐวัฒน์อิสสระ" น้องชายคนรอง และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้รับความไว้วางใจขึ้นแท่นเอ็มดีบริษัทลูก "บริษัท ร่วมอิสสระ จำกัด" ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างชาญอิสสระกับไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนลที่มี "บุญเกียรติ โชควัฒนา" เป็นพันธมิตรธุรกิจ
กับน้องสาวสุดท้อง "ปลาเข็ม-กรัชเพชร อิสสระ" ประกอบอาชีพ 2 อาชีพในเวลาเดียวกัน มีทั้งงานที่ทำด้วยความรักเป็นดีไซเนอร์และผลิตเสื้อผ้าแบรนด์ KEMISSARA กับงานที่ทำด้วยความผูกพันของสายใยครอบครัว โดยปลีกเวลามาช่วยงานด้านการตลาดและซีเอสอาร์ให้กับบริษัทชาญอิสสระด้วย
ขุมพลังที่แข็งแกร่งด้านกำลังคนยังมาจากพนักงานบริษัท645คนในปัจจุบัน (ไม่รวมไซต์ก่อสร้าง) มากกว่าครึ่งเป็นลูกหม้อที่ "สงกรานต์" บอกว่าหลายคนทำงานตั้งแต่ปลาทูปลาวาฬยังไม่เกิดด้วยซ้ำไป ปัจจุบัน ทีมบริหารทั้งองคาพยพเติบโตจากความเป็นลูกหม้อเกือบจะ 100%
ต่อยอดธุรกิจศรีพันวา
"ปลาวาฬ-วรสิทธิ์" เอ็มดีหัวใจรักงานบริการ เติบใหญ่จากการร่ำเรียนในต่างประเทศ จบการโรงแรมมาแบบ คูล คูล ตอนสำรวจสถานที่เรียนต่อในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อไปติดใจกับบรรยากาศการเรียนโรงเรียนการโรงแรมที่ไมอามี่เพียงเพราะห้องเรียนเหมือนไนท์คลับช่วงชีวิตตอนนั้นกลายเป็นทุนประเดิมที่ดีในการทำธุรกิจโรงแรมศรีพันวาในวันนี้เพราะปลาวาฬไม่ได้กลับมาตัวคนเดียว แต่มีทีมงานเพื่อน ๆ รุ่นทายาทของครอบครัวเซเลบเมืองไทยจำนวน 10 ชีวิตเป็นทีมงานสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
"ตอนนั้นผมจะเลือกเรียนต่อหรือทำงานก็ได้ กะว่าไปดูงานสัก 1 เดือนแต่พอไปดูที่ภูเก็ตแล้วอยากอยู่ต่อเลย เริ่มต้นจากโครงการยังไม่มีอะไร ตัวโรงแรมยังไม่เกิด กำลังสร้างวิลล่า 11 หลังขาย เงินเดือนผมเริ่มต้น 28,000 บาทที่นี่"
โรงแรมศรีพันวาเป็นตัวแบบของการทำธุรกิจแบบคิดนอกกรอบ ไม่มีชายหาดอยู่เบื้องหน้าเพราะเป็นสไตล์เมาเท่นวิว ไม่มีล็อบบี้ แต่มีดีไซน์สวย ที่สำคัญยูนีคมาก มีความเป็นหนึ่งเดียวสูง ดีไซน์สวย เติมเต็มด้วยงานบริการแบบหรูเริ่ดทำให้การขายห้องพักราคาคืนละ 1,000 เหรียญสหรัฐเป็นโมเดลธุรกิจที่สร้างชื่อเสียงให้กับบริษัท
ณ วันนี้ จุดขายที่แข็งแกร่งที่สุดคือโนว์ฮาวในการบริหารจัดการโรงแรม 6 ดาว ทำให้มีดีลธุรกิจทาบทามให้เข้าไปบริหารโครงการโรงแรมระดับพรีเมี่ยมในจีน ควบคู่กับการแตกแบรนด์ "บาบา บีช คลับ" โดยดึงชื่อแบรนด์มาจากหนึ่งในห้องอาหารที่มีชื่อเสียงของศรีพันวา เพื่อเป็นหลักประกันว่าเห็นแบรนด์นี้แล้ว ลูกค้าจะได้รับการบริการเดียวกันกับที่ได้รับจากศรีพันวา
ตั้งกองทรัสต์หมื่นล้าน
ในส่วนของศรีพันวาชื่อเสียงแบรนด์ติดลมบนทำให้กลายเป็นแอสเสทที่มีมูลค่าสามารถนำมาต่อยอดการบริหารจัดการด้านการเงิน
"บาบาบีชคลับ เป็นแบรนด์รองของศรีพันวา ดีลที่จะให้เราเข้าไปบริหารให้ก็มีที่ไห่หนาน เกาะหลีเจี้ยน ฯลฯ เปิด 16-20 ห้อง ซึ่งเปอร์เฟ็กต์ไซซ์ของผมเลยต้องต่ำกว่า 100 ห้องกำลังดี การทำงานเท่าโรงแรมไซซ์ใหญ่ เหนื่อยเท่ากัน เรามีความสุขกับการได้เสิร์ฟให้กับลูกค้ากลุ่มเล็ก ๆ แต่เงินหนัก"
กลุ่มชาญอิสสระนับเป็นผู้บุกเบิกในการใช้นวัตกรรมและเครื่องมือทางการเงินต่าง ๆ อาทิ เป็นเจ้าแรกที่ทำออฟฟิศคอนโดมิเนียมอาคารแรก ๆ ในกรุงเทพฯ ทำคอนโดฯ บนทำเลชายหาดชะอำและจดทะเบียนอาคารชุดเป็นโครงการแรก ๆ ในต่างจังหวัด การนำสำนักงานให้เช่าเข้าพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ การแปลงสภาพมาเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT ซึ่งทำได้สำเร็จเป็นเจ้าแรกเมื่อปลายปี 2559 ที่ผ่านมา
"ปลาวาฬ" บอกว่า ปลายปีที่แล้วเพิ่งเปิดเฟสใหม่ในโครงการศรีพันวา "เดอะฮาบิตะ" มีเป้าหมายนำเข้ากองทรัสต์เพื่อนำเม็ดเงินระดมทุนมาใช้สำหรับขยายกิจการ รวมทั้งมีเป้าหมายนำบาบา บีช คลับเข้ากอง REIT ภายในปี 2560-2561 ไซซ์กองทรัสต์จาก 3,000 ล้านเป็น 5,000 ล้านบาท ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ 10,000 ล้านบาทภายใน 5 ปีหน้า
สินค้าหลัก 20-50 ล้าน
สำหรับ "ปลาทู-ดิฐวัฒน์" ในวันที่เพิ่งเรียนจบใหม่ ๆ มีความฝันอยากเรียนจนถึงปริญญาเอกเพราะเป็นคนชอบเรียนหนังสือ แต่ครอบครัวลิขิตให้มาทำธุรกิจโดยสั่งให้ "แวะไปประชุมบริษัทวันเดียวก็ยังดี" ปรากฏว่าโลกธุรกิจฉุดดึงเขาไว้ได้นานถึง 11 ปีเต็มในวันนี้
"ผมมีเพื่อนหลายคนไปอยู่บริษัทก่อตั้งมานาน บางทีไม่ได้รับการยอมรับ พนักงานไม่อยากให้มีทายาทเข้าทำ การซัพพอร์ตจึงไม่มี แต่ชาญอิสสระไม่มีอะไร ทุกคนเปิดมือรับผมเต็มที่ พร้อมจะเสนอ พร้อมเป็นคุณครู ทำให้เรามั่นใจ มีโอกาสที่นี่เยอะ"
ประสบการณ์ผู้บริหารเริ่มต้นในที่ทำงาน 3-4 ปีแรกเหมือนเข้าห้องเลกเชอร์อีกครั้ง เรียนรู้ระบบบัญชี ไฟแนนซ์ ก่อสร้าง มาร์เก็ตติ้ง มีบทบาทเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ดูเรียลเอสเตตชะอำเต็มตัว ซึ่งผมก็ไม่กล้าดูถ้าไม่มีทีมงานซัพพอร์ต
"มาดูเรื่องอะไรที่อินโนเวชั่น กลยุทธ์แบรนด์ รวมถึงระบบ HR มารีไวส์ใหม่ บริษัทก็อยู่มา 65 ปีถ้าเราลืมดูภายในองค์กรจะทำให้พัฒนายากขึ้น เรื่องการก่อสร้างเราก็ให้ความสำคัญ การควบคุมคุณภาพ ผลิตภัณฑ์เราเป็นยังไง ลูกค้าเรามีความสุขตอนจบเราก็สบาย ถ้าเขารับของไปแล้วไม่มีความสุขเราเหนื่อยอีกหลายปีเลยครับเพราะเขาอยู่กับเราไปเรื่อย ๆ จึงพัฒนาแอปพลิเคชั่นคุมงานก่อสร้างง่ายขึ้น ให้ลูกค้าควบคุมตอนเช็กงานดีเฟกต์ให้ง่ายขึ้น ผมทำ 2 ปีแล้ว ป๊าก็งงทำไมไม่เสร็จซะที กำลังจะได้ใช้แล้วครับ"
คิดนอกกรอบ ทำในกรอบ
ความท้าทายการทำธุรกิจอสังหาฯ ในมุมมองของ "ปลาทู" การขายบ้านหลังละ 100 ล้านบาทไม่มีความลำบากใจ โจทย์ธุรกิจปีนี้น่าจะอยู่ที่ตลาดกลาง-ล่าง ซึ่งบริษัทมีพอร์ตคอนโดฯ เริ่มต้นยูนิตละ 1-2 ล้านอยู่บ้าง แต่ก็เบาใจเพราะมียอดขายแล้ว 85% เหลือเพียง 15% คิดว่าทำให้จบโครงการได้"บ้านร้อยล้านไม่มีปัญหาเลย เรายังไม่มีบ้านตัวอย่างแต่ขาย 5 หลังแล้ว โปรดักส์
เซกเมนต์กลุ่มราคา 20-50 ล้านมีสัดส่วนรายได้ 50% ที่เหลืออย่างละ25% เป็นลูกค้าราคาต่ำกว่า 20 ล้านและสูงกว่า 50 ล้าน แบบบ้านร้อยล้านมีที่จอดรถ 6 คัน ลิฟต์ สระว่ายน้ำ After Care Home Service นิติบุคคลส่วนใหญ่จะดูหมดมีคอนเชียสเซอร์วิส มีบุ๊กกิ้ง จะเพิ่มให้หมดกับโครงการที่เราทำ"
ทั้งหมดนี้เป็นคำอธิบายคำว่า "คิดนอกกรอบ ทำในกรอบ" นั่นคือ คิดนอกกรอบเป็นการคิดสร้างสรรค์ ใช้ปัญญาในการพิจารณา วางแผนทำธุรกิจส่วนทำในกรอบหมายถึงการเลือกทางเดินและการกระทำที่อยู่ในกรอบศีลธรรม ความดีงามและความถูกต้อง
เป็นปรัชญาธุรกิจที่ทำให้ชาญอิสสระประสบความสำเร็จในวันนี้
ขอบคุณภาพและข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1488778928
"จระเข้ คอร์ปอเรชั่น" ลุยต่อสู่ Net Zero! กางวิสัยทัศน์ปี 68 ดันวงการก่อสร้างสีเขียว เต็มรูปแบบ ชี้ชัดความยั่งยืนไม่ใช่เทรนด์ เผยผู้บริโภคเลือก "คุณภาพ" ควบคู่ "ดูแลโลก"
เมื่อวานนี้
Dees Supreme จับมือ AWS ร่วมขับเคลื่อนนวัตกรรมหอฟอกอากาศ “FAHSAI” ยกระดับคุณภาพอากาศบริสุทธิ์ เสริมสุขภาพชีวิตคนเมือง สู้ฝุ่น PM2.5
เมื่อวานนี้
อนาบูกิ ธนาสิริ (ประเทศไทย) เปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวระดับพรีเมียม “อนาบูกิ ธนาเรสซิเดนซ์ กาญจนาภิเษก-พระราม 9” มูลค่า 1,500 ลบ.
2025-04-29
เบล็ส แอสเสทฯ ฉลอง 15 ปี ยกระดับแบรนด์ สู่ “บ้านสุข บ้าน BLESS” เตรียมผุดอาณาจักรใหม่ “เบล็ส ดิ เอสเต้พาร์ค” บนทำเลสุขุมวิท-บางพลี มูลค่า 1,300 ล้านบาท
2025-04-29
เอพี ไทยแลนด์ เสริมทัพ THE MAJESTIC COLLECTION เปิดตัว “THE PALAZZO ปิ่นเกล้า-บรมฯ” คฤหาสน์ระดับอัลตร้าลักซ์ชัวรี มูลค่า 2,200 ลบ.*
2025-04-28
ขอบคุณที่ทำรีวิวดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ
ดีมากๆ เป็นเว็บที่ให้ข้อมูลดีค่ะ
อ่านแล้วต้องอุทานว่า เริ่ด!!!
ไม่ต้องไปดูห้องจริงเลยค่ะ รีวิวแน่นมากค่ะ ทั้งข้อมูล และภาพ