รายการโปรด
ได้มีโอกาสแวะไปชมโครงการ "Chapter one Eco รัชดา-ห้วยขวาง" ซึ่งถือเป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของคอนโดย่านรัชดาเลยครับ เพราะมีขนาดที่ดินถึงประมาณ 13 ไร่ ด้วยโครงการใหญ่ขนาดนี้ เลยลุ้นอยู่ว่าจะทำออกมาได้สวยแบบในภาพมั้ย
แต่พอได้มาเห็นของจริงๆ ผมรู้สึกว่า #นี่มันรีสอร์ทใจกลางเมืองชัดๆ จริงๆ ผมก็ไปดูคอนโดมาหลายที่นะครับ แต่ที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนไม่ใช่คอนโดเลย ความรู้สึกแรกที่ได้สัมผัสตั้งแต่ทางเข้า มันเหมือนเวลาคุณไปพักรีสอร์ทสวยๆ ตามต่างจังหวัดเลยครับ
โดยเฉพาะส่วนกลางที่จัดเต็มมากๆ #นี่น่าจะเป็นคอนโดที่ทำส่วนกลางได้ใหญ่และสวยที่สุดในย่านรัชดาแล้ว
นาทีนี้ไม่ต้องพูดถึงความฮอตของย่าน รัชดา-พระราม 9 แล้ว ที่นี่คือศูนย์รวมของไลฟ์สไตล์ที่ครบวงจรมากที่สุดในประเทศ ดูจากห้างสรรพสินค้า ที่ขนาดมาวันจันทร์ตอน 10 โมงเช้า ที่จอดรถยังแน่น นอกจากนี้ย่านนี้ยังเป็นทำเลทองที่ชาวต่างชาติเข้ามาทั้งทำงานและซื้อที่พักอาศัยกันแบบไม่หยุดหย่อน
แน่นอนว่า คนวัยทำงานหลายคน ถ้าจะหาคอนโดไว้เป็นของตัวเองซักที่ ย่านอันดับต้นๆ ที่มีการค้นหากันก็คือ ย่านนี้ล่ะ แต่แน่นอน ทำเลแบบนี้ ราคาย่อมไม่ธรรมดา ถ้าคุณลองค้นข้อมูลคุณจะพบว่า คอนโดใหม่ๆ ย่านนี้ แทบจะหาราคาต่ำกว่า 4-5 ล้านไม่ได้แล้ว สำหรับ 1 ห้องนอน ราคาแบบนี้คนเริ่มทำงานใหม่ๆ ที่จะกู้ได้คงมีไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าคุณอ่านบทความนี้อยู่ คุณกำลังจะเจอของดีละ
วันนี้เราจะพามาชมโครงการใหม่ ที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ ในโลเคชั่นที่เรียกได้ว่า สะดวกรอบทิศ สบายรอบด้านกัน บอกไว้ก่อนนะว่า ภาพที่เห็นทั้งหมดถ่ายทำจากสถานที่จริง
Chapter One Eco รัชดา - ห้วยขวาง
ที่ตั้งโครงการอยู่ในซอยประชาอุทิศ ห่างจากแยกห้วยขวางและ MRT สถานีห้วยขวางประมาณ 1 กม. โครงการมีรถรับส่งไปที่สถานี MRT ด้วยศักยภาพการเดินทางรอบๆ โครงการที่ค่อนข้างสะดวกสบาย มีรถสาธารณะรอบโครงการมากมาย ทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์ รถแท็กซี่ รถสองแถว วินรับจ้างที่มีวิ่งตลอดเกือบ 24 ชม. ที่สำคัญทางโครงการยังมีบริการรถ Shuttle Bus 2 เส้นทางที่วิ่งรับส่งจากโครงการไปรถไฟฟ้า และเซ็นทรัลพระราม 9 อีกด้วย ก็ถือว่าเดินทางได้ไม่ยากเลย
ส่วนดีเทลในโครงการเป็นอย่างไร ลองตามเข้าไปดูกันเลย สำหรับตัวโครงการ Chapter One Eco รัชดา - ห้วยขวาง ตอนนี้สร้างเสร็จแล้ว 100% โดยเป็นคอนโด High Rise สูง 22-26 ชั้น 8 อาคาร รวมห้องพักอาศัยทั้งหมด 1,844 ยูนิต ร้านค้า 7 ยูนิต อาคารจอดรถ 2 อาคารและส่วนกลางกว่า 10 อย่าง
พอถึงหน้าโครงการจะเห็น ร้านกาแฟสตาร์บัค ในสถาปัตยกรรมสไตล์ Scandinavia ตั้งอยู่อย่างโดดเด่น ตกแต่งด้วยสวนสนขนาดเล็กที่ได้แรงบันดาลใจ มาจากทิวสนในเทือกเขาแถบเมืองหนาวฝั่งยุโรป
จุดเด่นของงาน สถาปัตยกรรมสไตล์ Scandinavia คือรูปทรงหน้าจั่วและการใช้เส้นสาย Free Form ไม่ตายตัวไม่ยึดติด ซึ่งทางโครงการได้เพิ่มความโมเดิร์นด้วยการใช้โทนสีดำตัดกับสีน้ำตาล และตกแต่งด้วยกระจกทรงสูง เพิ่มความโปร่งโล่งด้วยกระจกกันแสงสีเทาเข้ากับบรรยากาศแบบบ้านเรา
รอบโครงการตกแต่งด้วยสวนสนสีเขียว เสริมด้วยการยกระดับพื้นดินให้เป็นเนินสูง ให้กลิ่นอายบรรยากาศบ้านพักในเทือกเขาเมืองหนาวได้ดีจริงๆ
เมื่อมองจากมุมสูงลงไปจะเห็นว่าตัวโครงการใส่ลูกเล่นทั้งการเล่นระดับพื้นสูงต่ำ การวางสีเขียวและต้นสนแทรกไปตามบ้านรูปทรงจั่วที่เป็นพื้นที่ส่วนกลาง ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในรีสอร์ทกลางหุบเขา
แม้ตัวอาคารจะเป็นตึกสูงแต่ก็มีการแทรกงานสไตล์ Scandinavia เข้าไปตามตัวอาคารได้อย่างลงตัวเป๊ะๆ เพิ่มเสน่ห์ให้กับพื้นที่แต่ละส่วนได้เป็นอย่างดี
และเพื่อให้สมกับชื่อโครงการ Chapter One Eco ทางโครงการก็ได้ออกแบบฟังก์ชั่นใช้สอยให้สมกับเป็น ECO Project นั่นคือ มีการติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์ในทุกอาคาร ใช้หลอดไฟ LED ช่วยประหยัดไฟ
แต่จุดเด่นของโครงการนี้คือการมีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ บนพื้นที่ที่กว้างขวางกว่า 4 ไร่ โดยเราจะพาไปชมพื้นที่ส่วนกลางของจริงที่ใส่ใจดีเทลและทำออกมาได้ตรงกับคอนเซปต์ ECO มากเลยทีเดียว โดยเริ่มที่ Bike Club ภายในมีพื้นที่รับรองและที่แขวนจักรยาน มองออกหน้าต่างไปก็จะเห็นเป็นถนนเข้าสู่โครงการและวิวสีเขียวด้านข้างโครงการ ทั้งนี้ก็เพื่อสนับสนุนให้ลูกบ้านเดินทางและออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยาน ซึ่งถ้าใครไม่มีก็สามารถขอยืมจักรยานจากโครงการได้ด้วย
ภายในห้อง Bike Club ยังมีห้องโต๊ะพูล ให้ความเป็นโมเดิร์นด้วยสีดำและกระจกทรงสูงที่เปิดรับแสงธรรมชาติ ซึ่งจะเห็นเลยว่าทางโครงการได้กระจายพื้นที่ส่วนกลางไปตามจุดต่างๆ รอบโครงการ และแบ่งพื้นที่ออกจากส่วนพักอาศัยด้วยการทำเป็นเนินยกระดับ และยังช่วยพรางตาจากรอบนอกได้ด้วย
ในส่วนของ Home Theater ก็อยู่ภายใต้งานสถาปัตยกรรมแบบเดียวกัน ภายในโปร่งมีโซฟาและจอ TV ขนาดใหญ่สามารถดูหนังได้สบายๆ และภายในแบ่งเป็นห้องดูหนังถึง 3 ห้องด้วยกันถือว่าไม่น้อยเลยครับ
ภายในห้อง Co-working Space มีการออกแบบให้รับแสงธรรมชาติ เพื่อช่วยเพิ่มความโปร่งโล่งให้การอ่านหนังสือเป็นไปได้อย่างราบรื่น ในส่วนนี้จะเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ภายในแบ่งเป็นห้องอ่านหนังสือส่วนรวม และห้องประชุมใหญ่ที่แบ่งด้วยประตูบานพับที่สามารถเปิดโล่งก็ได้ หรือปิดทึบเพื่อความเป็นส่วนตัวก็ได้เช่นกัน
เรียกได้ว่าเหมาะมากสำหรับ Freelance หรือคนทำงานที่ต้องการพื้นที่สำหรับสร้างแรงบันดาลใจแปลกใหม่หรือประชุมงานนอกสถานที่ได้อีกด้วย คนที่อยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องไปไหนไกลแค่เดินลงมาก็มีที่ทำงานบรรยากาศดี๊ดี แถมนั่งฟรีทั้งวันได้เลย
ห้องต่อไปคือ Reading Room ที่มีชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่ เน้นชั้นวางหนังสือที่โปร่งโล่งสไตล์ Minimal ใช้สอยได้ค่อนข้างมาก แต่ไม่หนาแน่น ล้อมรอบด้วยกระจกทรงสูงช่วยให้ไม่ทึบอับ ฉีกกฎจากห้องสมุดแบบเดิมๆ เอาใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่กลับบ้านมาพักแต่ก็ยังมี Facility พร้อมเสิร์ฟให้ใช้งานได้ตลอดเวลา
ขณะที่ลานด้านนอกมีการเล่นระดับพื้นสูงต่ำ ทั้งในส่วนของทางเดิน ที่นั่ง และการจัดวางตำแหน่งของต้นสนและพืชสวนนานาพันธุ์ให้แตกต่างกันไป ช่วยให้พื้นที่มีความน่าสนใจ และเชื่อมต่อไปยัง Facility อื่นๆ ตอบโจทย์คนอยู่คอนโดมากๆ มีพื้นที่ให้ออกมาสูดอากาศเดินเล่นได้ ไม่อุดอู้ในห้องเพียงอย่างเดียว
อีกทั้งทางโครงการยังได้กระจายโต๊ะและเก้าอี้ไว้ให้ลูกบ้านนั่งพักผ่อนยามแดดร่มลมตก ตามพื้นที่สวนส่วนกลางต่างๆ อีกไม่น้อยเลย
อีกหนึ่งกิจกรรมสไตล์ชาว ECO ก็คือการปลูกพืชสีเขียว ซึ่งทางโครงการได้เนรมิต พื้นที่สวนผักไฮโดรโปนิกส์ หรือการปลูกผักแบบไม่ใช้ดินให้ลูกบ้านได้มีส่วนร่วม บรรยากาศก็เหมือนอยู่ในเรือนกระจก แต่ค่อนข้างร่มดีทีเดียว มีระบบท่อลำเลียงสารอาหาร และระบบแสงครบครันพร้อมปลูกได้ทันที
อีกหนึ่งไฮไลท์ของโครงการก็คือส่วน พื้นที่ฟิตเนสและสระว่ายน้ำยาวกว่า 50 เมตร
ตัวสระเป็น Olympic size ระบบเกลือยาว 50 เมตร เหมาะสำหรับว่ายน้ำเพื่อการออกกำลังกายอย่างแท้จริง เพราะสระค่อนข้างยาว ระยะนี้เหมาะสำหรับปล่อยแรงได้เต็มที่ แม้ว่าไม่ได้ว่ายน้ำแต่แค่มาพักผ่อนรอบๆ สระว่ายน้ำก็ชิลล์แล้ว เพราะการออกแบบ Scene ตรงนี้สวยจริงๆ นอกจากนี้ยังมี Fitness ที่เปิดตลอด 24 ชม.! วิวสระว่ายน้ำ น่าออกกำลังกายมากๆ
รอบสระว่ายน้ำทำเป็นที่นั่งพักผ่อนทั้งแบบกลางแจ้งและแบบในร่ม จากภาพเป็นโซนกลางแจ้งที่นำโครงสร้างหน้าจั่วมาเป็นลูกเล่นที่มาพร้อมเบาะขนาดใหญ่ สามารถนอนเล่นพักผ่อนได้เป็นอย่างดี
ด้านล่างเป็นภาพบรรยากาศรอบๆ สระ ที่มีทั้งโซน Outdoor, Indoor และมีโซนห้องแอร์ด้านในที่มีโซฟาสำหรับนั่งพักผ่อน ทำกิจกรรมริมสระ ซึ่งมีบานประตูสามารถเปิดรับลมจากด้านนอกได้รอบด้าน
ด้านข้างฟิตเนสและสระว่ายน้ำเป็น สนามสตรีทบาสเกตบอล ขนาดย่อม ซึ่งหายากมากๆ ที่โครงการใจกลางเมืองจะมีสนามบาสเกตบอล และนอกจากนั้นยังสามารถปรับเป็นสนามกีฬากลางแจ้งอื่นๆ ได้อีก โดยส่วนกลางทั้งหมดนี้ยังสามารถจองการใช้งานห้องต่างๆ ด้วย Application "The Living" ถือว่าสะดวกสบายมากครับ
ในส่วนของด้านในโครงการชั้นล่างในแต่ละอาคารจะมีห้อง Mail Box ที่คัดแยกจดหมายและพัสดุไว้เรียบร้อย
หลายคนบอกว่า แค่เห็นส่วนกลางก็ตะลึงแล้ว ยังไม่หมดครับ มาดูห้องกันต่อดีกว่า ถึงที่นี่จะมี 8 อาคาร แต่มีการ ออกแบบไว้ดีมากๆ ได้ทั้งวิวที่ไม่บังกัน และความเป็นส่วนตัวในแต่ละชั้น โดยชั้นที่มีจำนวนห้องต่อชั้นมากที่สุดแค่ 12 ห้อง โดยแต่ละอาคารจะเว้นระยะห่างระหว่างกันพอสมควรเพื่อเป็นทั้งช่องแสง ทางลมเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ด้วยครับ
Unit Walkthrough
สำหรับห้องของที่นี่จะมีทั้งหมด 3 แบบ คือ สตูดิโอ, 1 Bedroom และ 2 Bedroom แต่ที่จะพาไปดูห้องวันนี้มีอยู่ 2 แบบคือ ห้องสตูดิโอ ขนาด 22.57-23.65 ตร.ม. และ 1 Bedroom ขนาด 29.27-36.53 ตร.ม.
มาเริ่มกันที่ห้องแบบแรก Studio มีขนาดตั้งแต่ 22.57-23.65 ตร.ม. ภายในจัดสรรพื้นที่ออกเป็นโซนครัว ห้องน้ำ ห้องนอน โซนนั่งเล่นและดูทีวีบริเวณด้านในสุด ซึ่งห้อง Studio จะมีทั้งหมด 2 แบบ แตกต่างกันตรงที่กั้นห้องนอนด้วยบานสไลด์ ถือว่าได้ฟังก์ชั่นแบบ 1 ห้องนอนไปอีก
ภายในห้องเพดานสูง 2.7 เมตรทุกห้อง ปูพื้นด้วยไม้ลามิเนต เมื่อเปิดเข้ามาจะเจอมุมครัวเล็กๆ อยู่ทางด้านซ้ายและขวามือ โดยด้านซ้ายประกอบด้วยซิงค์ล้างจาน ตู้บิวท์อินสำหรับเก็บเครื่องครัว ด้านล่างใต้ซิงค์ล้างจานเว้นว่างไว้สำหรับวางเครื่องซักผ้า ส่วนด้านขวาเป็นตู้บิวท์อินเก็บของ และเว้นพื้นที่ไว้สำหรับวางตู้เย็นขนาด 2 ประตู
ถัดจากด้านข้างพื้นที่วางตู้เย็น เป็นตู้เสื้อผ้าขนาดพอดี ที่อยู่ตรงข้ามกับประตูห้องน้ำ
ภายในห้องน้ำก็มีสุขภัณฑ์พื้นฐานครบ เน้นโทนสีขาวน้ำตาล ปูพื้นและผนังด้วยกระเบื้องเซรามิกที่ทำความสะอาดได้ง่าย
ส่วนของที่นอนมีขนาดกำลังดี วางเตียงใหญ่ได้สบาย แถมยังเหลือโต๊ะวางหัวเตียงอีกต่างหาก ส่วนปลายเตียงมีพื้นที่มากพอสำหรับวางชั้นทีวี หรือถ้าชอบพื้นที่กว้างๆ ก็สามารถปรับเปลี่ยนเป็นแบบแขวนได้
ตัวริมหน้าต่างบริเวณปลายเตียง ทางโครงการดีไซน์เป็นมุมหลบติดกับริมหน้าต่าง สามารถวางโซฟาหรือใช้ทำเป็นมุมทำงานก็ได้
ริมระเบียง ดีไซน์ให้มีส่วนหลบมุมกันแดดได้บางส่วน ด้านบนเป็นที่แขวนคอมเพรสเซอร์แอร์และเหลือพื้นที่สำหรับตากผ้าหรือวางต้นไม้ ริมระเบียงเป็นระแนงเหล็กสูงเหนือเอวขึ้นมาเพื่อความปลอดภัยเวลาออกมาชมวิว
สรุปภาพรวมของห้อง Studio ถือว่ากำลังดี ด้วยพื้นที่ใช้สอยขนาดพอดีมีฟังก์ชันครบ
มาต่อกันที่ห้องขนาด 1 Bedroom ที่ประกอบไปด้วย 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก ขนาด 29.27-36.53 ตร.ม. ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 6 แบบ แต่ในวันนี้เราจะพาไปดูแบบขนาด 29.27 ตร.ม.
ห้องนี้จะเจอกับครัวเปิดเป็นส่วนแรก โดยจะได้เคาน์เตอร์ครัวทรง L-Shape ผิวสัมผัสของตู้บิวท์อินเป็นผิวเคลือบช่วยให้ทำความสะอาดง่าย มีตู้เก็บของทั้งด้านบนและด้านล่าง ทั้งแบบมีบานปิดและเปิดโล่ง เหนือซิงค์ล้างจานมีชั้นวางแก้ว วางเครื่องปรุงขนาดเล็กให้หยิบใช้สอยได้สะดวก และมีมุมหลบสำหรับวางตู้เย็นพร้อมปลั๊กไฟ สามารถใช้ประกอบอาหารมื้อเบาได้สบายๆ
ถัดจากโซนครัวไปก็เป็นโซนนั่งเล่นที่คั่นด้วยโต๊ะทานอาหาร ส่วนของโซนนั่งเล่นสามารถวางโซฟาขนาด 2-3 คนได้ ส่วนอีกด้านวางชั้นวางทีวี ซึ่งอยู่ติดกับริมประตูระเบียงพอดี
ด้านหลังของโซฟาติดกับประตูกระจกบานเลื่อนของห้องนอน สามารถเลื่อนจนสุดเป็นห้องเดียวกันได้เพื่อให้ห้องโล่งมากยิ่งขึ้น
ภายในห้องนอนมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างพอสมควร อยู่ติดกับหน้าต่างบานใหญ่ สามารถวางเตียงขนาดใหญ่และมีที่เหลือเดินรอบเตียงได้สบาย ส่วนอีกฝั่งจะอยู่ติดกับห้องน้ำและตู้เสื้อผ้า เป็นห้องนอนที่ขนาดกำลังดีครับ
ส่วนของห้องน้ำและระเบียงของห้อง 1 Bedroom มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างกว้างกว่าห้อง Studio พอสมควร โดยส่วนของห้องน้ำมีพื้นที่ใช้สอยออกแนวยาวและกว้างกว่า พร้อมสุขภัณฑ์พื้นฐานครบ
ฝั่งระเบียงกว้างขึ้นสามารถวางเครื่องซักผ้าได้ ซึ่งทางโครงการติดตั้งระบบน้ำไว้ให้เรียบร้อย แตกต่างจากห้อง Studio ที่เว้นตำแหน่งวางเครื่องซักผ้าไว้ให้ในห้องครัว
สรุปความสะดวกสบายของห้อง 1 Bedroom ได้เพิ่มความเป็นสัดเป็นส่วนขึ้นมา โซนครัว โซนทานข้าว และห้องนั่งเล่น แยกออกจากห้องนอนชัดเจน และมีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นในทุกห้อง ห้องน้ำที่ได้ฟังก์ชั่นคล้ายๆ ห้อง Studio
************************
ทุกยูนิตมาพร้อมฟังก์ชั่นใช้สอยตามมาตรฐานพร้อม Fully-Furnished และจัดเต็มพื้นที่ส่วนกลางได้อย่างครบเครื่องทั้งในส่วนของงานดีไซน์ที่สวย ทันสมัย และดูน่าใช้งานในทุกๆ พื้นที่ และฟังก์ชั่นใช้สอยภายในโครงการที่มีให้ครบรองรับทุกไลฟ์สไตล์ชีวิตได้เป็นอย่างดี
จึงเรียกได้ว่า โครงการ Chapter One Eco รัชดา-ห้วยขวาง นอกจากเหมาะสำหรับ ซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัยเองแล้วยังสามารถซื้อไว้เพื่อลงทุน ปล่อยเช่าหรือขายให้กับชาวต่างชาติได้อีกด้วย เพราะด้วยทำเลที่ตั้ง และบรรยากาศโดยรอบโครงการที่ใครมาเห็นก็ต้องชอบทันที ราคาดี ดีไซน์เด่น ปล่อยเช่าดี
นับว่าเป็นโครงการใหม่ล่าสุดบนทำเล รัชดา-ห้วยขวาง ที่สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ 100% แล้ว หากสนใจอยากเห็นและสัมผัสของจริงก็สามารถไปที่โครงการได้เลย เรียกว่าจังหวะดีเหมาะกับการเลือกคอนโดสักที่เป็นเจ้าของก่อนมาตรการรัฐ
รับสิทธิพิเศษ! งาน Open House 9-10 มีนาคมนี้ จอง 9,900 บาท ฟรีค่าธรรมเนียมการโอน ค่าส่วนกลาง 2 ปี ค่ากองทุนส่วนกลาง เครื่องใช้ไฟฟ้า 4 รายการ ค่าประกันมิเตอร์น้ำและไฟ แต่งครบเริ่มเพียง 2.5 ล้านบาท
โปรโมชั่นเยอะ โครงการครบครันสมบูรณ์ทุกองค์ประกอบ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนยุคใหม่ขนาดนี้ บอกเลยว่าหาไม่ได้ง่ายๆ อีกแล้ว ไม่ว่าใครก็อยากได้ไว้ครอบครอง ฉะนั้นอย่าลังเลต้องรีบตัดสินใจให้ไว เพราะพลาดแล้วจะมาเสียดาย เสียใจทีหลังก็ไม่ทันแล้วนะ
คลิกดูรายละเอียดก่อนไปได้ที่ http://bit.ly/2CTpKHU หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ โทร.1739
#โอนก่อนไม่รอแล้วนะ #โอนECOหนีมาตรการรัฐ
Livinginsider - Weekly Insight Report [10-16 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [03-09 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [27 Oct-02 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [20-26 Oct 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [13-19 Oct 2024]
2024-11-18
ชัดเจนเข้าใจง่าย ชอบคะ ต้องโดน
น่าอยู่มากจ้าาาาา
ห้องดูกว้างมาเลยจ้า
เขียนดีขนาดนี้ เอาใจพี่ไปเลย
นักเขียนมืออาชีพ งานคุณภาพและมีประโยชน์มากค่ะ