รายการโปรด
ภาคเอกชนเชื่อมั่นปี 61ตลาดอสังหาฯโต เหตุปัจจัยบวกเศรษฐกิจฟื้น ดอกเบี้ยต่ำ แบงก์คลายกังวลเข้มงวดปล่อยกู้ EEC โครงกาเมกะโปรเจคต์หนุนตลาด กรุงเทพฯ-ปริมณฑลโตทุกตลาด ขณะที่ตลาดต่างจังหวัดเหนื่อยต่อ กำลังซื้อยังไม่ฟื้น ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เตือนร่วมทุนต่างชาติทำใจอนาคตหันไปลงทุนเองหลังชำนาญตลาด
นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า ในปี 2561 มีแนวโน้มเติบโตมากกว่าปี 2560 เนื่องจากปัจจัยบวกหลายประการ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น ส่วนปัจจัยลบที่ยังคงมีอยู่เชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นเท่าใดนัก เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มชินและปรับตัวกับปัญหาที่เกิดขึ้น ตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลปรับตัวดีขึ้นในทุกตลาด
อสังหาฯต่างจังหวัดยังเหนื่อยต่อ
ส่วนตลาดต่างจังหวัดยังไม่ฟื้นตัวดีนักเนื่องจากกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัว อักทั้งยังมีจำนวนจำกัด ขณะที่ราคาพืชผลเกษตรยังคงตกต่ำอยู่ ทั้งยังมีปัญหาภัยธรรมชาติที่ทำให้ผลผลิตเสียหายไม่ได้ตามที่ต้องการ อย่างไรก็ดีโครงการแนวราบในบางพื้นที่ยังพอไปได้
ขณะที่ตลาดเมืองท่องเที่ยวกำลังซื้อส่วนใหญ่เป็นการซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง หรือซื้อเพื่อลงทุน ผู้ซื้อกลุ่มนี้ยังมีความกังวลกับภาษีที่ดินใหม่ที่จะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นทำให้มีความกังวล และยังไม่มีความจำเป็นจะต้องซื้อ หรือต้องการรอให้ภาษีที่ดินใหม่ประกาศใช้อย่างเป็นทางการเพื่อความชัดเจน
ปัจจัยบวกหนุนอสังหาฯปี 61 โต
สำหรับปัจจัยบวกที่จะส่งดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวม ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง ทำให้ผู้ซื้อได้วงเงินกู้สูง ซึ่งเชื่อว่าในครึ่งปีแรก 2561 อัตราดอกเบี้ยจะยังคงไม่ปรับขึ้น แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) จะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้า ไตรมาสละ ครั้ง 3 ไตรมาสติดต่อกันเริ่มจากต้นปี
ขณะที่ไทยคาดว่าจะปรับขึ้นในไตรมาส 4 เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวดีนัก นอกจากนี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวและส่งออกอีกด้วย หากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไปจะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจได้ นอกจากนี้ยังทำให้ตลาดหลักทรัพย์ยังมีเงินทุนไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง
แบงก์คลายกังวลปล่อยกู้ง่ายขึ้น
ธนาคารพาณิชย์คลายความกังวลและลดความเข้มงวดในการพิจารณาปล่อยเชื่อมากขึ้น เนื่องจากเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจและรายได้ของผู้กู้ จากเดิมที่กังวลว่าภาคธุรกิจจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและมีการเลิกจ้างหรือลดค่าแรงจนทำให้กระทบต่อการผ่อนชำระจนกลายเป็นหนี้เสีย แต่ที่ในปีที่ผ่านมาเกิดกรณีเลิกจ้างหรือปิดกิจการน้อยมากหรืออยู่ในระดับปกติ อัตราการว่างงานลดลง อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปจึงทำให้ธนาคารคลายความกังวล
EEC ความหวังเศรษฐกิจไทย
การลงทุนโครงการภาครัฐ เริ่มเป็นรูปธรรมมากขึ้น มีการประมูลและเริ่มทยอยก่อสร้างในหลายโครงการ ทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าระบบและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภาคเอกชนเกิดความเชื่อมั่นว่ามีการลงทุนจริงและเริ่มลงทุนตาม ซึ่งหนึ่งในโครงการสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยโตได้ตามที่ประมาณการณ์กันไว้คือ โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC
หากเกิดขึ้นได้ก็จะทำให้มีเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งการที่รัฐบาลใช้มาตร 44 ในเรื่องผังเมืองเพื่อให้สามารถดำเนินการพัฒนาโครงการได้เร็วขึ้นช่วยประโยชน์ได้อย่างมาก ซึ่งคาดว่าหลังจากนี้จะใช้ระยะเวลาประมาณ 15 เดือนข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ในที่ดินในพื้นที่ EEC น่าจะแล้วเสร็จหรือในปี 2562 ซึ่งประมาณกลางปี2561 ผู้ประกอบการก็สามารถเข้าไปลงทุนได้
ทั้งนี้ขึ้นอยู่ว่าระบบสาธารณูปโภคของภาครัฐจะแล้วเสร็จทันกลางปีหน้าหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องของน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะที่ผ่านมานิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออกมีความดึงตัวเรื่องน้ำและมีปัญหาในบางปี ซึ่งจำเป็นต้องสร้างอ่างเก็บน้ำขึ้นมารองรับภาคอุตสาหกรรมใหม่ที่จะมีเพิ่มมากขึ้นจำนวนมาก
แนะรัฐออกมาตรการคุมเกร็งกำไรที่ดิน
อย่างก็ตามภาครัฐจะต้องหามาตรการมารองรับไม่ให้เกิดการเก็งกำไรในพื้นที่ EEC เพื่อไม่ให้ราคาซื้อขายที่ดินสูงมากจนเกินไป อาจจะออกเป็นกฎหมายท้องถิ่น ไม่ให้ไปใช้ในพื้นที่ส่งเสริมการลงทุนทั้ง 4 จุด ก่อนที่กฎหมายผังเมืองเฉพาะจะประกาศออกมาใช้ ซึ่งมีเวลาอย่างน้อย 15 เดือน ในการดำเนินการเรื่องผังเมือง ระบบสาธารณูปโภค
โครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร ให้แล้วเสร็จ โครงการ EEC จะเป็นตัวชี้วัดผลงานของรัฐบาล ว่าสามารถผลักดันโครงการได้มากน้อยเพียงใด เพราะจะเป็นตัวผลักดันให้GDP โตได้มากกว่า 4% เพราะจะเกิดการว่าจ้างงานอีกมาก และรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ก็จะทำให้เกิดโครงการอสังหาฯมากขึ้น
ส่วนรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ซึ่งดำเนินการโดยกลุ่มทุนจากจีน จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2561 ด้านรถไฟความเร็วสูงสายเหนือ จากกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ จะเป็นการก่อสร้างโดยกลุ่มทุนจากญี่ปุ่น ส่วนรถไฟทางคู่ ก็จะเริ่มดำเนินการในปีหน้าเช่นกัน ขณะที่ถนนมอเตอร์เวย์ เส้นทางนครราชสีมา-กรุงเทพฯ ซึ่งทุกโครงการจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชน โดยเฉพาะด้านอสังหาฯ
การขยายสนามบิน อาทิ สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 สนามบินภูเก็ต สนามบินอูตะเภา รวมถึงสนามบินอื่นๆที่มีความแออัดของผู้โดยสารก็มีแนวโน้มที่จะขยายอีกหลายสนามบินเช่นกัน ซึ่งจะช่วยให้การท่องเที่ยวของไทยขยายตัวมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันนักท่องเที่ยวยุโรปเริ่มกลับมาท่องเที่ยวไทยอีกครั้งหลังภาวะเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น รวมถึงรัชเซีย ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนมีเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งเริ่มซื้ออสังหาฯในไทยผ่านเอเจนซี่มากขึ้น จากเดิมที่ชาวจีนจะเข้ามาเที่ยวเพียงอย่างเดียว
เตือนร่วมทุนนอกระวังตีจากลงทุนเอง
ส่วนการร่วมทุนกับผู้ประกอบการจากต่างประเทศ จะต้องมีการศึกษาถึงข้อดี ข้อเสียก่อนตัดสินใจ เพราะผู้ร่วมทุนชาวต่างชาติบางกลุ่มเมื่อถึงจุดหนึ่งที่สามารถเรียนรู้การดำเนินธุรกิจ การตลาด พฤติกรรมผู้บริโภค กฎหมายจนเชื่อมั่นว่าสามารถดำเนินธุรกิจเองได้ก็จะทิ้งผู้ร่วมทุนและลงทุนเอง ซึ่งเคยเกิดขึ้นในหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งหากเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่เมื่อไม่มีการร่วมทุนก็ยังสามารถอยู่รอดได้
เพราะการร่วมทุนกับต่างชาติจะเป็นในรูปแบบก่อตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นมาพัฒนา ส่วนผู้ประกอบการรายกลางก็จะอยู่ยากเพราะเงินลงทุนมีจำกัด ในปีหน้าผู้ประกอบการหลายรายจะเริ่มให้ความสำคัญเรื่องเทคโนโลยีสมัยใหม่มากขึ้นไปอีก เพราะคนรุ่นใหม่นิยมใช้อุปกรณ์มือถือในการควบคุมระบบต่างๆภายในที่อยู่อาศัย ซึ่งมีความสะดวกสบาย
ปัจจัยลบฉุดตลาดผันผวน
ส่วนปัจจัยลบ ที่จะมีผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาฯ ได้แก่ หนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ราคาพืชผลทางการเกษตรที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร ประกอบกับปริมาณการผลิตไม่สามารถควบคุมได้ จากปัญหาภัยธรรมชาติแห้งแร้ง น้ำท่วม เกษตรกรเป็นหนี้เป็นสิน
รวมถึงไทยยังไม่สามารถควบคุมการผลิตของเกษตรกรได้ พืชผลที่ได้ราคาดีเกษตรกรก็จะแห่ไปปลูกจนผลผลิตออกมาล้นตลาดทำให้ราคาตกต่ำ เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน เป็นต้น ขณะเดียวกันก็ยังไม่สามารถหาตลาดส่งออกได้ เพราะเศรษฐกิจในหลายๆประเทศยังไม่ฟื้นตัว
ขณะที่ปัญหาทางการเมือง แม้ว่าการเมืองจะนิ่งแต่ประชาชนยังไม่มั่นใจว่าจะมีการเลือกตั้งได้ในช่วงปลายปีหรือไม่ หรือจะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ ส่วนปัญหาความขัดแย้งของหลายๆประเทศ เช่นยุโรป เกาหลีเหนือ จะต้องคอยจับตามองว่าจะมีผลกระทบเศรษฐกิจหรือไม่ ร่วมถึงภัยก่อการร้าย ส่วนสภาวะเศรษฐกิจของหลายประเทศยังไม่ฟื้นตัวดีนักโดยเฉพาะจีน และอเมริกาที่ยังไม่ฟื้นตัว 100% ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของไทย
นอกจากนี้ยังมีปัญหากฎหมายเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาฯ ในหลายเรื่องที่ยังไม่ชัดเจน เช่น พระราชบัญญัติผังเมือง ที่มีคำถามว่าจะออกมาอย่างไร มีผลกระทบมากน้อยแค่ไหน ซึ่งอาจจะกระทบต่อสินค้าบางกลุ่ม เช่น บ้านพักตากอากาศ ซึ่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าบางกลุ่มหรือไม่
ส่วนกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฯ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง โดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เตรียมปรับลดอัตราการจัดเก็บลง เนื่องจากไม่ต้องการให้กระทบกับประชาชนมากเกินไป โดยได้เสนอกำหนดอัตราจัดเก็บภาษีที่ดินฯในช่วง 2 ปีแรกในอัตราผ่อนปรน ไว้ในบัญชีแนบท้ายของกฎหมาย ส่วนปีที่ 3 เป็นต้นไป รัฐบาลขณะนั้นจะเป็นผู้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราภาษีที่จัดเก็บจริงต่อไป ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปี 2562
โดยอัตราภาษีที่คณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) พิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ…เสนอ กรณีที่ดินเกษตรกรรมที่เจ้าของเป็นบุคคลธรรมดา ถ้ามูลค่าที่ดินไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับยกเว้นภาษี, 50-75 ล้านบาท เก็บที่ 0.01%, 75-100 เก็บที่ 0.03%, 100-500 ล้านบาท เก็บที่ 0.05%, 500-1,000 ล้านบาทเก็บที่ 0.07%
ส่วนที่ดินเกษตรกรรมที่เจ้าของเป็นนิติบุคคล มูลค่าที่ดินระหว่าง 0-75 ล้านบาท เก็บที่ 0.01%, 75-100 ล้านบาท เก็บที่ 0.03%, 100-500 ล้านบาท เก็บที่ 0.05%, 500-1,000 ล้านบาท เก็บที่ 0.07% และเกิน 1,000 ล้านบาท เก็บที่ 0.10%
ขณะที่ราคาที่ดินจะมีการปรับตัวค่อนข้างเร็วมาก เห็นได้ว่าราคาคอนโดมิเนียมต่อตารางเมตรปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเกินกว่าความสามารถของผู้บริโภคที่มีรายได้ปานกลางที่จะซื้อได้ ซึ่งถือเป็นกลุ่มใหญ่ของตลาด เช่น คอนโดมิเนียมราคา 3 ล้านบาท ผู้ซื้อจะต้องมีรายเดือนละ 60,000 บาท หรือใช้วิธีกู้ร่วม บ้านราคา 1 ล้านบาท จะต้องผ่อนชำระเดือนละประมาณ 7,500 บาท ระยะเวลา 20 ปี
ด้านอัตราแลกเปลี่ยนในปี 2561 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาแตะที่ 32 บาท ซึ่งจะมีผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ย ส่งออก การท่องเที่ยว รวมไปถึงการไหลเข้า-ออกของเงินทุนด้วย
“เชื่อว่าตลาดอสังหาฯปี 61 เติบโตขึ้นกว่าปี 60 อย่างแน่นอน เพราะถือว่าผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว จากปัจจัยบวกหลายอย่าง ทั้งภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว อัตราดอกเบี้ยต่ำ แบงก์คลายความกังวลลดความเข้มงวดในการปล่อยกู้ และอีกหลายปัจจัย ส่วนปัจจัยลบเช่น กำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัวดีนัก หนี้ครัวเรือน ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ล้วนเป็นปัญหาที่มีมาต่อเนื่องยาวนาน ผู้บริโภคเริ่มชินและอยู่กับปัญหาที่เกิดขึ้นเหล่านี้ได้” นายอธิปกล่าว
นายอธิป กล่าวต่อว่า ผู้ประกอบการควรพัฒนาในทำเลที่ตนเองมีความถนัดมากกว่า เพราะมีข้อมูลจริงและฐานลูกค้าอยู่แล้ว ไม่ควรไปลงทุนในทำเลที่ตัวเองยังไม่มีความถนัดหรือในภาวะตลาดไม่ดี ซึ่งทำเลอื่นก็สามารถพัฒนาได้เมื่อมีอัตราการเติบโตแล้ว หรือศึกษาตลาดมาเป็นอย่างดี สำหรับตลาดคอนโดมิเนียมหากไม่มีความมั่นใจก็ไม่ควรเข้ามาพัฒนา
เพราะใช้เวลา 2-3 ปีกว่าจะโอนกรรมสิทธิ์ได้ ทั้งนี้คอนโดมิเนียมที่มีปัจจัยเอื้อ ได้แก่ ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก ริมแม่น้ำ จะขายได้ ซึ่งหายมีหลายปัจจัยรวมกันก็จะยิ่งขายดี ส่วนโครงการแนวราบหากอยู่ใกล้ทางด่วน ห้างสรรพสินค้า แหล่งงาน โรงเรียนฯลฯ ก็จะเป็นจุดขายที่ดี เพราะลูกค้าที่ซื้อส่วนใหญ่ไม่ค่อยย้ายถิ่นฐาน ดังนั้นการสำรวจดีมานด์ ซัพพลาย ค่อนข้างมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
คาดปี 61 คอนโดฯเปิดตัว 5.6 หมื่นยูนิต
นายสุรเชษฐ กองชีพ ผู้เชี่ยวชาญตลาดอสังหาริมทรัพย์ คาดการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2561 ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2560 ค่อนข้างคึกคักทั้งในเรื่องของการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่มีมากกว่า 56,000 ยูนิตมากที่สุดในรอบ 4 - 5 ปีที่ผ่านมา และเรื่องของการร่วมทุนระหว่างผู้ประกอบการไทยและต่างชาติ
โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่ปีนี้มีการประกาศการร่วมทุนออกมาหลายราย รวมไปถึงการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่อีกหลายโครงการที่เปิดตัวโครงการมาตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนสุดท้ายของปี แม้หลายโครงการจะสร้างความฮือฮาแต่ก็เริ่มมีความกังวลตามมาด้วยเช่นกัน เพราะบางโครงการมีขนาดใหญ่มาก ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อหลายๆ ด้านในทุกมิติแน่นอน
ตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2561 มีแนวโน้มดีต่อเนื่องจากช่วงครึ่งหลังปี 2560 ผู้ประกอบการหลายรายยังคงมีแผนขยายตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์โดยคาดว่าคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในปี 2561 ใกล้เคียงกับปี 2560 คือประมาณ 56,000 ยูนิต
ซึ่งจำนวนยูนิตอาจจะลดลงหรือมากกว่านี้ต้องพิจารณาเรื่องของกำลังซื้อและการโอนกรรมสิทธิ์ประกอบด้วย เพราะหากโครงการที่สร้างเสร็จในปี 2561 แล้วมีคนไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ในจำนวนที่ไม่ได้แตกต่างจากปี 2560 ทั้งด้วยเรื่องของการขอสินเชื่อธนาคารไม่ผ่านและเรื่องของการไม่อยากจะโอนกรรมสิทธิ์ก็อาจจะมีผลต่อผู้ประกอบการต่อเนื่องเช่นกัน
อย่างไรก็ตามตลาดคอนโดมิเนียมจะยังคงขยายตัวต่อไปโดยเฉพาะในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างและที่จะเริ่มการก่อสร้างเพราะผู้ประกอบการยังคงต้องการพัฒนาโครงการที่สามารถเข้าถึงผู้ซื้อส่วนใหญ่ที่มีกำลังซื้อไม่เกิน 3 - 4 ล้านบาทต่อยูนิต
แต่ผู้ประกอบการก็ยังคงให้ความสำคัญกับโครงการราคาสูงในพื้นที่เมืองชั้นในเพื่อเพิ่มช่องทางสร้างรายได้หลากหลาย อีกทั้งโครงการบ้านจัดสรรยังเป็นรูปแบบโครงการที่ผู้ประกอบการให้ความสำคัญต่อเนื่อง แต่สัดส่วนของบ้านจัดสรรในกรุงเทพมหานครอาจจะลดลงเพราะราคาที่ดินที่สูงขึ้น
ปี 2561 อาจจะเป็นปีที่ผู้ประกอบการให้ความระมัดระวังต่อตลาดคอนโดมิเนียมมากขึ้น เพราะจะพึ่งพานักลงทุนหรือนักเก็งกำไรแบบที่ผ่านมาก็อาจจะยากลำบากมากขึ้น อัตราการขายเฉลี่ยของโครงการเปิดขายใหม่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 65 - 70% มากกว่าปี 2560 ประมาณ 7 - 8% แต่ยังต้องพิจารณาเรื่องของภาวะเศรษฐกิจประกอบด้วย ส่วนทำเลเด่นๆ สำหรับตลาดคอนโดมิเนียมยังคงเป็นทำเลตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างและจะเริ่มสร้างในอนาคตรวมไปถึงพื้นที่เมืองชั้นใน
โครงการรูปแบบอื่นๆ จะยังคงมีการขยายตัวตามภาวะตลาดต่อไป ซึ่งตลาดที่น่าสนใจคือ ตลาดอาคารสำนักงานที่ในช่วง 1 - 2 ปี นับจากปี 2561 เป็นต้นไปจะยังคงมีการขยายตัวในเรื่องของความต้องการพื้นที่สำนักงานแต่หลังจากนั้นเมื่อมีอาคารสำนักงานใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดซึ่งคาดว่าจะมีพื้นที่รวมมากกว่า 750,000 ตารางเมตรภายในปี 2564 ก็อาจจะต้องดูเรื่องของความต้องการพื้นที่ใหม่ว่าจะมีต่อเนื่องหรือไม่
โครงการค้าปลีกอาจประสบกับปัญหาที่ชัดเจนกว่าโครงการรูปแบบอื่นๆ เพราะผู้เช่าประสบกับปัญหาเรื่องของรายได้ที่ลดลงทั้งจากการขยายตัวของตลาดออนไลน์หรือการที่คนไทยใช้จ่ายเงินลดลงในช่วงที่ผ่านมา การขยายตัวของโครงการค้าปลีกจึงอาจจะอยู่ในภาวะชะลอตัวกว่าที่เคยเป็นมาในอดีต ยกเว้นโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างที่ยังคงเดินหน้าต่อไปตามเดิม
ขอบคุณภาพและข่าวจาก MGR ONLINE
https://mgronline.com/stockmarket/detail/9600000131575
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ขึ้นแท่นอันดับ 1 ด้านคุณภาพการบริหารจัดการระดับสากล กวาด ISO มากที่สุด ครบ 3 มาตรฐานครอบคลุมทุกมิติ เป็นเจ้าแรกในประเทศไทย
2022-07-14
นัมเบอร์วันเฮ้าส์ซิ่ง ดิเวลลอปเม้นท์ ส่งโครงการ THE ONE life bangna บุกเมกาบางนา บ้านเดี่ยวอารมณ์รีสอร์ตใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติ ทำเลต้นบางนา
2022-07-14
Last Call Promotion!! กับแคมเปญ “ชีวาทัยเป็นได้มากกว่าเพื่อน” หมดเขต 31 ก.ค.นี้เท่านั้น
2022-07-14
ASW เสริมกลยุทธ์ Lifestyle Community จัด Monstr Concert Festival Series#1 ตอบรับไลฟ์สไตล์ลูกบ้านโครงการคอนโดฯ เคฟทาวน์ สเปซ
2022-07-14
เตือนภัยขอสินเชื่อบ้าน-ที่ดินระวังโดนโกง
2022-07-11
เขียนบทความน่าอ่านมากเลย
เข้าใจง่ายขึ้นเลย อ่านง่าย สบายตา รูปสวย
ข่าวด้านอสังหาฯ ไวมาก ติดตามอยู่น่ะคะ
ชอบเรื่องไอเดียแต่งบ้าน ได้ความหลากหลายดีกำลังวางแพลนจะซื้อบ้านเลย เอาเรื่องไอเดียมาอีกเยอะๆนะค่ะ
รีวิวได้ชวนซื้อมากๆครับ ฮ่าๆ