รายการโปรด
นางสาวสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้านสำหรับโครงการที่ภาครัฐพร้อมที่จะผลักดันให้เกิดขึ้นในปี 2561 ทั้งในเรื่องของการพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับกับงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต การใช้เทคโนโลยีทางวิศวกรรมและการก่อสร้างเพื่อลดต้นทุนและระยะเวลาในการก่อสร้าง การเตรียมความพร้อมในเรื่องการเงิน ลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพื่อรองรับการลงทุนที่จะเกิดขึ้นเพิ่มเติมในอนาคต
“ผลจากการจัดโครงสร้างการลงทุนของบริษัท ทำให้บริษัทในเครือมีความแข็งแกร่งทั้งในด้านการเงินและโอกาสในการเติบโต”
ทั้งนี้ผลประกอบการด้านก่อสร้างและผลจากการปรับพอร์ตการลงทุนของบริษัท แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ ช.การช่างยึดถือและเชื่อมั่นมาตลอด 45 ปี ช.การช่างจะเลือกโครงการก่อสร้างและลงทุนที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ต่อส่วนรวม เน้นไปทางโครงการที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโครงการ ถนน ทางด่วน รถไฟฟ้า น้ำและพลังงานถึงแม้กำไรจะไม่ได้มากนักเหมือนธุรกิจประเภทอื่น แต่เป็นสิ่งที่ทำแล้วเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
นางสาวสุภามาสกล่าวอีกว่า บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาระดับความแข็งแกร่งในการสร้างรายได้และกำไรจากการดำเนินงานได้ในระดับที่น่าพอใจในไตรมาส 3 ปี 2560 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจก่อสร้าง 8,758 ล้านบาท รายได้รวม 9,266 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น 7.85% อัตรากำไรสุทธิ 6.75% และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน 1.35 เท่า และคาดว่ารายได้ก่อสร้าง ของปี 2560 น่าจะทะลุ 35,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน
ขณะที่โครงการต่างๆ ยังคงคืบหน้าต่อเนื่องและเป็นไปตามแผน เช่นโครงการไซยะบุรี มีความคืบหน้า 82.5% โครงการรถไฟทางคู่ช่วงจิระ-ขอนแก่น มีความคืบหน้า 42.0 %
ปัจจุบัน ช.การช่างมีงานในมือมูลค่ากว่า 7.8 หมื่นล้านบาท สามารถทยอยรับรู้รายได้ 2-3 ปี เฉลี่ยปีละ 3 หมื่นล้านบาท
โดยปี 2560 นี้ได้ลงนามในสัญญาโครงการใหม่ทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่ารวม 48,412 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างสถานีเพิ่มแรงดันเป็นสถานีจ่ายน้ำกับบริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) มูลค่า 303 ล้านบาท, โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี สัญญาที่ 1 มูลค่า 11,570 ล้านบาท, โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม สัญญาที่ 2 มูลค่า12,060 ล้านบาท
โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มสัญญาที่ 5 มูลค่า 2,709 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ช่วงบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา สัญญาที่ 4 มูลค่า 1,852 ล้านบาท โครงการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์งานระบบรถไฟฟ้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย หัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ 2 สัญญา มูลค่าประมาณ 19,463 ล้านบาท และโครงการทางเชื่อมต่อทางพิเศษสายศรีรัช วงแหวนรอบนอก กับศรีรัชด้านทิศเหนือ มูลค่า 275 ล้านบาท
“จากการที่บริษัทได้มีการปรับโครงสร้างการเงินภายในองค์กรต่อเนื่องมากว่า 5 ปี ตอนนี้บริษัทในเครือมีความแข็งแกร่งมีศักยภาพด้านการเงินสามารถเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆได้โดยไม่ต้องพึ่งเงินสนับสนุนจากบริษัทแม่ ขณะเดียวกัน ช.การช่าง ก็มีความพร้อมอย่างมากโดยเฉพาะสัดส่วนหนี้ที่ลดลงอย่างมากจากการปรับโครงสร้างต่างๆโดยบริษัทให้ความสำคัญกับโครงการรถไฟฟ้าและทางด่วน เพราะบริษัทมีความชำนาญในงานใต้ดินและงานยกระดับ” นางสาวสุภามาสกล่าวและว่า
ในปี 2561 คาดการณ์ว่าจะมีงานที่ผลักดันโดยภาครัฐออกมาอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นมูลค่ารวม 5-6 แสนล้านบาท โดยจะเข้าประกวดราคาในทุกโครงการที่รัฐบาลเปิดประกวดราคา
อาทิ เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ (ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ) มูลค่า 1.3 แสนล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ส่วนต่อขยาย) (ช่วงบางแค-พุทธมณฑลสาย 4) มูลค่า 21,197 ล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีส้ม (ช่วงศูนย์วัฒนธรรม – ตลิ่งชัน) มูลค่า 8.5 หมื่นล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีเขียว (ช่วงสมุทรปราการ-บางปู และคูคต-ลำลูกกา)
โครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือตอน N2 ช่วงถนนเกษตร-นวมินทร์โครงการรถไฟทางคู่เฟส 2 จำนวน 9 เส้นทางมูลค่ารวมกว่า 9 หมื่นล้านบาท ตลอดจนโครงการประมูลโรงไฟฟ้าพลังน้ำใหม่ๆ ในต่างประเทศ เช่น ที่ สปป. ลาว เป็นต้น โดยตั้งเป้าว่าจะได้ส่วนแบ่งงานก่อสร้างกว่า 20-25% คาดว่าปีหน้าจะมีงานในมืออยู่ที่ 7-8 หมื่นล้านบาท
“ช.การช่างในปีนี้ เป็นปีที่เราครบรอบ 45 ปี เราได้มีการกำหนดทิศทางการเติบโตของ ช.การช่างในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยโครงการก่อสร้างในประเทศก็ยังเป็นเป้าหมายสำคัญ มั่นใจว่าอุตสาหกรรมก่อสร้างจะมีการเติบโตอย่างมากจากโครงการภาครัฐ ซึ่งเป็นงานที่ทุกๆ รัฐบาลให้ความสำคัญ”
ส่วนงานในต่างประเทศนั้น เรามุ่งเน้นประเทศใน AEC โดยเฉพาะลาวและเมียนมา ซึ่งเป็นประเทศที่บริษัทให้ความสำคัญ โดยเน้นที่โครงการด้านพลังงานเป็นหลัก เมื่อปีที่แล้วได้งานพัฒนาระบบน้ำประปาในประเทศเมียนมา มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท เป็นโครงการนำร่อง
นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมความพร้อมทั้งด้านเทคโนโลยี วิศวกรรมและการก่อสร้าง การพัฒนาบุคลากร การเงิน และการเตรียมพร้อมระหว่างพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อที่จะรองรับโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ขอบคุณภาพและข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ
https://www.prachachat.net/property/news-90114
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ขึ้นแท่นอันดับ 1 ด้านคุณภาพการบริหารจัดการระดับสากล กวาด ISO มากที่สุด ครบ 3 มาตรฐานครอบคลุมทุกมิติ เป็นเจ้าแรกในประเทศไทย
2022-07-14
นัมเบอร์วันเฮ้าส์ซิ่ง ดิเวลลอปเม้นท์ ส่งโครงการ THE ONE life bangna บุกเมกาบางนา บ้านเดี่ยวอารมณ์รีสอร์ตใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติ ทำเลต้นบางนา
2022-07-14
Last Call Promotion!! กับแคมเปญ “ชีวาทัยเป็นได้มากกว่าเพื่อน” หมดเขต 31 ก.ค.นี้เท่านั้น
2022-07-14
ASW เสริมกลยุทธ์ Lifestyle Community จัด Monstr Concert Festival Series#1 ตอบรับไลฟ์สไตล์ลูกบ้านโครงการคอนโดฯ เคฟทาวน์ สเปซ
2022-07-14
เตือนภัยขอสินเชื่อบ้าน-ที่ดินระวังโดนโกง
2022-07-11
ไม่ต้องไปดูโครงการแล้วหล่ะครับ เขียนละเอียดขนาดนี้ 55 ขอบคุณครับ
5 ดาวไปเลยครับ
ดีเลยครับได้ความรู้
ชอบลิฟวิ่งอินไซเดอร์มากค่ะ มีบทความดีๆให้อ่านแบบนี้ตลอดไปน่ะค่ะ
ได้รับความรู้เยอะเลย