รัช ตันตนันตา DTGO ดึง 2% รายรับทำซีเอสอาร์

เป็นบริษัทเล็กที่เพิ่งเปิดตัวได้ 10 ปี แต่จะเล็กได้อย่างไรในเมื่อเจ้าของตัวจริงชื่อ "บี-ทิพาภรณ์ (เจียรวนนท์) อริยวรารมย์" ลูกรักเจ้าสัว ซี.พี. ล่าสุดดึงผู้บริหารอดีตมือการเงินของการบินไทยขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 ขององค์กร "รัช ตันตนันตา" ให้สัมภาษณ์ถึงทิศทาง DTGO

ภารกิจหลักดูเหมือนเป็นการเตรียมความพร้อมสู่ตลาดโกลบอลเทรดทั้งธุรกิจเทรดดิ้งและอสังหาริมทรัพย์
 

-ธุรกิจหลักของบริษัท
 

ชื่อบริษัทDมาจากประธานธนินท์ T คุณหญิงเทวี คุณบีนำชื่อคุณพ่อคุณแม่มาตั้งชื่อแบรนด์ ทิศทางคือ sustainnovation ศึกษาเข้าใจถ่องแท้ไม่ใช่แค่วิถีชีวิตคน แต่ศึกษาลึกถึงสิ่งแวดล้อม โครงการต่อ ๆ ไปนับจากนี้จะเห็นภาพชัดเจนว่าคำว่ายั่งยืนคืออะไร มีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้ด้วย
 

DTGO เพิ่งก่อตั้ง 1 ปีเศษ เดิมชื่อบริษัทเทวาสิน เปลี่ยนชื่อทีหลังเป็นบริษัทโฮลดิ้ง ภายใต้โครงสร้างมี 4 ธุรกิจหลัก
 

1.พร็อพเพอร์ตี้ภายใต้ MQDC เป็นโฮลดิ้งคอนเซ็ปต์เฮาส์ออฟแบรนด์ สร้างพอร์ตอสังหาฯหลาย ๆ ยี่ห้อ ทำรายได้หลัก 60% ให้กับกลุ่ม
 

2.ธุรกิจเทรดดิ้ง D Supreme ในอดีตเน้นอุปกรณ์สื่อสารหรือป้อนให้กับร้านอิ่มสะดวก 7-11 จากนี้ไปจะเป็นโกลบอลเทรดดิ้ง ค้าขายได้ทั่วโลก สินค้าหลากหลายมากขึ้น โดยมีสินค้าทั้งอุปกรณ์สื่อสารและอุปกรณ์ก่อสร้าง สัดส่วนรายได้เกือบ 40%
 

3.ธุรกิจออกแบบ DI Design เดิมซัพพอร์ตให้กับในเครือ นับจากปีนี้เริ่มหาลูกค้านอกกลุ่ม เช่น ตลาดอาเซียน ล่าสุดมีข่าวดีจะไปเซ็นสัญญาทำมาสเตอร์แพลนในคุนหมิง ชอตแรกสัก 4 ล้านหยวนทำให้กับสถาบันการศึกษา โดยพยายามเสริมศักยภาพให้สามารถออกแบบได้หลากหลาย ดูเรื่องความกว้างมากขึ้น จากปัจจุบันที่ชำนาญการออกแบบโครงการอสังหาฯ
 

4.D PLAN ควบคุมการก่อสร้างหรือธุรกิจที่ปรึกษาก่อสร้าง วันนี้มีธุรกิจในตลาดเมืองจีน จดทะเบียนที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ยังไม่ได้เข้าเมืองไทย ล่าสุดเพิ่งก่อตั้งบริษัทดีแพลนในประเทศไทย โดยรายได้ DI Design กับ D PLAN ไม่ถึง 1%
 

- ทิศทางการลงทุน
 

กลุ่ม DTGO โดยคุณบี-ทิพาภรณ์ อยากเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ยึดหลักคำสอนประธานธนินท์ เจียรวนนท์ว่า ทำอะไรก็ได้ให้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนมากที่สุด เราซักเซสแน่นอน
 

มองภายใต้ DTGO ขาหนึ่งทำธุรกิจล้วน ๆ อีกขาเป็นภารกิจด้านซีเอสอาร์ล้วน ๆ มี 2 มูลนิธิคือ มูลนิธิพุทธรักษา สนับสนุนเด็กด้อยโอกาสทางการศึกษา 8,000 ชีวิต กับดีที แฟมิลี่ ฟาวน์เดชั่น เพิ่งก่อตั้งปี 2559 อยู่ในฮ่องกง เน้นความยั่งยืนของงานด้านสิ่งแวดล้อมและการศึกษา บริจาคทั่วโลกได้
 

ต้องบอกว่าคุณบีค่อนข้างใจดีมาก ๆ ดึง 2% ของรายรับตัดเข้าไปอยู่ในกิจกรรมซีเอสอาร์ ทั้งนี้ รายได้เครือ 3 ปี ล่าสุดปี 2016 อยู่ที่ 13,000 ล้านบาท โต 30% จากฐานรายได้ 3,000 ล้านบาทในปี 2012 แนวโน้มปี 2020 คาดว่ารายได้เติบโตเป็น 35,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ 50/50 ระหว่างอสังหาฯกับเทรดดิ้ง เมื่อเราเปลี่ยนเป็นอีเบส ซื้อขายที่ไหนก็ได้ ฟรีมาก ๆ
 

- เป้าเติบโตภาคอสังหาฯ
 

บริษัท D Supreme เป็นตัวหลัก อนาคตการลงทุนพัฒนาโครงการกับธุรกิจเทรดดิ้ง โดยเฉพาะวัสดุก่อสร้างและตกแต่งเดิมป้อนให้กับในเครือเป็นหลัก ในอนาคตจะค้าขายทั่วไป แผนธุรกิจกำลังจะจบรายละเอียดและพัฒนาซอฟต์แวร์ให้จบในปีนี้ ระหว่างทางก็เสาะหาซัพพลายเออร์ทั่วโลก
 

โมเดลธุรกิจทำอะไรเหมือนคนอื่นเราจะไม่ทำ ยังเป็นความลับทางการค้า เป็นแอปพลิเคชั่น เริ่มจากบีทูบี จากนั้นค่อยขยายไปบีทูซี กำลังจะเริ่มในประเทศก่อน ซื้อสินค้าจากจีนแล้วขยายไปยังแหล่งผลิตทั่วโลก รูปแบบคือการซอร์ซซิ่งสินค้า แต่ต้องมากกว่า (คนอื่น) 1 ชอต
 

- บริษัทกินรวบตลาด ?
 

(หัวเราะ) เราไม่ได้มีเจตนากินรวบ แต่ต้องการแก้ปัญหาให้กับผู้บริโภคให้มากที่สุด ขอยืมศัพท์คำว่า แก้ pain point ถ้าลูกค้ามีปัญหาหรือไม่พอใจในอะไรก็แล้วแต่ มาเติมเต็มให้ลูกค้าแฮปปี้มากขึ้น ถ้าแก้ปัญหาได้อย่างน้อยต้องมาหาเรา
 

ในเทอมการเติบโตบริษัท ช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้เติบโตหักมุมขาขึ้นตั้งแต่ปี 2012 ต้องเรียนตรง ๆ ว่าข้างในเอง legacy วิธีการดำเนินธุรกิจแบบดั้งเดิมอยู่ ที่ผมเข้ามาช่วยคือปรับปรุงทุกอย่างเป็นระบบ มีกระบวนการที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ
 

เรื่องแรก ปรับวัฒนธรรมองค์กรของคน เพิ่งกลับจากเรียนสแตนฟอร์ด ซิลิคอนวัลเลย์ เวลาจะลอนช์ไอเดียพัฒนาทุกอย่างให้ดำเนินการเป็นแอป ใช้เวลาเพียง 6 สัปดาห์ ต้องเรียนรู้ว่าคนข้างนอกเขาทำงานต้องใช้คำว่า โค-ตะ-ระเร็ว ดังนั้นจะมาบอกว่าทำไม่ทัน ๆ ต้องปรับคนของเราไปให้ทันเทคโนโลยีให้ได้ รวมถึงใช้อุปกรณ์เข้ามาช่วย วันนี้ มูลค่าทรัพย์สินที่เราบริหารอยู่ 1 แสนล้านบาท อาจมี 2-3 หมื่นล้านบาทในโครงการไอคอนสยามที่มีผู้ถือหุ้นกลุ่มสยามพิวรรธน์
 

- ธุรกิจในอาเซียน
 

มีบริษัทออกแบบทำตั้งแต่ปี 2015 ไม่เยอะ มี 2-3 โครงการ ธุรกิจอื่นยังไม่ได้ผลักดัน ศึกษาการพัฒนาอสังหาฯ ว่าเข้าไปในประเทศเหล่านั้นได้หรือเปล่า แต่ไม่ง่าย เพราะกฎระเบียบ การเงินการคลัง ตอนนี้เราเปิด MQDC ที่เซี่ยงไฮ้ การจะเริ่มพัฒนาทันทียากมาก ต้องร่วมกับโลคอลพาร์ตเนอร์ ซึ่งเดิมฐานธุรกิจเน้นอาหารเป็นหลัก
 

โจทย์ใหญ่คือต้องปรับบริษัทนี้ให้มีศักยภาพให้รับงานขนาดใหญ่ นิยามคือ ไม่ว่าโปรเจ็กต์อสังหาฯ หรืออะไรก็ตาม ศักยภาพมีทั้งมิติการติดต่อทางการ พาร์ตเนอร์ โนว์ฮาว กฎหมาย ฯลฯ
 

ธุรกิจด้านออกแบบต้องเข้าใจว่าบริษัทฝรั่งเขารวมสเปเชียลิตี้ เช่น มีบริษัทเอ็นจิเนียริ่ง บริษัทถนัดวัสดุโดยเฉพาะ ทำให้สามารถเป็นบริษัทที่ปรึกษาได้ครบวงจร อนาคตต้องดูว่าเราจะเสริมให้ดีขึ้นได้อย่างไร
 

ระยะยาว เราเน้นการพัฒนาอสังหาฯ แต่จะเป็นสเกลเล็ก ๆ ของโครงการใหญ่ มองเป็นแผน 3-5 ปีหน้า วันนี้เราเริ่มจากสร้างแบรนด์-สร้างทีม
 

เรื่องแรกของ MQDC China ต้องเริ่มจากขายของให้คนที่โน่น สร้างการรับรู้แบรนด์ไปด้วย จากนั้นแสวงหาโอกาสในการลงทุนทรัพย์สินที่นั่นในเบื้องต้น ยังไม่ใช่การพัฒนาอสังหาฯซะทีเดียว
 

ในประเทศตอนนี้ยังมีอีก 3-4 โครงการ น่าจะประกาศแผนลงทุนภายในไตรมาส 3-4/60 มีทั้งโครงการในกรุงเทพฯและพัทยา เฉลี่ยโครงการตั้งแต่ 3 พันล้าน-หลายหมื่นล้านบาท
 

- มีดีลซื้อกิจการไหม
 

มีคนเสนอมาแล้วแต่ผมบอกให้ทำฟีสฯ (ศึกษาความเป็นไปได้ธุรกิจ) ให้ดี เป็นโครงการคอมเมอร์เชียลเพื่อให้มีกระแสเงินสด
 

- เป้ารายได้ปีนี้
 

20,000 ล้านบาท เติบโต 40-50% เพราะมีโครงการเริ่มส่งมอบจำนวนมาก วิธีการดูแลลูกค้าไม่ใช่แค่ปีเดียว แต่ดูแลระยะยาวมาก นอกจากนี้มีงบฯจัดตั้งกองทุนดูแลลูกบ้านในระยะยาวพนักงานประมาณ 500 คน เติบโตเร็วมาก รูปแบบพัฒนาโครงการมีรีเทลออฟฟิศ เช่น ยูโฮเทล เขาใหญ่ สวยมาก พอร์ตคอมเมอร์เชียลที่พัทยาก็เป็นส่วนหนึ่ง เฟรนช์คันทรี่เหลืออีก 1-2 หลัง
 

ถามว่าสนใจที่ดินเช่าไหม...ที่ดินแปลงราชดำริก็ที่ดินเช่า ต้องบอกตรง ๆ ว่าเหนื่อยเวลาขายกับลูกค้า แต่จะมีกลุ่มสนใจซื้อเงินสดเพื่อลงทุน ส่วนโครงการมิกซ์ยูสทำได้ก็จริง แต่ complicate มาก
 

- ทำรับเหมาด้วยไหม
 

ไม่ทำดีกว่า ในอดีตเคยทำรับเหมาก่อสร้างเอง ภายใต้ DTGO เพราะถือว่าคู่ค้าผู้รับเหมาเราแฮปปี้ด้วย
 

- อยากแตกไลน์ทำอะไรอีก
 

มีแล้วครับแต่พูดไม่ได้ ถูกก๊อบปี้ทันที ภายใต้ไตรมาส 3/60 ถ้ารู้แล้วทุกคนจะร้องว้าว บริษัทนี้คิดนอกกรอบสนุกมาก
ตอนนี้คุณบีวางแผนล่วงหน้า 40 ปีแล้ว (ว้าว)

ขอบคุณภาพและข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1491378899