รายการโปรด
หลายคนสงสัยว่าทำไมอยู่ๆ AP ถึงไม่ทำแบรนด์ The Address อีกแล้ว ? คำตอบจาก AP ก็คือ ยังหาไม่เจอว่า จะมีที่ดินแปลงไหน ที่มีคุณค่าพอจะใช้แบรนด์นี้ เพราะ ถ้าจะเป็น The Address “ต้องเป็นที่สุด”
แต่ที่ผ่านมา ดูเหมือนจะไม่มีแปลงไหน คู่ควรกับการรังสรรค์แบรนด์ The Address เลย จนกระทั่ง AP ได้ที่ทำเลสุดยอดใจกลางเมืองแปลงนี้มา นั่นทำให้ เราจะได้เห็น การกลับมาของ ตำนานบทใหม่ที่ต้องจารึก สู่ที่สุดของการใช้ชีวิตสมบูรณ์แบบใจกลางมหานคร
“The Address” กลับมาอย่างยิ่งใหญ่และเป็นที่ฮือฮา หลังจากถูกกล่าวขานเรื่องความสำเร็จมายาวนานถึง 8 ปี!
The Address สยาม-ราชเทวี ตั้งอยู่บนโลเคชั่นที่เรียกได้ว่า มีทั้งมูลค่าและคุณค่าที่สุดของใจกลางเมือง ในย่านสยามอย่าง “ราชเทวี” บนถนนเพชรบุรี ติดปากซอยเพชรบุรี 14 ไม่ต้องเข้าซอยให้ยุ่งยาก ใช้รถยนต์ส่วนตัวก็สะดวก สามารถออกพระราม 4 หรือเข้าซอยเพชรบุรี12 ทะลุไปพญาไท รวมถึงอนุสาวรีย์ หรือจะวิ่งไปพระราม 8 ประตูน้ำก็ได้เหมือนกัน แม้แต่ทางด่วนเองก็มีให้ขึ้นหลายเส้นทาง ทั้งทางด่วนศรีรัช ทางด่วนยมราช ทางด่วนบางนา-ดาวคะนอง สามารถวิ่งไปได้ทั่วกรุงเทพฯ ทุกทิศทาง หรือออกต่างจังหวัดก็ไม่ยาก
แต่จุดเด่นคือ ใกล้รถไฟฟ้าสถานี ราชเทวี เพียง 150 เมตร อยู่ในระยะเดินได้แบบสบายๆ และยังไม่ไกลจากแอร์พอร์ตลิ้งค์ สถานีพญาไท รวมถึงในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งสถานีที่ใกล้ที่สุดคือราชเทวี ประมาณ 200-300 เมตร ส่วนสถานที่การศึกษาก็ไม่ต้องห่วง มีให้เลือกพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น รร.มาแตร์เดอี, รร.เตรียมอุดมศึกษา, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อด้วยสถานพยาบาลอย่าง รพ.พญาไท, รพ.มิชชั่น, รพ.จุฬาฯ เป็นต้น
ไฮไลท์ที่สำคัญของทำเลราชเทวี คืออยู่ ห่างจาก สยามเพียงสถานีเดียวเอง (แต่ก่อนเราทำงานราชเทวี เดินไปประจำก็ไหวอยู่นะ) ซึ่งที่นี่เป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจ มีทั้งห้างสรรพสินค้าอย่าง พารากอน สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามเซ็นเตอร์ สยามสแควร์วัน
รวมไปถึงร้านค้า ร้านอาหาร ที่เรียนพิเศษ ออฟฟิศต่างๆ อีกมากมาย คือตอบสนองได้ทุกความต้องการ จึงไม่แปลกถ้าจะเป็นแหล่งรวมกลุ่มคนทุกเพศทุกวัยเลยทีเดียว
เหนือสิ่งอื่นใดแค่ทำเล คงไม่สามารถทำให้ผู้คนยังนึกถึง และรอการกลับมาได้หรอก ต้องมีอย่างอื่นประกอบเข้าด้วยกันอีก ซึ่งก็คือ ตัวโครงการ นั่นเองงงงง
โครงการ “The Address สยาม-ราชเทวี” เป็นคอนโด Prestige – Lux สูงถึง 50 ชั้น นับว่าเป็นคอนโดที่สูงที่สุดในย่านราชเทวี และสูงที่สุดที่ AP เคยทำมาเลย มีจำนวนทั้งหมด 880 ยูนิต จอดรถได้ประมาณ 51% หรือ 449 คัน (ไม่รวมซ้อนคัน)
เรื่องการออกแบบดีไซน์ มาในคอนเซ็ปต์ “Living the Prestige - Crafted for Elites” โดยได้แรงบันดาลใจจาก สถาปัตยกรรมพระราชวังทรงคลาสสิกประเทศฝรั่งเศส ผสมผสานกับความงามอันเป็นเอกลักษณ์ ของงานประณีตศิลป์ไทยแบบประยุกต์ได้อย่างลงตัว
สำหรับการออกแบบภายนอกอาคาร มีการใช้หิน White Limestone หินเกรดดีจากประเทศโปรตุเกส นำมากรุส่วน Façade ด้านหน้าของตึก ที่ควบคู่ไปกับ ลายฉลุจากนกยูง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของโครงการ ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา โอ่อ่า และสวยงาม
ส่วนการตกแต่งภายในอย่าง ส่วนกลาง ทั้งหลาย ก็สวยงามไม่แพ้กัน ไล่ตั้งแต่ ชั้น G Piman Lounge ห้องรับรองแขกที่โดดเด่นด้วยการดีไซน์เพดานกระจก ที่ให้แสงสว่างราวกับอยู่ใน glass house พร้อมความสูงกว่า 8 เมตร ทำให้ห้องดูกว้างขึ้น ผนังฝั่งหนึ่ง ปูด้วย Statuario เป็นหินอ่อนชนิดพิเศษ มีลวดลายสีเทาที่คมเฉียบแบบหาไม่ได้จากหินอ่อนประเภทอื่นๆ และต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการสกัดออกมาแต่ละก้อน
นอกจากนี้ เฟอร์นิเจอร์ยังสั่งทำพิเศษ เพื่อเป็น Signature ของโครงการ ด้วยลวดลายนกยูง ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งจากในภาพมุมนี้จะเป็น โซน Display ตัวอย่างผ้าบุเฟอร์นิเจอร์และวอลเปเปอร์จากแอร์เมส ที่ทางโครงการฯ ใช้ตกแต่งใน The Sky Chamber ซึ่งเป็น Business Lounge ที่อยู่สูงที่สุดของโครงการนี้
Mayura Lounge ห้องดื่มชาขนาดใหญ่ โอ่โถงกว้างขวาง มีที่นั่งให้เลือกเยอะ มองแล้วมีความหรูหราเบาๆ
และ Thewi Garden พื้นที่พักผ่อนด้านนอกที่จะได้ยินเสียงธารน้ำไหลเหมือนอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ
ชั้น 9 The Scented Garden สวนสำหรับนั่งเล่นรับลม มีบ่อน้ำที่ให้ความเย็น และได้กลิ่นหอมจากพันธุ์ไม้นานาพันธุ์ ชวนให้รู้สึกสดชื่น ได้แก่ แก้วเจ้าจอม มะลิ เบอร์กามอท เป็นต้น และ The Gym พื้นที่ส่วนตัวสำหรับออกกำลังกาย
ชั้น 50 พื้นที่ที่รองรับไลฟ์สไตล์มีทั้ง indoor และ outdoor ได้แก่ The Sky Garden สวนขนาดใหญ่ ให้มุมมองวิวทิวทัศน์ของเมืองในฉบับที่พิเศษ The Sky Library ห้องสมุดไว้อ่านหนังสือ นั่งเล่น นั่งทำงาน ที่เปิดรับวิวได้สุดสายตา
The Sky Pool with hydrotherapy & Kid’s pool สระว่ายน้ำยาว 50 เมตร มีวารีบำบัด ใช้น้ำนวดส่วนต่างๆ
The Sky Gym ที่ออกกำลังกายขนาดใหญ่ ถูกซ่อนไว้บนชั้นสูงสุดของโครงการ โดยมีเครื่องออกกำลังกายแบบ Kinesis แบรนด์ Technogym จากประเทศอิตาลี ที่สามารถออกกำลังกายได้มากกว่า 200 ท่า ในทุกสัดส่วน
ด้านห้องพักอาศัย ขายแบบ Fully Fitted ประกอบด้วย ส่วนของห้องครัว, Digital Door Lock ตัว Top จาก Yale ที่เชื่อม Bluetooth access เข้ากับระบบ Smart Home Automation ที่ทางโครงการติดตั้งมาให้เรียบร้อย, เครื่องปรับอากาศ และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ โดย มีห้องให้เลือกถึง 5 แบบ ดังนี้
1 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ 31.5 - 35 ตารางเมตร
1 ห้องนอน (ดูเพล็กซ์) ขนาดพื้นที่ 50 ตารางเมตร
2 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ 51.5- 69.5 ตารางเมตร
2 ห้องนอน (ดูเพล็กซ์) ขนาดพื้นที่ใช้ 65 ตารางเมตร
3 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ 86 ตารางเมตร
โดยที่ Sale Gallery มีห้องตัวอย่างให้ดู 3 แบบ เราจะพาไปชมทุกห้องเลย!!! สตาร์ทกันที่ 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตารางเมตร
เปิดประตูเข้ามาจะพบกับห้องนั่งเล่นเป็นอันดับแรก มีความหรูหราแบบเรียบง่าย พื้นถึงฝ้าสูง 3 เมตร พื้นเป็นไม้ Hybrid Engineering Wood ซึ่งทนการขังน้ำและรอยขีดข่วนได้ดีกว่าพื้นรุ่นเก่า แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น เราแวะดูห้องครัวที่อยู่ทางซ้ายมือก่อนดีกว่า จะได้ครัวปิด ชุดครัว ตู้เก็บของด้านบน รวมถึงผนังหลังเตา เป็นของ Kohler
รุ่น Karess โดดเด่นด้วยพื้นผิวอลูมิเนียม ใช้เทคโนโลยี ORF (Oil-Resistance) เวลาคราบน้ำและน้ำมันเกาะติดตามชุดครัว สามารถเช็ดออกทำความสะอาดได้ง่ายๆ แถมผนังหลังเตาก็มีที่เก็บของให้อีกด้วย และเคาน์เตอร์ครัว Top ทำจาก Solid Surface แข็งแรงเป็นรอยขีดข่วนได้ยาก เครื่องใช้ไฟฟ้าได้ของ Kuppersbusch มีเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และ Combi เตาอบไมโครเวฟ
ขวามือของห้องเป็น ห้องน้ำ แนวลึก มีข้อดีตรงที่ทำทางเข้า-ออกตรงห้องนอนเพิ่มมาด้วย ทำให้สะดวกมากยิ่งขึ้น สุขภัณฑ์ของ Grohe+ToTo ติดกระจกพร้อมที่วางของด้านหลังยาวเต็มผนัง โถสุขภัณฑ์อัตโนมัติ Rain Shower และติดฉากกั้นอาบน้ำมาให้เรียบร้อย
วกกลับมา ห้องนั่งเล่น ส่วนแรกเป็นพื้นที่ให้วางโต๊ะกินข้าว 4 ที่นั่ง ถัดไปสามารถวางโซฟา และชั้นวางทีวี พร้อมวางโต๊ะกลางอีกหนึ่งตัว ก็ยังมีพื้นที่เหลือๆ ให้เดินผ่านไปมาได้
ในสุดเป็น ระเบียง ที่มีหน้าต่างกั้นมาให้อีกชั้นหนึ่ง เผื่ออยากขยายพื้นที่ห้องนั่งเล่นเพิ่มในวันที่มีแขก ซึ่งมีขนาดกว้างประมาณหนึ่งเลย
ห้องนอน ได้ประตูทึบ เพิ่มความเป็นส่วนตัว วางเตียง 5 ฟุต ก็ยังเหลือพื้นที่สำหรับตู้เสื้อผ้า และโต๊ะหัวเตียง ได้หน้าต่างแบบบานกระทุ้ง แต่ทำกระจกมาให้เต็มผนังเพื่อช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามา ทำให้ห้องดูสว่าง
อีกห้องคือ 2 ห้องนอน ขนาด 66.5 ตารางเมตร เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับส่วนของ ห้องครัว แต่คราวนี้เป็นครัวเปิด วัสดุและของเหมือนกับห้องเมื่อกี้ ต่างตรงพื้นที่ตู้เย็นที่สามารถใส่แบบสองประตูได้
ห้องนั่งเล่น ลักษณะการจัดห้องคือวางโต๊ะกินข้าวได้ 6 ที่นั่ง วางโซฟาได้ 3 ที่นั่ง พร้อมชั้นวางทีวี ซึ่งสามารถติดทีวีขนาดใหญ่ประมาณ 55 นิ้วได้ เพราะมีระยะห่างประมาณหนึ่ง
ระเบียง ห้องนี้เป็นแบบกระจกใส มีขนาดใหญ่ เหมาะอย่างมากแก่การนั่งมองวิวชมบรรยากาศกลางเมือง
ซึ่งระหว่างมุมกินข้าวกับโซนนั่งเล่นจะมีทางเดินขั้นกลาง เพื่อเดินไปยังส่วนของห้องนอน โดยจะพบกับ ห้องน้ำก่อนทางซ้ายมือ ลักษณะเป็นแนวลึก อุปกรณ์ครบครันพร้อมใช้งาน และมีทางเข้า-ออก เชื่อมไปยังห้องนอนเล็กได้
ห้องนอนเล็ก สามารถทำเป็นห้องนอนแขก ห้องลูกๆ หรือใครจะดัดแปลงเป็นห้องทำงานก็ไม่ผิด สามารถใช้จินตนาการของตัวเองได้อย่างเต็มที่
อีกฝั่งหนึ่งจะเป็น ห้องนอนใหญ่ ถ้าวางเตียง 5 ฟุต จะเหลือพื้นที่สำหรับวางโต๊ะหัวเตียงได้ฝั่งละอัน และมีพื้นที่ทางเดินได้พอดีๆ
ซึ่งยังมีสเปซสำหรับโต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้า ที่แนะนำว่าบิวท์ให้สุดเพดานไปเลย ได้มีพื้นที่เก็บของเยอะๆ เค้าให้มาตั้ง 3 เมตร ต้องทำให้คุ้ม
แต่ที่เห็นแล้วสะดุดตาสุดของห้องนี้ คงต้องยกให้ ห้องน้ำ เพราะมี อ่างจากุซซี่ และหน้าต่างแบบ Bay Window ที่เพิ่มเข้ามา ทำให้ห้องสว่างปลอดโปร่งและดูดีมากบอกเลย!
ต่อด้วยสุดทางเดิน จะเป็นในส่วนของตำแหน่งวางคอมเพรสเซอร์ ที่มีประตูบานเลื่อนแบบกระจกใสกั้นไว้ และมุมขวามือสำหรับวางเครื่องซักผ้า
สุดท้ายกับ 2 ห้องนอน (ดูเพล็กซ์) ขนาดพื้นที่ 65 ตารางเมตร แฟนพันธ์ุแท้ห้องแบบนี้ต้องไม่พลาด ครบมากจริงๆ
เมื่อเข้าสู่ห้อง เราจะพบกับบันไดอยู่ทางขวามือ ส่วนซ้ายมือบิวท์เป็นตู้เก็บของเก็บรองเท้าได้แบบเหลือเฟือ
มองย้อนกลับไปที่ประตูทางเข้าห้อง
ซึ่งเดินเข้ามาอีกนิด จะเห็นความสูงโปร่งของห้องนี้ได้อย่างชัดเจน เพราะจากพื้นถึงเพดานสูงถึง 5.8 เมตร พื้นที่ห้องนั่งเล่น จะวางโซฟา 2 หรือ 3 ที่นั่งก็ไม่ใช่ปัญหา ติดกันเป็นระเบียงมีขนาดยาว โดยได้ประตูบานเลื่อนแบบกระจกใส พร้อมหน้าต่างที่สูงจรดเพดาน ทำให้แสงเข้ามาได้อย่างเต็มที่ ห้องจึงยิ่งดูโปร่งเข้าไปใหญ่
ข้างหลังเป็นพื้นที่ของครัว ซึ่งถ้ามองเผินๆ ก็เหมือนกับสองห้องก่อนหน้านี้ แต่ความจริงคือ มีฟังก์ชั่นเป็นประตูปิดส่วนครัวมาให้ด้วย! พอปิดแล้วดูกลมกลืนไปกับผนัง ทำให้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมากกว่าเดิมอีกเท่าตัว
และตรงกันข้ามวางโต๊ะกินข้าวได้ 4 ที่นั่ง ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้พื้นที่ดูแคบแต่อย่างใด
ชั้นล่างนี้มีอีก ห้องหนึ่ง อยู่ด้านในสุด ขนาดไม่เล็กนะวางเตียง 5 ฟุต โต๊ะหัวเตียง ตู้เสื้อผ้า ได้สบายๆ และยังทะลุเข้าห้องน้ำได้โดยที่ไม่ต้องออกไปข้างนอกอีกต่างหาก
ส่วนแขกก็สามารถเข้า ห้องน้ำ จากข้างนอกได้เลย สุขภัณฑ์มีให้ครบทุกอย่าง ขนาดก็กว้างขวางเหมือนเดิม
เข้าสู่ชั้นสอง เป็นห้องนอนใหญ่ ที่มี ห้องน้ำในตัว ไม่ต้องขึ้นๆ ลงๆ ให้เสียเวลา มีที่อาบน้ำติดกระจกแยกส่วนเปียกส่วนแห้งอยู่ฝั่งหนึ่ง อีกฝั่งที่ติดกระจกเป็นอ่างจากกุซซี่ ให้นอนแช่น้ำผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่
เตียงนอนวางควีนไซส์ได้ ตู้เสื้อผ้าจะได้ในส่วนของผนังตู้เสื้อผ้า ฝั่งติดห้องนั่งเล่นเป็นกระจกใสอีกด้วย เพิ่มความโปร่งโล่งให้กับห้องชุด ทำให้ห้องนี้มองแล้วดูกว้างขวางไม่รู้สึกอึดอัดอย่างที่คิดเอาไว้
บอกได้เลยว่า ใครต้องการคอนโดย่าน สยาม - ราชเทวี ที่เป็นของระดับ Luxury ของจริง ไม่ใช่แค่ใช้คำว่า Luxury ในโฆษณา The Address สยาม - ราชเทวี คือ ที่ที่คุณต้องการ
สำหรับราคาเริ่มต้น ประมาณ 200,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งถ้ามองบริบทโดยรวมทั้งหมดที่กล่าวมาในข้างต้นแล้ว ไม่มีมุมไหนที่ไม่คุ้มค่าเลยครับ
ทั้งหมดทั้งมวลทำให้การกลับมาครั้งนี้ของ "The Address สยาม-ราชเทวี" จะต้องกลายเป็นตำนานบทใหม่ที่ต้องจารึก แล้วก็คงถูกพูดถึงไปอีกหลายปี ไม่ต่างจากโครงการรุ่นพี่ก่อนหน้านี้
ใครสนใจสามารถคลิกลงทะเบียนได้ที่ https://bit.ly/2VXwtvX โดยพร้อมเปิดชมห้องอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 8 - 9 มิ.ย. นี้ ณ Sales Pavilion โครงการ "The Address สยาม-ราชเทวี"
Livinginsider - Weekly Insight Report [10-16 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [03-09 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [27 Oct-02 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [20-26 Oct 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [13-19 Oct 2024]
2024-11-18
รีวิวโครงการรวดเร็วดีค่ะ
มีความหลายหลายในการรีวิวดีค่ะ
ภาพรวมเว็บน่าสนใจมากๆ มีหลากหลายเนื้อหาให้อ่านดีครับ
ชอบมากค่ะ ชอบทุกบทความเลย
บอความดี ขออนุญาตแชร์ครับ
รีวิวได้ทุกซอก ทุกมุมจริงๆเลยครับ ชอบครับ ตัดสินใจง่ายดี