รายการโปรด
เป็นเจ้าของสถิติซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการแพงที่สุดใน พ.ศ.นี้ ขนาดเนื้อที่ 808 ตารางวา หรือ 2-0-8 ไร่ เฉลี่ยตารางวาละ 3.1 ล้านบาท ล่าสุด “ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เดินหน้าสร้างสีสันใหม่ด้วยการประกาศโรดแมปแผนลงทุน 3 ปีหน้า (2018-2020) ตั้งเป้ายอดพรีเซลรวมกันเกินกว่า 60,000 ล้านบาท
Q : มองราคาที่ดินปีนี้ยังไง
ตอนซื้อที่ดินแปลงหลังสวนไม่ได้มีทาร์เก็ตนิวไฮของตลาด (ยิ้ม) ในด้านราคาไม่ได้ตั้งเป้าหรือกำหนดอะไรไว้ว่าจะต้องราคาเท่าไหร่ แต่จะดูความเป็นไปได้ในการลงทุนเป็นหลัก ซื้อที่ดินมาพัฒนาแล้วขายให้แมตช์กับลูกค้าเราได้ไหม ถ้าได้ก็ตัดสินใจ
ปีนี้การเลือกที่ดิน มองว่าจะมีที่ดินหลากหลายมากขึ้น จะมีที่ดินลีสโฮลด์ปล่อยออกมามากขึ้น ทางเลือกภาษีใหม่ ๆ ที่รัฐเตรียมบังคับใช้ทำให้หลายคนอยากปล่อยที่ดินออกมา
ส่วนการเพิ่มของราคาที่ดิน เชื่อว่าทุกวันนี้ราคาที่ดินวิ่งตามอินฟราสตรักเจอร์ประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงที่เจริญไปตามหลักเออร์บาไนเซชั่น ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าราคาร้อนแรงมาก เพราะฉะนั้น แนวโน้มสปีดของการเติบโตของราคาอาจชะลอลง
Q : โรดแมปธุรกิจ 3 ปี
ในยุคดิสรัปชั่นแลนด์สเคปในการทำธุรกิจเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม โดยมีดิจิทัลเทคโนโลยีเป็นตัวเชื่อมอุตสาหกรรมที่ต่างกัน คำถามแรกตอนนี้ต้องถาม why จากนั้นจึงถาม what
เอสซีฯได้ประกาศโรดแมป 3 ปีไปแล้ว เรามีกลยุทธ์ 4 ข้อ ซึ่งผมร่วมกับทีมงานทุกคนร่วมกันจัดทำขึ้นมา รายละเอียดกลยุทธ์ 1.reinvention ปรับวิธีคิด ปรับวิธีทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์เพื่อส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้า เราปรับสู่การเป็น living solutions provider มองทะลุเข้าไปให้เห็นชีวิตพักอาศัยในบ้าน คนต้องการอะไร พฤติกรรมเป็นยังไง
เราจะทำลิฟวิ่งโซลูชั่นส่งมอบให้กับเขาได้ยังไง โดยบ้านและคอนโดมิเนียมเป็นหนึ่งในลิฟวิ่งโซลูชั่น แนวทางใช้คอนเซ็ปต์ 3 D เริ่มจาก digitize นำดาต้าลูกค้ามาปรับปรุงเพื่อให้การทำงานทำได้แม่นยำยิ่งขึ้น, design ที่ต้องสอดรับกับไลฟ์สไตล์พฤติกรรมลูกค้าให้มากที่สุด และ develop ผสานนวัตกรรมแล้วส่งต่อสินค้าให้ลูกบ้าน
2.กลยุทธ์ cocreation ทำงานร่วมกับพันธมิตรที่หลากหลาย ในที่ประชุมคำถามแรก อะไรคือลิฟวิ่งโซลูชั่น แพลตฟอร์มที่ใช้คุยกับพันธมิตรคือบ้านที่มีคนพักอาศัยอยู่ภายใน จากนั้นมีวงกลมหลายระดับที่แวดล้อมไปด้วยปัจจัยสนับสนุนให้ที่อยู่อาศัยบวกกับสิ่งต่าง ๆ แล้วส่งมอบลูกค้า ผมเรียกว่า “รู้ใจ ลิฟวิ่ง โซลูชั่นแพลตฟอร์ม”
ปีที่ผ่านมา เอสซีฯได้ร่วมลงทุนกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์สำคัญ เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลเทคโนโลยี โดยร่วมกับบริษัท Fire One One โดย “คุณไวท์-ชาคริต ชาญรุ่งสกุล” ร่วมมือกันหาลิฟวิ่งโซลูชั่น นอกจากนี้ยังร่วมกับพันธมิตรหลากหลายซึ่งไม่หยุดเพียงเท่านี้
3.กลยุทธ์ quality first เรื่องที่ไม่เคยล้าสมัย แบ่งเป็น 2 ส่วน คือก่อนโอน กับหลังโอน
โดยช่วงก่อนโอน บริษัททำสามเรื่อง ประกอบด้วย ธุรกิจอสังหาฯในช่วงสามปีของโรดแมปเราวางแผนสร้างบ้าน 7,500 ยูนิต 1 ล้านตารางเมตร ตั้งใจจะสร้างให้ดีที่สุด มีซัพพลายเออร์ 100 กว่าราย
สิ่งที่จะทำคือ ไม่เพิ่มซัพพลายเออร์ใหม่ ๆ มากมาย แต่ขยายสเกลให้โตไปกับเรา มีการประเมินผลในรูปเกรด ถ้าเกรดดีมากก็ยิ่งได้รับงานมากขึ้น เพราะหัวใจสำคัญคือทีมเวิร์ก ยิ่งทำงานร่วมกันยิ่งเรียนรู้ ทำงานไหลรลื่น และเกิดคุณภาพงานที่ดี
บริษัทร่วมกับพาร์ตเนอร์ทำเรื่อง TQM เราจะฟังเสียงลูกค้า มองแบบฮิวแมนเซนทริก แก้ปัญหาให้ลูกค้าก่อน เราทำ top quality 5-10 ดีเฟ็กต์ลดลงเรื่อย ๆ
ถัดมา มีการใช้ BIM จากเดิมสถาปนิก วิศวกร ทำไฟลิ่งคนละเวอร์ชั่น ทำให้มีการผิดพลาดข้อมูลบ้าง ต่อไปนี้ทุก ๆ โครงการของเอสซีฯใช้ระบบบิม ซึ่งมีโมเดลสามมิติ บริษัทรับเหมา สถาปนิก วิศวกรทำงานบนไฟล์เดียวกัน สถาปนิกทำเรื่องสามมิติ วิศวกรทำเรื่องโครงสร้าง ผลลัพธ์คือได้คุณภาพกลับมา ผลได้ยังรวมถึงค่าเผื่อความผิดพลาดลดน้อยลง คอสต์ก็ลดลงตามด้วย
ในส่วน “หลังโอน” มีสามส่วนเช่นกัน เริ่มจากร่วมกับพันธมิตรตั้งบริษัท SCABLE โดยร่วมกับเจ้าของสินค้าพัฒนาฝีมือช่าง, มีการลงทุนสตาร์ตอัพ “ฟิกซี่” อันดับหนึ่งประเทศไทย มีช่าง 3,000 คน ซ่อมได้เก่งและซ่อมได้หลากหลาย ทำให้โตในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพไปด้วย เพราะมีโนว์ฮาว มีช่างจำนวนมหาศาลมาช่วยเก็บงาน และมีแอปพลิเคชั่น “บ้านรู้ใจ” รองรับงานบริการหลังการขาย ซึ่งจะถูกพัฒนาให้ฉลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ
สุดท้าย กลยุทธ์ top line growth เป้าหมายในสามปีมียอดพรีเซลรวม 60,000 ล้านบาท สัดส่วนแบ่งเป็นแนวราบ 65% แนวสูง 30% ออฟฟิศอีก 5%
Q : เซ็กเมนต์แนวสูงแนวราบ
สำหรับแนวราบ กลุ่มราคามากกว่า 8 ล้านบาทที่เอสซีฯเป็นผู้นำตลาด จะรักษาสถานะผู้นำไว้ ขณะเดียวกันรุกตลาดต่ำกว่า 8 ล้านบาทมากขึ้น โดยเพิ่มจาก 35% เป็น 50% ภายในปี 2020
คีย์ตัวหนึ่งคือเรื่องโซนนิ่ง ทุก ๆ โซนในกรุงเทพฯมีดีมานด์อยู่ จากทำเลถนัดของบริษัทอยู่กรุงเทพฯโซนตะวันตก จะขยับไปกรุงเทพฯโซนอื่นมากขึ้น
ภาพรวมโครงการอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 90% ต่างจังหวัด 10% โดยปีนี้เป็นปีแรกที่จะบุกตลาดฉะเชิงเทรา
ด้านแนวสูง มีการแตกบริษัทลูก คือ บริษัท สโคป จำกัด โดยเอสซีฯ ถือหุ้น 90% กับพันธมิตรคือคุณยงยุทธ์ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสโคป
จากนี้จะมีคอนโดมิเนียม 2 แบรนด์ มีการซินเนอร์ยี่โดยทีมเอสซีฯ ดูแลเรื่องการก่อสร้าง ทางสโคปดูแลเรื่องบริการหลังการขาย เป้าหมายโครงการร่วมทุน 11 โครงการ มีที่ดินทำแล้ว 4 แปลง ทำเลรถไฟฟ้าบีทีเอสพหลโยธิน อ่อนนุช อโศก ชิดลม
ส่วนรายได้ ในสามปีนี้จะมีรายได้จากการโอนคอนโดฯลักเซอรี่ 3 โครงการหลัก ในขณะที่ยอดพรีเซลบริษัทสโคปเริ่มในปีหน้า และเริ่มมียอดรับรู้รายได้ในปี 2020
ภารกิจของคนเอสซีฯ คือ สร้างทุกเช้าที่ดีที่สุดให้กับลูกบ้านเอสซีฯทุกคน
ขอบคุณภาพและข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ
https://www.prachachat.net/property/news-116735
ศุภาลัยเตรียมเปิด “SUPALAI TYME” คอนโดพรีเมียมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ทำเล “เจริญนคร” เริ่ม 2.59 ลบ.*
เมื่อวานนี้
CMC กวาดยอดขายงานมหกรรมบ้านและคอนโด 320 ลบ. พร้อมเปิดตัวคอนโดใหม่ “เดอะ คิวเว่ เซ็นทรัลพาร์ค นวมินทร์-รามอินทรา” เริ่ม 1.xx ลบ. วันที่ 12 พ.ย.นี้
เมื่อวานนี้
SC Asset ทุ่มงบ 2,000 ล้านบาท เปิดตัวบ้านหรูระดับพรีเมียม 2 โครงการ หลังเซ็นทรัล พระราม2
เมื่อวานนี้
ออริจิ้น-บริทาเนีย กวาดยอดขาย 1,088 ลบ. จากมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 46 พร้อมขยายเวลาแคมเปญ “จุ่มเด็ด Secret Deals” ถึง 10 พ.ย.นี้
2024-11-05
ควอลิตี้เฮ้าส์ จัดแคมเปญ “โปร SO BIG” มอบส่วนลดสูงสุด 2,000,000 บาท* กับ 45 โครงการบ้าน-ทาวน์โฮม ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด
2024-11-05
ไม่ต้องไปดูโครงการแล้วหล่ะครับ เขียนละเอียดขนาดนี้ 55 ขอบคุณครับ
อ่านแล้ว รู้ความเคลื่อนไหวในวงการอสังหาเลยครับ ^^ ขอบคุณผู้เขียนครับ
ชอบการเขียนลงทุนค่ะ
เว็บนี้ทำรีวิวได้ดีมากๆ
อ่านเพลินดี ชอบค่ะ