‘ทำเล-ราคาจับต้องได้’ กลยุทธ์หลักสู่เป้าหมายผู้นำตลาดทาวน์เฮ้าส์

รุกเข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์เพียง 3 ปี “แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์” หรือโกลเด้นแลนด์ ได้สร้างความโดดเด่นในกลุ่มทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวสำเร็จ โดยปี 2559 นี้คาดการณ์เป้ารายได้อยู่ที่ 9,000 ล้านบาท และยอดขาย 1.4 หมื่นล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 5% และ 8% ตามลำดับ สำหรับปีหน้ามองว่ารายได้จะทะลุ 1 หมื่นล้านบาทแน่

ทั้งนี้ แสนผิน สุขี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) ให้สัมภาษณ์ถึงกลยุทธ์และแผน 4 ปีไต่อันดับผู้นำตลาดทาวน์เฮ้าส์ดังนี้

อสังหาฯยังเติบโตตามจีดีพี

ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวมปีนี้การเปิดตัวโครงการใหม่ และความต้องการลดลง โดยกลุ่มคอนโดมิเนียมลดลงค่อนข้างมากที่สุด รองลงมาเป็นกลุ่มบ้านเดี่ยว ส่วนทาวน์เฮ้าส์ลดน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม ได้มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ของภาครัฐมาช่วยทำให้ตลาดคึกคัก เห็นได้จากผลประกอบการของบริษัทยัง เติบโตและมีกำไร โดยครึ่งปีที่ผ่านมามียอดรายได้ 4,600 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นรายได้จากกลุ่มทาวน์เฮ้าส์ 3,600 ล้านบาท ที่เหลืออีกประมาณ 1,000 ล้านบาท รายได้จากบ้านเดี่ยว

“ปีนี้คาดการณ์ว่ารายได้จากทาวน์เฮ้าส์มีสิทธิ์ทะลุ 8,000 ล้านบาท จัดอยู่อันดับ 2 ของตลาดทาวน์เฮ้าส์ รองจากพฤกษา เรียลเอสเตท ซึ่งเป็นผู้นำตลาดเซกเมนท์นี้ด้วยยอดโอน 2.2 หมื่นล้านบาท ส่วนภาพรวมของโกลเด้นแลนด์ ปีนี้ขยับเป้ายอดรายได้เป็น 9,000 ล้านบาท จากเดิม 8,600 ล้านบาท โดยที่ปัจจุบันมี 31 โครงการ เป็นทาวน์เฮ้าส์ 22 โครงการ บ้านเดี่ยว 9 โครงการ”

ตลาดล่างไปได้ดีสวนกระแสศก.

สำหรับทาวน์เฮ้าส์ของโกลเด้นแลนด์เจาะตลาดล่างซึ่งเป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ โดยทำราคาขายอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านบาท แต่สินค้าของเราจะแตกต่างจากทาวน์เฮ้าส์อื่นๆในตลาด โดยมีสโมสร สระว่ายน้ำ สวนสาธารณะ และถนนเมนกว้าง ไม่ต่างจากโครงการบ้านเดี่ยว และล่าสุดโครงการทาวน์เฮ้าส์มีทะเลสาป ให้ความรู้สึกที่ยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้าที่ซื้อทาวน์เฮ้าส์ นอกจากนี้ที่ตั้งโครงการเลือกทำเลใกล้เมือง และมีชุมชน ที่สำคัญตั้งราคาที่ลูกค้าสามารถจ่ายได้ ให้ตรงกับสโลแกนของบริษัท “ยิ่งพิเศษ ยิ่งมีความสุข ในราคาที่เป็นเจ้าของได้”

“ผมมีมุมมองที่แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น ที่เชื่อว่าตลาดระดับล่างยังไปได้ ขณะที่ผู้ประกอบการอสังหาฯส่วนใหญ่ที่มองว่าตลาดระดับบนค่อนข้างดีกว่า ลูกค้ากู้ผ่านเยอะ แต่ปัจจุบันดีมานด์ไม่ค่อยมี เป็นปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ จากการส่งออก การลงทุนซึ่งลดลงทั้งหมด ขณะที่ตลาดล่าง ความต้องการซื้อมีมากกว่า แต่มีปัญหายื่นขอสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม ยอดอนุมัติสินเชื่อมากกว่า เช่น ยื่นกู้ 100 ราย ผ่านถึง 60% ขณะที่เป้าหมายที่บริษัทต้องการอาจจะอยู่ที่ 30% ฉะนั้นถือว่ายังดีอยู่

ปี 64 รายได้ทะลุ 2 หมื่นล้านบ.

จากปีนี้ที่คาดว่าตลาดทาวน์เฮ้าส์จะทำรายได้ทะลุ 8,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทคาดการณ์ว่าในอีก 4 ปีข้างหน้าหรือภายในปี 2564 รายได้ในกลุ่มทาวน์เฮ้าส์น่าจะทำได้ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท โตจากปัจจุบัน (ปี2559) ที่มียอดรายได้เกือบ 1 หมื่นล้านบาท เฉลี่ยเติบโตปีละ 25% เพราะทีมงานซึ่งถือเป็นคีย์ซัคเคส ปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จ เป็นทีมงานที่มีประสบการณ์ เข้าใจและรู้ขั้นตอนการทำงานตลาดทาวน์เฮ้าส์

สำหรับปี 2560 ยอดรายได้แตะหลักหมื่นล้านบาทแน่ โดยสินค้าหลักประมาณ 70% เป็นทาวน์เฮ้าส์ ระดับราคา 2-3 ล้านบาท นอกจากนั้นจะขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น โดยจะมีทาวน์เฮ้าส์ระดับบน เป็นทาวน์เฮ้าส์ในเมือง ราคา 3-5 ล้านบาท และ 5-9 ล้านบาท ตอบโจทย์ลูกค้าในเมือง เป็นทาวน์เฮ้าส์สูง 3 ชั้น อีกกลุ่มจะเป็นทาวน์เฮ้าส์ ชานเมือง เกาะแนวรถไฟฟ้า ทำราคา 1.5-1.6 ล้านบาท และขยายไปต่างจังหวัด โดยโครงการนำร่องที่ศรีราชา ขณะนี้ซื้อที่ดินเรียบร้อยแล้ว คาดจะเปิดตัวไตรมาสแรกปี 2560 และไตรมาส 2 รับรู้รายได้ วางแผนสร้าง 400 หน่วย

“ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้นในเมือง วางแผนพัฒนาจำนวนประมาณไม่เกิน 200 หน่วยต่อโครงการ ปัจจุบันยังมีที่ดิน เป็นที่ดินที่ทำคอนโดมิเนียมไม่ได้ เพราะติดเรื่องเทศบัญญัติ หรือพัฒนาแล้วอาจไม่คุ้ม (คอนโดฯต้องขายในราคา 1 แสนบาทต่อตร.ม.ขึ้นไป) เพราะขนาดที่ดินน้อย เช่น ย่านปิ่นเกล้า ลาดปลาเค้า วังหิน โชคชัย4 หรือสาทรบางจุดก็ยังมีอยู่ในซอย ที่ดินประเภทนี้ทำคอนโดฯไม่ได้ ทาวน์เฮ้าส์ก็แพงเกิน ดังนั้น จึงออกมาเป็นทาวน์เฮ้าส์ 3-4 ชั้น หรือบ้านเดี่ยวราคา 30 ล้านบาท ซึ่งผมมองว่าราคาแพงไป ยอมรับอย่างหนึ่งว่าอสังหาฯราคามีผลอย่างมาก กับสินค้าที่ต้องทำให้ถูกใจ”

นอกจากนี้ยังมีบ้านแฝด เป็นบ้านแฝดที่มีนวัตกรรมเหมือนบ้านระดับราคาสูง เติมฟังก์ชั่นใหม่ๆที่บ้านระดับ 10 ล้านบาทมี เช่น ห้องใต้หลังคา ห้องพัก ให้ความรู้สึกซื้อบ้านแฝดเหมือนอยู่บ้านเดี่ยว แต่ราคาที่ลูกค้าสามารถซื้อได้ เพราะผู้บริโภควันนี้อยากได้บ้านที่คุ้มราคา จ่ายน้อยแต่ได้บ้านที่ดี

ขอบคุณภาพและข่าวจาก ฐานเศรษฐกิจ

http://www.thansettakij.com/2016/09/20/98482