News
icon share

ธอส.-ออมสิน-เกียรตินาคิน แชร์เทคนิคยื่นกู้ซื้อบ้าน-คอนโด

LivingInsider Report 2017-04-11 14:29:48
ธอส.-ออมสิน-เกียรตินาคิน แชร์เทคนิคยื่นกู้ซื้อบ้าน-คอนโด

 

 

เก็บตกงานสัมมนาประจำปีธนาคารเกียรตินาคิน หรือ KK จัดสัมมนาประจำปี หัวข้อ "ปรับตัวอย่างไร ในวันที่อนุมัติสินเชื่อไม่ใช่เรื่องง่าย"



โดยมีวิทยากรรับเชิญจาก 2 แบงก์รัฐ ได้แก่"ไลวรรณ ปองเสงี่ยม" รองกรรมการผู้จัดการกลุ่มงานสินเชื่อ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กับ "วิภาภรณ์ ชัยรัตน์" รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารงานเสี่ยง ธนาคารออมสิน
 


วิทยากรอีกรายมาจากเจ้าภาพ "ภัทรพงศ์ รักตะบุตร" รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ประธานสายช่องทางการตลาดและพัฒนาฐานลูกค้าของ KKP สรุปสาระสำคัญดังนี้
 


ลูกค้าหลัก ธอส. 2-3 ล้าน
 


เริ่มจากตัวแทน ธอส. "ไลวรรณ" เปิดประเด็นการเสวนาด้วยข้อมูลปี 2559 ธอส.ปล่อยสินเชื่อรวม 1.68 แสนล้านบาท ปีนี้วางเป้าเติบโต 6% อยู่ที่ 1.78 แสนล้านบาท
 


"ธอส.อยู่ในตลาด 63 ปี ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้อย่างเดียว ถ้าลูกค้ามีความสามารถในการกู้เราไม่ปฏิเสธสินเชื่อแน่นอน"
 


คำถามคือ ทำไมยอดปฏิเสธสินเชื่อหรือรีเจ็กต์เรตจึงได้สูงถึง 40-50% มีคำชี้แจงว่า การพิจารณาสินเชื่อปกติพิจารณาความสามารถผู้กู้เป็นหลัก โดยมีความยืดหยุ่นของรายได้ผู้กู้
 


ดูจากไม่เกิน 1 ใน 3 ของรายได้หรือ 33% บางกลุ่มอาจขยับไปถึง 50-80% ขึ้นกับความมั่นคงของรายได้ และช่องทางการชำระหนี้ เช่น สินเชื่อสวัสดิการ หักค่างวดจากเงินเดือน ทำให้มีความเสี่ยงต่ำในการชำระเงินกู้
 


ด้านอาชีพก็เป็นปัจจัยสำคัญ มนุษย์เงินเดือนรายได้มั่นคงแน่นอนถ้าไม่ตกงาน แต่ละปีเงินเดือนจะเพิ่มอย่างน้อย 5% ขณะที่อาชีพอิสระ ผู้ประกอบการรายย่อย เอสเอ็มอี ต้องดูแคชโฟลว์หรือกระแสเงินสด ความสม่ำเสมอของรายได้ที่เข้ามา กับอยู่ในธุรกิจที่มีความเสี่ยงหรือเปล่า
 


ปัจจุบันสินเชื่อเฉลี่ยรายละ 2-3 ล้านบาทเพราะราคาบ้านปรับแพงขึ้น โดยนโยบายจากรัฐบาลต้องการให้ปล่อยกู้ต่ำกว่านี้ แต่จะเห็นว่าสินค้าบ้านและคอนโดมิเนียมกลุ่มใหญ่ภาคอสังหาริมทรัพย์ราคาต่ำล้านก็น้อยลงแล้ว
 


เมื่อขอให้แนะนำผู้บริโภคในการเลือกแพ็กเกจสินเชื่อตอนนี้ผู้ประกอบการกับแบงก์ต้องช่วยกันแนะนำให้ลูกค้าเลือกตามกำลังความสามารถของเขา อย่าเกินตัว
 


"การกู้เงินซื้อบ้านอยากให้มองละเอียดและระยะยาว สังเกตว่าช่วงแรก ๆ ดอกเบี้ยโปรโมชั่น 0% 3 เดือน ตอนนี้เริ่มกลับมาใช้ MRR (ดอกเบี้ยรายย่อยชั้นดี) ดอกเบี้ยโปรโมชั่นได้ประโยชน์แค่ 3 ปีแรก ระยะต่อไปจะสูงขึ้น"
 


และ "...ในแง่ของแบงก์ ช่วงแรก ๆ แม้ดอกเบี้ยต่ำ แต่การคำนวณงวดผ่อนได้คำนวณทิศทางดอกเบี้ยขึ้นในอนาคตประมาณ 1% เรามองเรื่องป้องกันไม่ให้ลูกค้าเป็น NPL (หนี้เสีย) ถ้าต้องรับภาระดอกเบี้ยขาขึ้น"
 


ออมสินมี "เอ-บี-ซีสกอร์"
 


สำหรับธนาคารออมสิน "วิภาภรณ์" กล่าวว่า ปี 2559 ปล่อยสินเชื่อ 12.7% ของทั้งตลาด มีแผนรักษาสัดส่วนตลาด และมีอัตราเติบโตอยู่อีก
 


การปล่อยสินเชื่อต้องดูประวัติการเป็นหนี้ในอดีตที่ผ่านมา ไม่มีการผิดนัดชำระหนี้ เช็กเครดิตบูโร มีเอสกอร์, บีสกอร์ เรื่องพฤติกรรม ตอนนี้กำลังพัฒนาซีสกอร์เพิ่มขึ้นมา
 


"เอสกอร์ คือการวิเคราะห์เบื้องต้นว่ารูปร่างหน้าตาเป็นยังไง รายได้ การสมรส มีบุตรกี่คน (ดูภาระค่าใช้จ่าย), บีสกอร์ ดูพฤติกรรม มีการผ่อนชำระสม่ำเสมอไหม ค้างกี่งวดมาก่อน ส่วนซีสกอร์ หรือคอลเล็กชั่นสกอร์ ช่วยในการวิเคราะห์และเก็บหนี้ มีผลต่อการเพิ่มยอดให้กับลูกค้าที่มีประวัติดี การพิจารณาสินเชื่อจะง่ายขึ้น"
 


เกณฑ์การประเมินสินเชื่อดูที่มาของรายได้ มีความมั่นคงในอาชีพ รายได้สม่ำเสมอเป็นปัจจัยสำคัญ และเงินงวดผ่อนชำระมีความสามารถด้วย อยู่ที่ 70 : 30 บางรายอาจได้มากถึง 80%
 


คำถามหลักกรณีแบงก์ออมสิน มีเสียงสะท้อนจากอาชีพอิสระ กิจการรถเข็น กู้ได้ไหม
 


"เรามีลูกค้ากลุ่มนี้เยอะ ให้สาขาไปคอนแท็กต์ว่าเป็นพ่อค้าแม่ค้าตามตลาดสด ไปทำบัญชี สเตตเมนต์ช่วย ดูรายได้ว่ามีความสามารถขนาดไหน ขายของประเภทนี้มีกำไรสุทธิกี่เปอร์เซ็นต์ เพราะรายได้รับเงินสดเป็นรายได้รวม เรามีโปรแกรมคำนวณให้ เราจะให้ฝากสม่ำเสมอ 6 เดือน ดูสภาพคล่อง ดูกระแสเงินสดว่ามีเพียงพอจ่ายหนี้เราได้ไหม"
 


เฉลี่ยยอดปล่อยกู้กลุ่มนี้ 2-3 ล้านบาท มีจำนวน 1,200 สาขาทั่วประเทศ สามารถรองรับลูกค้าต่างจังหวัดได้เป็นอย่างดี
 


คำแนะนำหากต้องการมากู้ออมสิน ลูกค้ารายย่อยถ้าเตรียมตัวมากู้อยากให้เดินสเตตเมนต์สัก 6 เดือนก่อนมากู้ ดูวงเงินเหมาะสมขนาดไหนในการกู้ ดอกเบี้ยดูฟิกซ์ 3 ปีให้ก่อนรองรับการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต เพราะเป็นกฎของแบงก์ชาติด้วย
 


"ถ้ารีไฟแนนซ์ภายใน 3 ปีมีค่าปรับได้ แต่หลังจากนั้นไม่มีค่าใช้จ่าย เราก็ให้คำแนะนำว่าถ้าดอกเบี้ยจะขึ้น เราบอกลูกค้าทำฟิกซ์เรตก่อนดีกว่าไหม สัก 1% ที่คำนวณให้เงินงวดผ่อนเท่าเดิม หรือผ่อนเร็วขึ้นเพราะกำหนดไว้เผื่อแล้ว อีกเรื่องคือการซื้อประกันความเสี่ยงสินเชื่อ มองว่าเป็นทางเลือกในการช่วยลูกค้าได้
 


สำหรับ KK ดูเหมือนจะมีเรื่องใหม่เกิดขึ้น "ภัทรพงศ์" กล่าวว่า เริ่มทำสินเชื่อรายย่อยหรือโพสต์ไฟแนนซ์ เซตอัพทีมเป็นรูปเป็นร่างเมื่อปลายปีที่แล้ว พนักงาน 100 คน
 


"การต่อสู้กับแบงก์ใหญ่ เราไม่สู้กับ ธอส.-ออมสิน ในแง่ผลิตภัณฑ์กับนโยบายสินเชื่อไม่ได้แตกต่างกันมาก อยู่ที่การบริหารความเสี่ยงของแต่ละธนาคาร จะเจอว่ามีเราไม่ปล่อยแบงก์อื่นปล่อย แบงก์อื่นไม่ปล่อยแต่เราปล่อย"
 


จุดเน้น คือ ขั้นแรกดูวัตถุประสงค์การซื้อบ้าน เช่น ซื้อเพื่ออยู่เอง ไม่ใช่หลังที่ 4-5-6 น้ำหนักชัดเจนแล้ว ยังไม่ได้ใช้สกอริ่ง ใช้แค่ดึงเครดิตบูโรมาดู เตรียมพัฒนาเอสสกอร์
 


ขั้น 2 ดูประวัติและความตั้งใจการผ่อนชำระ จากนั้นดูความสามารถในการผ่อนชำระ กลุ่มเป้าหมายโพสต์ไฟแนนซ์ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าต้องกี่ล้านขึ้นไป แต่เท่าที่ทำมาเกือบ 1 ปีภาพรวมปล่อยสินเชื่อ 2-3 ล้านบาท จนถึงรายละ 20-30 ล้านบาท สินเชื่อเฉลี่ย 4-5 ล้านบาท ขณะที่เงินกู้ 1 ล้านกว่ายังไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่
 


สำหรับข้อแนะนำลูกค้า มองว่าตลาดตอนนี้เป็นทางเลือกลูกค้าและโครงการ สิ่งแรกเลยอยากให้ทำความเข้าใจนโยบายสินเชื่อและผลิตภัณฑ์ของแต่ละธนาคาร คุยแป๊บเดียวจะรู้เลยว่าสามารถยื่นกู้ที่ไหน (แบงก์ไหน) ได้ง่ายกว่า สะดวกกว่า เพราะมีความแตกต่างของแต่ละสถาบันการเงิน
 


ลูกค้าตอนนี้ส่วนใหญ่ดูแค่เฉลี่ย 3 ปีเป็นหลัก จากนั้นกะรีไฟแนนซ์ แต่อยากให้ดูไกล ๆ เพราะ MRR, MLR แต่ละแบงก์แตกต่างกัน บวก 6-7% อยู่แบงก์เดิมค่าใช้จ่ายรีไฟแนนซ์ยังดีกว่าอีก โดยเป้าสินเชื่อไม่กล้าพูดหลักแสนล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้า 5,000 ล้านบาท โต 5 เท่าจากปีที่แล้ว
 


ไม่เกิน 5 วันรู้ผล
 


คำถามน่าสนใจคือเวลายื่นขอสินเชื่อหรือพรีแอปพรูฟใช้เวลานานแค่ไหน
 


ธอส.บอกว่าทำได้ที่โครงการเพราะมีเจ้าหน้าที่สินเชื่อของแบงก์พรีแอปพรูฟจากเอกสารวิเคราะห์ได้เบื้องต้น ตัวแปรคือราคาประเมินหลักประกัน ปกติถ้าซื้อบ้านจากโครงการจัดสรร ราคาบ้านได้มาตรฐานอยู่แล้ว จะปล่อยสินเชื่อตามราคาซื้อขายเลย
 


กรณีต้องกลับมาเช็กเครดิตบูโร ถ้าเช็กแล้วประกอบการพิจารณาได้เลย ปกติแจ้งลูกค้าไม่เกิน 5 วันในกลุ่มลูกค้าอาชีพประจำ แต่ถ้าอาชีพอิสระต้องดูสถานที่ประกอบการจริง โดยการอนุมัติสินเชื่อมีเซ็นเตอร์อยู่ที่สำนักงานใหญ่ พระราม 9
 


"เครดิตบูโรที่บันทึกประวัติ 3 ปี ถ้ามีการผิดนัดชำระหนี้ในนั้นแล้วเราจะปล่อยไม่ได้ ก็ต้องดูเคสไหน ถ้าเคสนั้นถูกดำเนินการทางกฎหมาย (มีคดีฟ้องร้อง) เราไม่ปล่อยสินเชื่อ แต่ถ้าอยู่ในขั้นประนอมหนี้แล้ว ปิดหนี้เก่าแล้วเราจะให้สินเชื่อ อาจมีเงื่อนไขว่าปิดหนี้เดิม 3-6 เดือนก่อนมาหาเรา"
 


สำหรับนโยบายรัฐบาลที่ออกมากระตุ้นอสังหาฯ มาตรการที่ได้ผลทำให้คนขอกู้มากที่สุดหนีไม่พ้นการลดหย่อนค่าโอนและจดจำนอง
 


ขณะที่แบงก์ออมสินระบุว่าการอนุมัติสินเชื่อตั้งเป้าภายใน5 วัน ตอนนี้กำลังตั้งศูนย์อนุมัติสินเชื่อรายย่อยเพื่ออนุมัติอย่างเดียวเลย ลดภาระการทำหน้าที่สาขา เพราะมีงานด้านอื่นทั้งสินเชื่อรายย่อย เอสเอ็มอี ตามหนี้ เงินฝาก มีงานหลายด้านมาก ปีนี้จะตั้งให้ครบทุกภูมิภาค
 


สำหรับมาตรการกระตุ้นอสังหาฯของรัฐบาล ได้ผลมากที่สุดเรื่องลดหย่อนค่าโอนและจดจำนอง อีกโครงการคือบ้านประชารัฐสำหรับผู้มีรายได้น้อย
 


สุดท้าย KK บอกว่า ถ้ามีเอกสารพร้อม ถ้าเจ้าหน้าที่เรากลับมายื่นให้สำนักงานใหญ่ก่อนบ่าย 3 พรุ่งนี้รู้ผลทันทีสำหรับมนุษย์เงินเดือน แต่ต้องรอประเมินราคาอสังหาฯด้วย ใช้เวลา 2-3 วัน ถ้าอาชีพอิสระ 3-4 วันเพราะต้องไปดูของจริงด้วย
 


การใช้เครดิตบูโร บางโปรดักต์ดู 1-2 ปี บางครั้ง 6 เดือน ดูว่ามีกี่ครั้ง ถ้าเจอหนี้เสีย 3-4 ครั้งก็จะตัดไปเลย
 

 

ขอบคุณภาพและข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ

 

 

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1491800802

 

 

 

>> ช่องทางในการติดตามข่าวสาร <<
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @livinginsider ที่นี่

บทความอื่นๆ

livinginsider livinginsider