รายการโปรด
นายพรชัย เลิศอนันต์โชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (V Property) ซึ่งมีผลงานการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับ Luxury อาทิ H Sukhumvit 43 และ VTARA36 “Top of Low Rise Condominium at The Heart of Thonglor” กล่าววิเคราะห์สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า อนาคตคอนโดฯระดับ Luxury ที่จะสร้างขึ้นใหม่ส่วนมากจะอยู่ในทำเลใจกลางเมือง เช่น เพลินจิต, ชิดลม, หลังสวน, ทองหล่อ, สุขุมวิท 39-49 โดยจะมีการปรับราคาสูงขึ้นเฉลี่ย 15% ทั้งนี้โครงการ Luxury ใหม่ๆที่เปิดในย่านใจกลางเมืองปีนี้ราคาเฉลี่ยสูงกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตร สืบเนื่องจากต้นทุนที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกๆทำเล ต้นทุนการพัฒนาโครงการและโสหุ้ยอื่นๆยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเชื่อมโยงไปถึงเขตพื้นที่ต่อเนื่องที่มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ได้แก่ ดินแดง พหลโยธิน พระโขนง และ ประชาชื่น ในขณะที่โครงการทำเลกรุงเทพฯชั้นนอกราคาปรับขึ้นที่ประมาณ 8 %
นายพรชัย กล่าวถึงประเด็นน่าสนใจเกี่ยวกับการจูงจกลุ่มนักลงทุน “เรื่องของ Rental Yield และ Capital Gain เมื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบจากข้อมูลตลาดบวกกับแผนยุทธศาสตร์ของ V Property แล้ว ผู้ลงทุนทุกท่านจะต้องได้กำไรจากการลงทุนอย่างแน่นอน ลูกค้า VTARA 36 มั่นใจได้เลยว่าราคาห้องชุดจะต้องสูงขึ้นกว่าปัจจุบัน และยังมีการการันตี Yield 10% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของตลาดซึ่งปัจจุบันอยู่เพียงแค่ 2-3% เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นคอนโดในซอยสุขุมวิท 36 ที่เป็นทำเลที่ตั้งของ VTARA36 นั้น ปัจจุบันคอนโดที่จะขึ้นใหม่ในปี 2560 และอนาคตอันใกล้ล้วนมีราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรมากกว่า 200,000 บาท บางโครงการมีข่าวว่ามีแนวโน้มสูงถึง 300,000 บาทต่อตารางเมตร ทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ลูกค้าที่ซื้อ VTARA36 สามารถทำกำไรได้ทันที หรือมี Capital Gain ที่ค่อนข้างสูง”
นายพรชัยกล่าวถึงผลประกอบการไตรมาส 1/2560 ว่าบริษัท V Property ทำได้เกินเป้าที่วางไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง VTARA36 ที่ได้รับการตอบรับที่ดีมาก จนถึงขณะนี้มียอดจองมากกว่า 95 % และได้ประกาศแผนกลยุทธ์เพื่อชิง Market Share หรือชิงเค้กคอนโดฯระดับ Luxury ประกอบด้วย 3 หมากรบ ดังนี้
หมากที่ 1 : ตั้งเป้ารายได้แตะ 5,000 ลบ. และ เข้าตลาดฯไม่เกิน ปี 2562
กำหนดยุทธศาสตร์เน้นพัฒนาโครงการแนวสูง บริเวณรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือ สายสุขุมวิทเป็นหลัก เป้าหมายรายได้แตะ 5,000 ล้านบาทก่อนปี 2563 พร้อมทั้งตั้งเป้านำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2562 เพื่อนำเงินที่ระดมเงินทุนไปขยายธุรกิจรองรับการเติบโตในอนาคต โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมตามกฏการดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการจะนำธุรกิจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เชื่อว่าจะสามารถสร้างความแข็งแกร่ง ความมั่นคงและความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจและองค์กรได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้กับธุรกิจของ V Property มากขึ้นจากเดิม
หมากที่ 2: ท้าชนยักษ์อสังหาฯ ชิง Segment ระดับ Luxury
นายพรชัยกล่าวถึงการแข่งขันในตลาดอสังหาฯที่มีความเข้มข้นว่า “แม้ว่าผู้ประกอบการรายใหญ่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่รถไฟฟ้าสายสุขุมวิทจำนวนมาก แต่บริษัทมีความได้เปรียบ ด้านมีการกำหนดราคาคอนโดฯที่สมเหตุสมผล หรือ ที่เรียกว่า “Good Investment” โดยมองว่าราคาที่ดินในเมืองโดยเฉพาะสุขุมวิทและทองหล่ออย่างไรก็ต้องมีการปรับขึ้น เพราะ Supply น้อยกว่า Demand และด้วยราคาที่ดินที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ราคาโครงการใหม่ต้องถูกกำหนดราคาที่สูงตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“รายงานวิจัยตลาดอสังหาฯ พบว่าราคาโครงการระดับ Luxury ใจกลางเมืองมีราคาสูงขึ้นที่ประมาณ 200,000 บาทต่อตารางเมตร ถ้านักลงทุนต้องการจะซื้อเพื่อปล่อยเช่าจะได้ Yield อยู่ไม่เกิน 3-4% เท่านั้น ซึ่งยังไม่นับรวมค่าส่วนกลางรายปีที่ต้องจ่าย ในส่วนของ Capital Gain ผมมองว่านักลงทุนกลุ่มนี้จะต้องมองการลงทุนระยะยาวมากกว่า 2 ปี ขึ้นไปเพื่อรอให้ราคาที่ดินและราคาตลาดคอนโดฯปรับตัวขึ้นไปก่อน จึงสามารถปล่อยขายทำกำไรได้ โดย VTARA36 และโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้อีก 2 โครงการจะต้องตอบโจทย์ดังกล่าว”
CEO แห่ง V Property กล่าวเสริมว่า “เรามี Competitive Advantage ที่กลยุทธ์การมองหาทำเลของ V Property มุ่งเน้นเสาะหาเฉพาะทำเลดีถึงดีมากแต่ราคาที่ดินต้อง Reasonable Price จึงเป็นเหตุผลให้สามารถกำหนดรูปแบบโครงการออกมาในระดับ Luxury แต่ราคาต่ำกว่าราคาตลาดในประเภทสินค้าระดับเดียวกันได้ ด้วยเหตุนี้ลูกค้าของ V Property จะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าตลาดอยู่แล้ว โดยไม่ว่าจะซื้อคอนโด VTARA36 หรือ โครงการใดในเครือ V Property เพื่อการปล่อยเช่าหรือเพื่อขายในระยะยาวก็ล้วนแต่จะกำไรสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดอย่างแน่นอน นอกจากนั้น V Property ยังมีพันธมิตรที่เป็นบริษัทชั้นนำช่วยหาผู้เช่าชาวญี่ปุ่นที่ถือเป็นผู้เช่าชั้นดี อีกทั้งยังมีบริการช่วยขายห้องชุดอีกด้วย”
โดยจุดเด่นของ V Property คือ สามารถดูแลลูกค้าได้อย่างทั่วถึง เนื่องจากจะบริการแค่ลูกค้าภายใน (Exclusive Service) ไม่ได้รับบริการคนภายนอก เหมือน Agent หรือบริษัทอื่นๆ ซึ่งจะทำให้การดูแลไม่ทั่วถึง โดยทั้งหมดนี้เริ่มต้นมาจากแนวคิดที่ต้องการให้ลูกค้าทุกคนเป็น V-VIP หรือ V Property – Very Important Person ซึ่งหมายถึง V Care 360 องศา ถือเป็นข้อได้เปรียบของ V Property ที่ใช้แข่งกับยักษ์อสังหาฯรายอื่น
หมากที่ 3: เสริมแลนด์แบงก์สุดเจ๋ง + เสริมขุนพลฝีมือฉมัง
“บริษัทเตรียมงัดแลนด์แบงก์บนทำเลเพชรและทำเลทองจำนวน 2 ผืนมาพัฒนา โดยผืนแรก-ทำเลเพชร เทียบได้ว่าเป็นผืนสุดท้ายบนทำเลย่านสุขุมวิทตอนกลาง เป็นที่ดินย่านชุมชนยอดนิยมาของชาวไทยและต่างชาติ ทำเลสวยงามชนิดที่ติดบันไดทางขึ้น BTS ส่วนอีกผืนที่เป็นทำเลทอง-อยู่ห่างจาก BTS ไม่กี่นาที อยู่ในย่านยอดนิยมของมนุษย์เงินเดือน ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและกำหนดคอนเซ็ปต์ออกแบบโครงการ”
นายพรชัยกล่าวว่าสุดท้าย คือการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อเตรียมความพร้อม โดยขณะนี้ V Property ได้เสริมขุนพลฝีมือดีด้วยการดึงตัวมาจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทุกตำแหน่งได้สกรีนด้วยตัวเอง เพราะส่วนตัวให้ความสำคัญกับ Corporate Identity เป็นอย่างมาก
เอสบี ดีไซน์สแควร์ ชวนช็อปลดหย่อนภาษี “Easy E-Receipt 2.0” พร้อมจัดแคมเปญดับเบิ้ลคุ้ม 3 ต่อ กระตุ้นการจับจ่ายต้นปี 68
9 ชั่วโมงที่แล้ว
อนันดาฯ ส่งแคมเปญ “I Say YES! อนันดา..ใช่เลย” ขนคอนโด บ้านและทาวน์โฮมพร้อมอยู่ ใกล้รถไฟฟ้า มอบส่วนลดสูงสุด 4 ลบ.* แจกทองสูงสุด 10 บาท*
9 ชั่วโมงที่แล้ว
แอทโมซ ซีซั่น ลาดกระบัง คอนโดสร้างเสร็จใหม่พร้อมอยู่ เริ่ม 1.49 ลบ.* เปิดชมตึกจริงครั้งแรก 18-19 ม.ค.นี้
12 ชั่วโมงที่แล้ว
“สุดารา” คอนโดหรูสไตล์รีสอร์ตใจกลางบางเทา บุกกรุงเทพฯ เตรียมจัดงานพิเศษ กางอินไซด์ตลาดอสังหาฯ ภูเก็ตปี 68
เมื่อวานนี้
D’Well จับมือ MOTIF ร่วมเปิดประสบการณ์การอยู่อาศัยรูปแบบใหม่ ส่งมอบเฟอร์นิเจอร์หรู “Fendi Casa” กับโครงการ “ARNA RAMA9”
เมื่อวานนี้
รีวิววิเคราะห์ได้ดีมากเลยครับ
ดีไซน์เว็บสวยดีค่ะ ดูง่าย ชอบมาก
โดยรวมโอเค พัฒนาต่อไปครับ
อ่านเเล้วอยยากเห็นหน้านักเขียนเลยค่ะ 555555
ขอบคุณบทความที่มีประโยชน์ครับ