News
icon share

เอพี ไทยแลนด์ ประกาศนิวไฮด์ ด้วยยอดขายปี 60 ถึงกว่า 41,000 ล้านบาท

LivingInsider Report 2017-12-19 11:34:56
เอพี ไทยแลนด์ ประกาศนิวไฮด์ ด้วยยอดขายปี 60 ถึงกว่า 41,000 ล้านบาท

‘เอพี ไทยแลนด์’ ประกาศนิวไฮด์ ด้วยยอดขายปี 60 ถึงกว่า 41,000 ล้านบาท นับเป็นสถิติสูงสุดครั้งใหม่ คาดปีหน้าตลาดระดับกลางถึงบนยังแรง

 

บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) สร้างเซอร์ไพรส์ตลาดอสังหาฯ โชว์สถิติใหม่ ด้วยยอดขาย ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2560 ถึง 41,600 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าถึง 85%  และเกินจากเป้าหมายยอดขายเดิมที่ตั้งไว้ 26,000 ล้านบาทถึง 60%  ซึ่งมาจากสินค้าแนวราบที่ขายได้ต่อเนื่อง รวมถึงการปลุกแบรนด์ LIFE CONDO ใน 3 ทำเลเด็ดคือ วิทยุ ลาดพร้าว และอโศก-พระราม 9

 

โดยในปี 2560 บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 25 โครงการ มูลค่ารวม 49,040 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 9 โครงการ มูลค่า 12,350 ล้านบาท ทาวน์โฮม 13 โครงการ มูลค่า 12,590 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่า 24,100 ล้านบาท เผยสูตรสำเร็จพัฒนาอสังหาฯ เชื่อมโยง 4 มิติ โลเคชั่น – สินค้าที่โดนใจผู้บริโภค - การตั้งแพคเกจราคา-ซัพพลายคงเหลือ คาดปีหน้าตลาดระดับกลางและบนยังไปได้ดี สินค้าแนวราบเป็นที่น่าจับตามอง คอนโดต้องเจาะลึกเป็นรายเซกเมนต์

เอพี ไทยแลนด์ ประกาศนิวไฮด์ ด้วยยอดขายปี 60 ถึงกว่า 41,000 ล้านบาทเอพี ไทยแลนด์ ประกาศนิวไฮด์ ด้วยยอดขายปี 60 ถึงกว่า 41,000 ล้านบาทเอพี ไทยแลนด์ ประกาศนิวไฮด์ ด้วยยอดขายปี 60 ถึงกว่า 41,000 ล้านบาท

 

นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในปีนี้ เอพี ไทยแลนด์ประสบความสำเร็จอย่างมากสามารถสร้างยอดขายรวมของสินค้าทั้งกลุ่มคอนโด และแนวราบได้มากถึง 41,600 ล้านบาท นับเป็นสถิติสูงสุดครั้งใหม่ เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมากว่า 85% และเกินจากเป้าหมายยอดขายเดิมที่ตั้งไว้ 26,000 ล้านบาทถึง 60%

 

โดยแบ่งเป็นยอดขายที่เกิดจาก สินค้าแนวราบมูลค่า 14,525 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 27,075 ล้านบาท โดยปัจจัยที่ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดดในปีนี้ นอกจากจะมาจากสินค้าแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีแล้ว ยังมาจากการประสบความสำเร็จในการเปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์ LIFE จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ LIFE วิทยุ LIFE ลาดพร้าว และ LIFE อโศก-พระราม 9  ซึ่งทั้ง 3 โครงการสามารถปิดการขายได้ประมาณ 90%”

 

การเติบโตอย่างก้าวกระโดดในครั้งนี้ สะท้อนภาพความสำเร็จของวิธีคิดในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในแบบของเอพี ที่นำมิติทั้ง 4 ด้านมาเชื่อมโยงกันเพื่อออกแบบโมเดลสินค้าและราคาขายที่เข้าใจและตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้อย่างแม่นยำ ซึ่งมิติทั้ง 4 ด้านประกอบด้วย 1) โลเคชั่น  2) โปรดักส์ที่เข้าถึงความต้องการแฝง 3) การกำหนดแพคเกจราคาขายที่สอดรับกับความสามารถในการผ่อนชำระ 
และ 4) การศึกษาจำนวนซัพพลายคงเหลือแต่ละเซกเมนต์  

 

นอกจากนั้น 4 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังได้รับความร่วมมืออย่างดีจากมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (MECG) พันธมิตรทางธุรกิจ ในการส่งต่อแนวคิดในการบริหารจัดการคุณภาพ สู่การสร้างกรอบแนวคิดหลักในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในการพัฒนาคอนโดมิเนียมของเอพี ด้วยการผสมผสานประสบการณ์ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เข้ากับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะแนวคิดเรื่อง IoT (Internet of Thing) ตลอดจนนวัตกรรมการก่อสร้างสำเร็จรูปในระบบโมดูลาร์ อย่างห้องน้ำสำเร็จรูปที่ให้ค่า Defect เท่ากับศูนย์  

 

สำหรับคอนโดมิเนียมภายใต้การร่วมทุนระหว่างเอพี (ไทยแลนด์) และมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (MECG) มีทั้งหมด 11 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 50,830 ล้านบาท มียอดขายรวมเฉลี่ย 85% ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ 1) RHYTHM สุขุมวิท 36 – 38 2) ASPIRE รัชดา – วงศ์สว่าง 3) ASPIRE สาทร – ท่าพระ 4) RHYTHM อโศก 2

เอพี ไทยแลนด์ ประกาศนิวไฮด์ ด้วยยอดขายปี 60 ถึงกว่า 41,000 ล้านบาทเอพี ไทยแลนด์ ประกาศนิวไฮด์ ด้วยยอดขายปี 60 ถึงกว่า 41,000 ล้านบาท

เอพี ไทยแลนด์ ประกาศนิวไฮด์ ด้วยยอดขายปี 60 ถึงกว่า 41,000 ล้านบาท

โดยทั้ง 4 โครงการมีสัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งในปี 2561 เอพีและมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ยังคงจับมือเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมดีไซน์ใหม่ๆ ให้กับตลาดคอนโดมิเนียมอย่างต่อเนื่อง

 

ทั้งนี้ บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) ได้คาดการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2561 ว่า ภาพรวมธุรกิจยังคงสอดรับกับการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ การแข่งขันยังคงเกิดจากผู้ประกอบการรายใหญ่เป็นหลักที่ปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ซัพพลายที่ตอบโจทย์ตลาดระดับกลางและบนขึ้นไปยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค

 

การเปิดตัวของสินค้าใหม่แนวราบยังคงเป็นตลาดที่น่าจับตามอง ส่วนคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์ตลาดระดับกลางถึงบนยังคงมีกำลังซื้อ ส่วนตลาดระดับล่างค่อนข้างน่ากังวลเพราะมีสต๊อกสร้างเสร็จคงเหลือจำนวนมาก 

 

กระแสการมาของเทคโนโลยีถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นแม้จะเป็นตัวช่วยที่เปิดโอกาสให้เราเข้าใจและรู้จักลูกค้ามากขึ้น แต่สุดท้ายผู้ประกอบการก็จะต้องเป็นคนค้นหาให้เจอว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของตนเองกำลังมองหาอะไร สำหรับการอยู่อาศัยในโลกอนาคต 
 

 

 

>> ช่องทางในการติดตามข่าวสาร <<
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @livinginsider ที่นี่

บทความอื่นๆ

livinginsider livinginsider