มุมมอง ดอน ปรมัตถ์วินัย กลางกระแสแห่ขายสถานทูต

จากข่าวครึกโครม "สถานทูตออสเตรเลีย" ประกาศขายขาดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 7 ไร่ 382 ตารางวา ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานเอกอัครราชทูต ณ ปัจจุบัน บนทำเลสาทรใจกลางกรุงเทพฯ ถือเป็น "ประเด็นร้อน" ที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง
 

เพราะหลายปีมานี้ มีสถานทูตหลายแห่งประกาศขายกรรมสิทธิ์อาทิ สถานทูตญี่ปุ่น สถานทูตฝรั่งเศส สถานทูตอังกฤษ ฯลฯ 
 

ขณะที่ "ผู้ถือครอง" กรรมสิทธิ์รายใหม่ ล้วนเป็น "กลุ่มทุนใหญ่" ที่มีชื่อเสียง เป้าหมายเพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการขนาดใหญ่ตามมูลค่าที่ดิน"ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์ "ดอน ปรมัตถ์วินัย" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อดีตนักการทูตที่สั่งสมประสบการณ์มาตลอดชีวิตรับราชการ พร้อมแลกเปลี่ยน "มุมมอง" ถึงประเด็นร้อนดังกล่าว
 

- การขายสถานทูตเริ่มมีมากขึ้น ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร
 

ความจริงมีหลายมุมมอง ตั้งแต่สถานทูตต่างประเทศในไทย และสถานทูตของไทยในต่างประเทศ
 

สถานทูตต่างประเทศในไทย บางสถานทูตเขามีความภาคภูมิใจมาก ๆ กับสถานที่ของเขา ถือว่าเป็นสิ่งแสดงถึงประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์อันยาวนานกับประเทศไทย เช่น การที่เขาได้พื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ถือเป็นความภาคภูมิใจที่เขาต้องสืบทอดต่อ ๆ ไปสู่คนรุ่นหลัง และเป็นที่รับรู้กว้างขวางในความภูมิใจนี้
 

- สถานทูตที่อยู่ริมน้ำมีประเทศอะไรบ้าง
 

มีฝรั่งเศสกับโปรตุเกส นี่คือความภาคภูมิใจอีกมุมหนึ่ง เพราะเห็นว่าเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ยาวนาน รู้สึกผูกพันกับสิ่งเหล่านี้ที่เป็นตัวแทนประเทศ ไม่ต้องการให้ขายของออกไป เพราะถือเป็นสมบัติของชาติ แล้วชาติเขาไม่ได้ขาดแคลนอะไร ส่วนมุมของประเทศที่ต้องการปล่อยทรัพย์สิน เขาคงมีเหตุจำเป็นบางอย่าง มันสะท้อนบางอย่างเหมือนกันว่า ความสัมพันธ์กับประเทศที่เคยมี อาจจะหย่อนลงไปด้วยหรือเปล่า อย่างประเทศไทย เวลาเรามีสมบัติของชาติในต่างประเทศ เราถือว่าเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่มีทรัพย์สินในต่างแดน
 

- นโยบายประเทศไทยชัดเจนในเรื่องนี้ คือเราไม่ขาย
 

ครับ เราไม่ขายแน่นอน เราไม่ขายด้วยหลาย ๆ เหตุผล เพราะเป็นเรื่องของความผูกพันที่เราคิดว่า ควรจะถนอมกันไว้
 

กระแสบางกระแสเขาถือว่าเขามีทางเลือก ไม่ว่าจะขายหรือไม่ขาย เขาคิดว่าในประเทศไทยมีออปชั่นสูง มีทางเลือกอื่น เป็นต้นว่าถ้าขายไป ก็มีที่อื่นที่ดีเสมอกัน ที่เขาเลือกได้ และอาจไม่จำเป็นต้องซื้อ เสนอให้ในลักษณะเช่า แต่เป็นการเช่าที่ไม่ใช่แบบพาณิชย์ อย่างนี้เป็นต้น คืออาจเป็นทางเลือกของเขา ได้เงินเป็นกอบเป็นกำหลายเท่าตัวของต้นทุนเขาในระยะแรก
 

อยากพูดถึงที่ตั้งสถานทูตของเรานิดหนึ่งในต่างประเทศที่ของเรามีทั้งที่เป็นเจ้าของส่วนหนึ่งและที่เช่าอีกส่วนหนึ่ง แต่ที่คนไทยและคนทั่วโลกรู้จักและพูดถึงคือ สถานทูตไทยในสิงคโปร์ ถือเป็นที่พิเศษมาก รัชกาลที่ 5 ท่านทรงซื้อ เป็นที่ที่คนไทยมีความภาคภูมิใจกับต้นเรื่อง ท่านเสด็จประพาสและพระราชทานทรัพย์ซื้อไว้ ตั้งแต่ตอนซื้อจนกระทั่งวันนี้มูลค่ามหาศาลยิ่งกว่ามหาศาล และเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ณ สถานที่นั้น ถือว่ามีความเด่นเป็นสง่า เป็นที่เชิดหน้าชูตาประเทศของเรา
 

- พื้นที่กว้างไหม
 

11 ไร่ บนถนนออร์ชาร์ด ตั้งอยู่ใจกลางเมืองศูนย์กลางธุรกิจ ทุกคนที่ไปสิงคโปร์จะต้องผ่านจุดนี้ ผ่านแล้วจะต้องถาม
 

แต่เราไม่คิดถึงมูลค่าเลย เพราะเหนือกว่ามูลค่าคือความภาคภูมิใจ ที่ผ่านมาเคยมีนักลงทุนพยายามทาบทามซื้อในยุคหนึ่ง
 

- เป็นกลุ่มทุนสิงคโปร์
 

เป็นคอนซอร์เตี้ยม เท่าที่ทราบ เขาจะเปลี่ยนพื้นที่นั้นเป็นไฮไรส์ ซึ่งเป็นเทรนด์ของประเทศนั้น มีข้อแลกเปลี่ยนจะพิจารณาให้พื้นที่เรา กี่ชั้น ๆ ให้ใช้เป็นสถานทูต เป็นที่พัก
 

แต่อย่าลืมว่า นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวกับศักดิ์ศรีประเทศไทย ซึ่งเราไม่ต้องการ และไม่คิดอยู่ไฮไรส์ เราไม่ต้องการเป็นหนึ่งในตึกที่มีเยอะแยะไปหมด เราต้องการให้ไทยเป็นหนึ่งเดียวในพื้นที่ ในการนำเสนอ "ประเทศไทย" เช่นลักษณะที่เป็นอยู่ตอนนี้
 

- นอกจากไฮไลต์สถานทูตที่สิงคโปร์แล้ว มีที่ไหนอีก
 

ความจริงมีอีกที่ญี่ปุ่น ในโตเกียว แต่ไม่เด่นเท่าในสิงคโปร์ ทำเลจะหลบไปข้างใน แต่ก็เป็นที่ที่ดี อยู่ในเขตที่ดี สง่างาม บริเวณกว้างขวาง แต่คนมักจะไม่พูดถึงญี่ปุ่น เพราะตำแหน่งที่ตั้งไม่เด่นเท่าสิงคโปร์ คนที่มาเที่ยวสิงคโปร์จากทั่วโลกก็จะเห็น ทุกคนจะถามตลอด ที่นี่คืออะไร เพราะเขาแปลกใจ เด่นสง่างามเหลือเกิน การที่รอบ ๆ เป็นตึกสูง แต่มีแค่เราที่เป็นแนวราบบริเวณกว้าง ๆ อยู่แปลงเดียว ผมภูมิใจมาก (ยิ้ม)
 

- ยังมีที่เด่น ๆ ที่ไหนอีกบ้าง
 

ที่วอชิงตัน ลอนดอน เบอร์ลิน เราก็เป็นเจ้าของ แต่ส่วนใหญ่ไปตามสภาพการณ์ เป็นทาวน์เฮาส์บ้าง เป็นตึกเดี่ยวก็มี แต่ไม่ใช่ตึกเดี่ยวใหญ่ หรือสวิตเซอร์แลนด์ก็มี
 

- ไม่ขายแต่มีโอกาสให้เช่าไหม
 

เราไม่มีไอเดียเช่นนั้น เพราะเรามีความจำเป็นต้องใช้ เพราะมีส่วนราชการอื่นด้วย พาณิชย์เอย ทหารเอย
 

- เหมือนเป็นศูนย์ราชการไทยในต่างประเทศ
 

ถูกต้อง อย่างสิงคโปร์ ทุกหน่วยอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกันมีบางแห่ง เช่น ที่บรัสเซลส์ เราเป็นเจ้าของ ที่สวยมาก แต่อยู่ไม่ครบทุกสำนักงาน เนื่องจากสำนักงานบางแห่งเขาไปซื้อสมบัติเขาไว้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมาอยู่ในที่่เดียวกัน แต่ก็อยู่ไม่ไกลกันมากนัก
 

- ในอนาคตถ้ามีรัฐบาลเลือกตั้งมีนโยบายต้องการขาย
 

เราต้องมาถามตัวเองว่า งบฯการขายสมมติเงินต้องเข้างบประมาณแผ่นดิน แต่โอกาสภายหน้าเราไม่รู้ว่ามีการเล่นแร่แปรธาตุไหม ต้องถามประชาชน (เน้นเสียง)
 

แต่ขอบอกว่าแม้จะขาย จะเข้างบประมาณแผ่นดินก็ดี หรือจะเล่นแร่แปรธาตุก็ดี นอกจากไม่ควรแล้ว ยังจะบอกว่าในวันถัดไป หรืออาทิตย์ถัดไป เราเอาเงิน 3 เท่ามาซื้อก็ยังจะไม่ได้สิ่งนั้น เพราะที่เป็นทองเป็นของมีค่า ถ้าปล่อยไปจะไม่มีวันได้กลับคืนมา
 

- ถามกลับด้าน มีโอกาสจะซื้อเพิ่มไหม
 

อยู่ที่ความสามารถของเรา ที่ผ่านมาเรามองเป็นการลงทุนให้กับประเทศชาติเหมือนกัน อีกประการหนึ่งเราถือว่าเป็นสัญลักษณ์ความสัมพันธ์ของเรากับประเทศนั้น ๆ มีหลายมุมมอง
 

- สถานทูตต่างประเทศได้ปรึกษาเราไหมเรื่องขายที่ทำการ
 

จริง ๆ เขาตัดสินใจได้เลย ถ้าเขาเป็นเจ้าของ ฟรีโฮลด์
 

- หลังจากมีข่าวเกิดขึ้น ในแวดวงมีการพูดคุยเรื่องนี้ไหม
 

มีบ้าง ถามไถ่กัน มีความจำเป็นอย่างไรถึงได้ขาย แน่นอน ผู้ขายเขามีเหตุผลอย่างนั้นอย่างนี้
 

- อย่างสถานทูตออสเตรเลีย ต้องแจ้งอะไรไหม
 

ถ้าจะย้ายจริง ๆ เขาก็ต้องแจ้ง ตอนนี้ยังไม่ได้แจ้ง แต่ก็มีการรับรู้เป็นการภายในว่าจะมีการย้าย เพราะสถานที่นั้นก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเขา ตามหลักสถานทูตจะเป็นพื้นที่ชาติของเขา เช่นเดียวกับของเราในต่างประเทศ ฉะนั้น มีขั้นตอนที่ต้องทำ
 

- ท่านตกใจบ้างไหมกับข่าวแบบนี้
 

ก็ไม่ได้ตกใจ แต่ข่าวแบบนี้ก็เพิ่งได้ยินมาไม่กี่ปีมานี้ ซึ่งแสดงถึงความรุ่งเรืองของประเทศไทย ต้องเข้าใจว่า ถ้าเราไม่มีความเจริญ คนก็ไม่ซื้อ แสดงถึงความมั่นใจในเศรษฐกิจ

ขอบคุณภาพและข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1490858304