ธนารักษ์ขยาย 30 ปีที่เช่าสนามบินสุวรรณภูมิ ทอท.ลุยแอร์พอร์ตซิตี้บิ๊กค้าปลีก-อสังหา-รพ.แจม

ธนารักษ์ขยาย 30 ปีที่เช่าสนามบินสุวรรณภูมิ ทอท.ลุยแอร์พอร์ตซิตี้บิ๊กค้าปลีก-อสังหา-รพ.แจม

กรมธนารักษ์เคาะแล้ว ขยายสัญญาเช่า 30 ปีที่ดินสนามบินสุวรรณภูมิ 2 หมื่นไร่ ทอท.จ่อนำเปิดประมูล PPP ดึงเอกชนลงทุนเชิงพาณิชย์ 10 กิจกรรม ปั้นแอร์พอร์ตซิตี้สมบูรณ์แบบ เผยมีเอกชนไทย-เทศร่วม 40 รายสน

ทั้ง “เซ็นทรัล-สยามพิวรรธน์-ซี.พี.แลนด์-อมตะ-บ้านปู-โรงพยาบาลไทยนครินทร์-จุฬารัตน์” ประเดิมที่ดินติดไบก์เลน 700 ไร่ ดีเดย์ พ.ค.นี้จัดทดสอบความสนใจ คิวต่อไปย่านวัดศรีวารีน้อย 400 ไร่ ดึงทุนใหญ่ผุดคาร์โก้

นายอำนวย ปรีมนวงศ์ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทางบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ได้ทำหนังสือถึงกรมเพื่อขอต่ออายุสัญญาเช่าที่ดินสนามบินสุวรรณภูมิ เนื้อที่ 19,251 ไร่ ออกไปอีก 30 ปี จากสัญญาเดิมจะครบกำหนดสัญญาเช่าในปี 2575 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียด มีแนวโน้มจะขยายเวลาเช่าให้ตามที่ ทอท.ยื่นเสนอมา คาดว่าจะได้ข้อสรุปและเซ็นสัญญาได้ภายใน 2-3 เดือนนี้

ขยายเวลา 30 ปี

“ตามกฎหมายจะต่อสัญญาได้ไม่เกิน 30 ปี เมื่อได้ข้อตกลงร่วมกันเรื่องผลตอบแทนหรือค่าเช่าเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ภายในปีนี้ ซึ่งการเริ่มต้นสัญญาเช่าจะรวมระยะเวลาที่เหลือกับระยะเวลาขยายเวลาใหม่ เท่ากับสัญญาเช่าใหม่จะหมดในปี 2593”

ทั้งนี้ ทอท.มีแผนจะนำที่ดินที่ยังเหลือนำไปพัฒนาเชิงพาณิชย์สร้างรายได้ในระยะยาว ซึ่งสัญญาเช่าที่เหลือ 13 ปีไม่เพียงพอที่จะจูงใจให้เอกชนมาร่วมลงทุนได้ หากเป็นการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งกรมก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้วที่จะรับพิจารณา เนื่องจากจะมีรายได้จากค่าเช่าเพิ่ม จากปัจจุบันที่ได้รับอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี จากการที่ปรับค่าเช่าใหม่เมื่อปี 2561

นิตินัย ศิริสมรรถการ

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ตามที่ ทอท.มีแผนจะพัฒนาที่ดินบริเวณโดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิเป็นเชิงพาณิชย์ เพื่อนำไปสู่เมืองการบินอย่างสมบูรณ์แบบ จากการพัฒนาเชิงพาณิชย์ 10 กิจกรรม

ได้แก่ โรงแรม การขนส่งและโลจิสติกส์ สำนักงานและศูนย์ธุรกิจ ร้านค้าและศูนย์การค้า การท่องเที่ยวและนันทนาการ การประชุมสัมมนาและนิทรรศการ ที่พักอาศัย การกีฬา การรักษาพยาบาล และกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการบินให้เป็น 50% ในปี 2563

พ.ค.-มิ.ย.จัดทดสอบความสนใจ

“รอการยืนยันอย่างเป็นทางการจากกรมธนารักษ์ คาดว่าหลังสงกรานต์นี้จะได้ข้อสรุป จากนั้นประมาณปลายเดือน พ.ค.-มิ.ย.นี้ ทอท.จะจัดทดสอบความสนใจภาคเอกชน (market sounding) ในการพัฒนาโครงการ”

นายนิตินัยกล่าวว่า แปลงแรกจะเริ่มที่ดินแปลงที่ 37 เนื้อที่ 1,470 ไร่ เป็นที่เช่าของกรมธนารักษ์ อยู่ในเขตสนามบินบริเวณด้านนอกอาคารผู้โดยสาร ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ปัจจุบันยังเหลือที่ดินประมาณ 700 ไร่

เนื่องจาก ทอท.นำไปก่อสร้างเป็นไบก์เลนไปบางส่วนแล้ว จะเปิดให้เอกชนที่สนใจยื่นข้อเสนอร่วมลงทุนพัฒนาใน 10 กิจกรรม โดยรูปแบบการพัฒนาอาจเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการบิน เพราะอยู่ในเขตสนามบิน เช่น ธุรกิจคาร์โก้ โรงแรม รีเทล

“มีข้อจำกัดเวลาการเช่าที่สั้นไป เหลือแค่ 10 กว่าปี จะทำให้ไม่สามารถพัฒนาโครงการใหญ่เพราะไม่คุ้มค่าการลงทุน จึงขอขยายอายุสัญญาเช่าจากกรมธนารักษ์อีก 30 ปี ต่ออายุสัญญาเช่าได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 10 ปี รวม 50 ปี เพื่อให้เอกชนสามารถลงทุนเป็นโครงการขนาดใหญ่ขึ้น คาดว่าการลงทุนโครงการจะมีมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท ส่วนระยะเวลาสัมปทานสูงสุดอยู่ที่ 50 ปี”

สำหรับแปลงที่ 2 อยู่นอกเขตการบินและเป็นที่ดินของ ทอท.เอง เนื้อที่ 723 ไร่ อยู่ใกล้วัดศรีวารีน้อย ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอคณะกรรมการผังเมืองแห่งชาติ พิจารณาอนุมัติให้ปรับสีผังเมืองจากสีเขียว (ที่ดินประเภทเกษตรกรรม) เป็นสีน้ำเงิน (ที่ดินประเภทราชการ) ให้พัฒนาได้มากขึ้น

คาดว่าจะได้รับอนุมัติหลังสงกรานต์หรือภายในเดือน พ.ค.นี้ จากนั้นจะเริ่มดำเนินการหาเอกชนมาร่วมลงทุนพัฒนากิจกรรมต่าง ๆ เบื้องต้นมีที่ดินจะพัฒนาได้ประมาณ 300-400 ไร่ โดยกิจกรรมที่เหมาะสมที่สุดคือคาร์โก้

ยักษ์ไทย-เทศ 40 รายแห่ชิงดำ

“ทั้ง 2 แปลง ทอท.เคยเปิดทดสอบความสนใจมาก่อนแล้ว และมีเปิดให้เอกชนที่สนใจเสนอโครงการเข้ามานานแล้ว โดยไม่ต้องรอการจัดทดสอบความสนใจที่เรากำลังจะดำเนินการอีกครั้ง ในเร็ว ๆ นี้ ที่ผ่านมามีเอกชนไทยและต่างชาติเสนอโครงการมา 40 ราย ซึ่งไม่สามารถบอกรายชื่อได้ ซึ่งที่ดินตรงวัดศรีวารีน้อยมีเอกชนรายใหญ่เสนอโครงการมาแล้ว”

นายนิตินัยกล่าวอีกว่า สำหรับการลงทุนในบางกิจกรรมจะดึงเอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP และบางกิจกรรมจะเป็นร่วมทุน โดยจัดตั้งบริษัทลูกของ ทอท.บริหารจัดการ เพื่อขยายธุรกิจใหม่ ๆ เช่น ธุรกิจคาร์โก้ ได้ร่วมกับการบินไทย จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบและรับรองคุณภาพสินค้าก่อนส่งออก หรือ certify hub เพื่อเป็นศูนย์กลางตรวจสอบสินค้าเกษตรก่อนส่งออกไปยังต่างประเทศ และจัดตั้งบริษัททำธุรกิจเทรดดิ้ง

รายงานข่าวเปิดเผยว่า สำหรับเอกชนไทยและต่างชาติ จำนวน 40 รายที่สนใจเสนอโครงการ อาทิ กลุ่มเซ็นทรัล, กลุ่มสยามพิวรรธน์, นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร, บริษัท บ้านปู อินฟิเนอร์จี จำกัด ผู้ดำเนินงานธุรกิจการวางระบบและเทคโนโลยีด้านพลังงาน และให้บริการวางระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจร

ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน), บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ ซี.พี., บริษัท ทริฟเวนท์ ดีวีลอปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้านคลังสินค้า โรงงาน และสำนักงานให้เช่าย่านถนนบางนา-ตราด, กลุ่มโรงพยาบาลไทยนครินทร์, โรงพยาบาลจุฬารัตน์

ขอบคุณภาพและข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ

https://www.prachachat.net/property/news-316157