News
icon share

พรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ ต่างจังหวัดต้องร่วมมือพัฒนาเมืองตัวเอง

LivingInsider Report 2017-04-18 14:29:05
พรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ ต่างจังหวัดต้องร่วมมือพัฒนาเมืองตัวเอง

 

 

กระแสข่าวการจัดตั้งบรรษัทพัฒนาเมืองของนักธุรกิจท้องถิ่น สะท้อนภาพลักษณ์ภูมิภาคนิยมเริ่มก่อตัวอย่างมีนัยสำคัญ "ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์หนึ่งในคีย์แมนที่อยู่เบื้องหลังการยกระดับดีเวลอปเปอร์ประจำจังหวัด "พี่ทุย-พรนริศ ชวนไชยสิทธิ์" นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย แชร์มุมมองและความมุ่งหวังในอนาคต


- ภารกิจหลัก


ต้องเรียนว่า วงการอสังหาริมทรัพย์มี 3 สมาคมหลัก สำหรับสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยเราดูภาพทั่ว ๆ ไปของประเทศด้วย มีพันธมิตรเพิ่มในภูมิภาค ต้องทำให้แข็งแรงเพื่อดูแลจังหวัดของเขาเอง ไปชักชวนช่วยเหลือในการรวมตัวของนักธุรกิจจังหวัด ซึ่งในต่างจังหวัด คนที่ทำอสังหาฯไม่ได้ทำอย่างเดียว ทำหลายอย่างแต่เป็นนักธุรกิจชั้นนำ


พอรวมตัวกันได้ เราพยายามชักนำ ชักจูงให้พัฒนามากกว่าตัวธุรกิจ คือไปพัฒนาเมืองเขาเอง หลายจังหวัดเวลามีปัญหาผังเมือง ไม่มีตัวแทนภาคธุรกิจเข้าไป ส่วนใหญ่เข้าไปถามหอการค้า สภาอุตสาหกรรมจังหวัด ซึ่งชำนาญเรื่องของเขา ทำให้ผู้ชำนาญในด้านโครงการพัฒนาที่ดินที่อยู่กับการพัฒนาเมืองไม่มีตัวตน โดยเฉพาะจังหวัดที่จีดีพีสำคัญอย่างชลบุรี ถูกนำด้วยภาคอุตสาหกรรม ท้องถิ่นจะฟังภาคอุตฯมากกว่า ในทางปฏิบัติ โรงงานกับบ้านเป็นคู่กัดกัน ปัญหาน้ำเน่า ควันพิษ รถเทรลเลอร์ มันไม่ถูกกับเรื่องที่อยู่ ผังเมืองพอไม่ชัดเจนขึ้นมา ก็เกิดปัญหาตัวอย่าง สระบุรี ที่เศรษฐกิจมีอุตสาหกรรมเป็นตัวนำ ผังเมืองรอบ ๆ สีเขียวหมด ทำที่อยู่อาศัยไม่ได้ จนผู้มีรายได้น้อยต้องไปอยู่ไกล ๆ แทนที่จะมีที่อยู่อาศัยรองรับ ขณะเดียวกันในนิคมอุตสาหกรรมก็ไม่ดิ้นรนสร้างที่อยู่อาศัย แต่ถ้าวางแผนไปด้วยกันจะสามารถกำหนดให้มีทฤษฎีการอยู่อาศัยให้สอดคล้อง วางแผนอินฟราสตรักเจอร์ได้สอดคล้อง เหมือนกรุงเทพฯ แหล่งงานกับบ้านอยู่ไกลกัน พอเมืองโตเกิดปัญหารถติดเลย


สมาคมทำมา 4 ปีแล้ว ในความพยายามให้ต่างจังหวัดรวมตัวเป็นสมาคมอสังหาริมทรัพย์ขึ้นมา เป้าหมายผลักดันให้รวมเป็นกลุ่มเพื่อเข้าไปมีปากมีเสียงเรื่องผังเมืองด้วยตัวเอง นโยบายในการพัฒนาเมืองด้วย พอหน่วยราชการเขาเห็นว่าเอกชนรวมตัวเหนียวแน่น เป็นกลุ่มใหญ่ มักจะแต่งตั้งหรือให้เป็นกรรมการภาคประชารัฐ ประชาชน รัฐบาล ขาดขาสุดท้ายคือธุรกิจ เวลาเรียกหาตัวมีแต่อุตสาหกรรมหรือพาณิชย์ (หอการค้า) ตอนนี้ครบขา


- คืบหน้าถึงไหนแล้ว


ตอนนี้ทำได้แล้ว 14 จังหวัด บางจังหวัดยังตั้งสมาคมไม่ได้ เพราะจำนวนผู้ประกอบการน้อย จำนวนยูนิตในผังโครงการไม่เยอะ ซึ่งการตั้งเป็นสมาคมต้องเข้าใจว่าต้องประกอบด้วยหลาย ๆ สมาชิก แต่บางจังหวัดมี 5-6 ราย จะตั้งยังไง 


ประเด็นแบบนี้กำลังดูจะทำเป็นคลัสเตอร์กับจังหวัดข้างเคียงได้ไหม แต่ไม่ง่าย เช่น บางจังหวัดใหญ่แต่ไม่รู้จะคลัสเตอร์ยังไง เช่น อุบลฯ ไม่ค่อยมีบ้านจัดสรร, มุกดาหารไปโตฝั่งลาวที่เมืองสะหวันนะเขต ทำให้มุกดาหารเหมือนเป็นเมืองผ่านภาคใต้มีสงขลา ภูเก็ต สุราษฎร์ฯ ในประจวบฯยังหาตัวไม่เจอ (แม้อสังหาฯ บูมมากที่หัวหิน-ชะอำ) ไล่ขึ้นมาที่ชลบุรี ระยอง โคราช ขอนแก่น อุดรฯ พิษณุโลก เชียงใหม่ นนทบุรี สมุทรสาคร ล่าสุดจังหวัดสระบุรีกำลังจะรวมตัวตั้งเป็นชมรม


- ภาคเหนือมีเชียงใหม่ที่เดียว


ใช่ครับ ในเชียงรายก็ไม่เยอะ พอถัดลงมาจากเชียงใหม่ก็ไปพิษณุโลกเลย กำลังดูจังหวัดตากเพราะไปโตในเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาล เพราะถ้าบอกว่า อสังหาฯคือหมู่บ้านจัดสรร บางจังหวัดยอมรับว่ามีไม่มาก แต่ถ้าพูดถึงมีนิคมอุตสาหกรรมไปอยู่ก็ต้องมองอีกภาพหนึ่ง เมื่อตั้งได้แล้ว นำไปสู่การรวมตัวตั้งบรรรษัทพัฒนาเมือง ใช้ผู้ประกอบการท้องถิ่นเป็นตัวหลัก ทำให้สมาคมหรือชมรมอสังหาฯ ต่างจังหวัดภาพอาจซ้อน ๆ กันอยู่ ผมมองว่าบรรษัทพัฒนาเมืองไม่ควรจำกัดวงเฉพาะนักธุรกิจอสังหาฯ แต่ต้องการผู้มีส่วนร่วม สถาบันศึกษาเข้ามาช่วยกัน 


- จุดเน้นคืออะไร


สมาคม-ชมรมอสังหาฯต่างจังหวัด บรรษัทพัฒนาเมือง ทั้งหมดนี้จะไปสู่การจัดทำผังเมืองให้สอดคล้องกับการทำธุรกิจ อย่างน้อยให้มีส่วนร่วมในการจัดทำแนวพัฒนาจังหวัดให้สอดคล้องกับการทำธุรกิจหรือภาคอสังหาฯ 

 


- สภาพปัญหาปัจจุบัน


หลายจังหวัดใช้ผังเมืองเดิม หลายแห่งไม่ได้จัดทำจากความต้องการท้องถิ่น ใช้นักวิชาการมาคุมกำเนิดการเติบโตผังเมือง แต่รอบใหม่การคุมการโตของเมืองไม่ได้โตอย่างที่เขาคิด ขณะที่การต่ออายุจะยึดของเดิม พูดง่าย ๆ จะให้เก่งคณิตแต่ให้เรียนวิทยาศาสตร์ มันโตไม่ตรงสาขาความชำนาญไง


ภาคเอกชนมองผังเมืองโตแบบนี้ สมัยก่อนใช้วิธีพับลิกเฮียริ่งหรือประชาพิจารณ์ คุณเป็นตัวแทนภาคเอกชนแต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง คุณออกไป บางทีบอกว่า ผมมีที่ดินตรงนี้ เป็นผู้มีส่วนได้เสีย ให้อยู่นอกห้อง กับประเด็นที่รัฐบาลบอกให้จบ ๆ ต้องจบ อะไรที่เป็นปัญหาให้อยู่นอกห้อง 


นอกจากนี้หลายจังหวัดรถติด วิธีแก้คือทำถนนอ้อมเมือง วงแหวน เช่น เชียงใหม่ตอนนี้มีวงแหวน 3 วง รัฐหรือกรมโยธาฯมองว่าแก้ปัญหาให้แล้ว แต่ผ่านไป 5-10 ปี ปัญหารถแน่นเหมือนในเมือง ขณะที่มีถนนซ้ายขวาซิกแซ็กจนมีการเติบโตของอสังหาฯล้อมรอบ


แต่เวลาทำผังเมืองรอบใหม่ ใช้ถนนหลัก ถนนอ้อมเมือง ซ้ายขวาต้องเป็นพื้นที่สีเขียว คอนเซ็ปต์เดิมทั้งที่ไม่ใช่แล้ว จะเพิ่มถนนวงแหวนอีกวงก็ไม่ใช่ ตอนนี้ถึงมาดูว่าจะทำรถรางเมือง ทาง สนข. (กระทรวงคมนาคม) กำลังศึกษา เขาดูพร้อมกันในหัวเมืองใหญ่ โคราช พิษณุโลก ระยอง เชียงใหม่ ภูเก็ต ซึ่งภูเก็ตจะออกก่อน นั่นคือ 5 จังหวัดนี้แก้ปัญหาโดยใช้แมสทรานสิตมาแก้ ไม่ใช่ใช้ถนนมาแก้แบบเดิม แบบนี้เปลี่ยนเมือง เปลี่ยนการพัฒนอสังหาฯไปเลย


เวลาทำถนน ผังเมืองระบายสีเขียวซ้ายขวาเพราะไม่อยากให้มีอะไรมาเจาะออก แต่ถ้าระบบรางอยากให้ซ้ายขวามีคนเยอะ ๆ ระบบกลับหัว ฉะนั้นการพัฒนาเมืองจะเปลี่ยนสิ้นเชิง สมมติ เมืองพิษณุโลก ถ้าเอกชนไม่สอดรับที่จะป้อนคนเข้าระบบราง (เมือง) เจ๊งครับ แต่ถ้ามีคนรวมตัวกัน พัฒนาให้สอดคล้อง เมืองจะเติบโตอย่างมีหลักการ นั่นคือถ้าไม่มีเอกชนกลุ่มไหนมารวมตัว ระบบรางมาแล้วจะไปเชียร์ใครให้มาทำ


- แนะนำอสังหาฯต่างจังหวัด


อยากให้นักธุรกิจท้องถิ่นร่วมมือกันจัดตั้งสมาคมหรือชมรมอสังหาฯ หรือถ้าในจังหวัดตัวเองมีสมาคมก็ไปเป็นสมาชิกซะ พลังที่จะเปลี่ยนแปลงหรือสร้างสรรค์การพัฒนาเมืองเป็นของพวกท่านทุกคน วันนี้ถ้าไม่ช่วยตัวเองอาจจะลำบากในวันข้างหน้า

 

 

ขอบคุณภาพและข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ

 

 

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1492412400

 

 

>> ช่องทางในการติดตามข่าวสาร <<
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @livinginsider ที่นี่

บทความอื่นๆ

livinginsider livinginsider