สปท.สรุป 3 ข้อเร่งด่วนจี้บิ๊กตู่ตั้งสนง.โลจิสติกส์แห่งชาติให้ทันรัฐบาลนี้

สปท.เสนอนายกฯเร่งตั้ง “สำนักงานโลจิสติกส์แห่งชาติ” ขับเคลื่อนให้ทันรัฐบาลนี้ หวังยกระดับโลจิสติกส์ทั้งระบบ เผยปัจจุบันงานโลจิสติกส์จะกระจายอยู่กับหน่วยงานรัฐไม่น้อยกว่า 16 หน่วยงาน หวั่นไปคนละทางบริหารจัดการยาก

นายสายัณห์ จันทร์วิภาสวงศ์ ประธานคณะทำงานโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.)ได้สรุปข้อเสนอแนวทางในการจัดตั้งสำนักงานโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์แห่งชาติ ถึงระยะเร่งด่วน 3 ข้อก่อนหน้านี้ เพื่อให้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณา ประกอบด้วย 1. เร่งจัดตั้งสำนักงานโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่สปท.มีมติให้จัดตั้งสำนักงานโลจิสติกส์

2.ให้คณะกรรมการพัฒนาระบบบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ(กบส.) ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นสำนักงานเลขาธิการแต่งตั้งอนุกรรมการเพื่อจัดตั้งสำนักงานโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ ซึ่งโดยรูปแบบการาบริหารจัดการ กบส. มีสิทธิ์ที่จะดำเนินการเช่นนั้นได้ โดยสัดส่วนของอนุกรรมการที่เสนอให้แต่งตั้งขึ้นมีผู้แทนระดับสูงจากภาครัฐ60% ผู้แทนภาคเอกชน30% และนักวิชาการหรือผู้ชำนาญการด้านโลจิสติกส์10% ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา กบส.มีการประชุม 1-2 ครั้ง คณะกรรมการที่ประชุมเกือบทั้งหมดเป็นผู้แทนภาคเอกชนเพียง4 องค์กรเท่านั้น 3.ให้คณะอนุกรรมการในกบส. มีหน้าที่ในการร่างข้อเสนอหรือผลักดันให้มีร่างพระราชบัญญัติการจัดตั้งสำนักงานโลจิสติกส์เพื่อเสนอต่อกบส.

"สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)และสภาขับเคลื่อนการปฎิรูปประเทศ(สปท.) และหลายท่านมีการเสนอความเห็นว่าโอกาสและความเหมาะสมที่สุดของการจัดตั้งสำนักงานโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์แห่งชาตินั้น อยู่ในยุคที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพราะต่างก็ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลชุดใหม่จะให้ความสำคัญและความสนใจอย่างจริงจังต่อการพัฒนาโลจิสติกส์ และเกรงว่าหากไม่ดำเนินการเรื่องโลจิสติกส์จะอยู่ภายใต้ กบส. และกระจัดกระจายไปอยู่กับหน่วยงานภาครัฐไม่น้อยกว่า16หน่วยงานรัฐ ก็จะทำให้ระบบโลจิสติกส์ไทยเป็นแบบเดิมๆ"

นายสายัณห์กล่าวอีกว่าการที่มีบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน e-commerce ของจีนจะใช้ประโยชน์จากโลจิสติกส์ ฮับ ของไทยเพื่อรุกอาเซียนนั้น เป็นเรื่องที่ดีในแง่การลงทุนจากต่างประเทศ แต่ก็ต้องระวังในเรื่องการผูกขาดและสินค้าจากต่างชาติจะรุกไปถึงหมูบ้าน พร้อมกับสินค้าโอท้อป ไปรษณีย์ไทย ธุรกิจเอสเอ็มอี บริษัทขนส่งเล็กๆจะล้มหายเหมือนโซวห่วย การให้สิทธิประโยชน์ต่อผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาด้วยความระมัดระวัง

"การที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน e-commerce จากจีนวางตำแหน่งไทยเช่นนั้นก็ถูกต้องแล้ว เพราะไทยได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งของประเทศ เขาเพียงแต่นำเงินและเทคโนโลยี แล้วรวบระบบโลจิสติกส์โดยการ 1.จ้างบริษัทเล็กๆเป็น outsource 2.เพิ่มทุนในบริษัท e-commercem ที่จีนซื้อ หลังจากนั้นทำโลจิสติกส์เองเพื่อเชื่อมต่อกับร้าน convenient store ของไทย ซึ่งมีเป็นหมื่นสาขา ใช้สาขาเหล่านั้นเป็นที่รับส่งสินค้าจากจีนมาไทย ดังนั้นการจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ ไทยจะต้องมีสำนักงานโลจิสติกส์แห่งชาติ ที่จะบูรณาการทุกภาคส่วนในการกำหนดยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ร่วมกัน"

ขอบคุณภาพและข่าวจาก ฐานเศรษฐกิจ

http://www.thansettakij.com/content/186718