News
icon share

ขายเกลี้ยงแบบ Next Normal! ออริจิ้น ปิดการขาย “ดิ ออริจิ้น อ่อนนุช” 1 ชั่วโมง

LivingInsider Report 2020-08-11 12:05:40
ขายเกลี้ยงแบบ Next Normal! ออริจิ้น ปิดการขาย “ดิ ออริจิ้น อ่อนนุช” 1 ชั่วโมง

“ออริจิ้น” ปลื้ม “ดิ ออริจิ้น อ่อนนุช” สร้างปรากฏการณ์ใหม่วงการอสังหาฯ Sold Out ใน 1 ชม. แม้เปิดขายออนไลน์แบบ Next Normal ไม่มี Sales Gallery คาด Key Success คือการสร้าง Reaching Solution ช่วยผู้บริโภคเข้าถึงคอนโดทำเลฮอตอ่อนนุชในราคา 1.29 ล้าน

 

และเข้าถึงการซื้อขายได้จากทุกที่ไม่เสียเวลาต่อคิว เล็งใช้แพลทฟอร์ม Evenprop กับการขายโครงการใหม่ๆ ต่อเนื่อง พร้อมทยอยเปิดตัว “ดิ ออริจิ้น อี 22 สเตชั่น” และ “ดิ ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ รามอินทรา” มูลค่าโครงการรวม 3,650 ล้านบาท ควบคู่กลยุทธ์ Origin Next Normal, The 2nd Wave

 

นายอภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริจิ้น คอนโดมิเนียม จำกัด ผู้พัฒนาโครงการกลุ่มสมาร์ทคอนโดมิเนียม ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้ประกาศกลยุทธ์ “Origin Next Normal, The 1st Wave” เปิดขายโครงการคอนโดมิเนียม

ขายเกลี้ยงแบบ Next Normal! ออริจิ้น ปิดการขาย “ดิ ออริจิ้น อ่อนนุช” 1 ชั่วโมง

 

“ดิ ออริจิ้น อ่อนนุช” (The Origin Onnut) ผ่านช่องทางออนไลน์ 100% บนแพลทฟอร์มอีเวนท์การขายออนไลน์ (Online Presales Event Platform) ภายใต้ชื่อ www.evenprop.com โดยไม่มีสำนักงานขาย ไม่มีพนักงานขายแบบออฟไลน์ ล่าสุด บริษัทได้รับกระแสตอบรับจากผู้บริโภคอย่างยอดเยี่ยม สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้ตลาดอสังหาฯในปีนี้ด้วยการปิดการขายโครงการ ภายใน 1 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเปิดพรีเซลอย่างเป็นทางการ 

 

“ราคาที่ถูกลงเนื่องจากไม่มีต้นทุนในการพัฒนาสำนักงานขายและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นกุญแจแห่งความสำเร็จที่สำคัญในครั้งนี้ เพราะผู้บริโภคมีโอกาสเข้าถึงที่อยู่อาศัยทำเลอ่อนนุชในราคาที่คุ้มค่ามากขึ้น เริ่มต้นเพียง 1.29 ล้านบาท

 

ขณะเดียวกัน ความสะดวกจากการเข้าถึงแพลทฟอร์มออนไลน์ ก็เป็นส่วนสำคัญที่อำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภค สามารถเข้ามาซื้อโครงการได้ขณะตอนเปิดจองไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ที่ไหน ลดภาระที่ต้องมาต่อคิวซื้อคอนโดตั้งแต่เช้ามืด ถือได้ว่ากลยุทธ์ของเราในครั้งนี้ช่วยสร้างวิธีแก้ปัญหาด้านการเข้าถึง หรือ Reaching Solution ให้ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ขายเกลี้ยงแบบ Next Normal! ออริจิ้น ปิดการขาย “ดิ ออริจิ้น อ่อนนุช” 1 ชั่วโมง

 

ในอนาคต บริษัทจะพิจารณานำแพลทฟอร์มอีเวนท์การขายออนไลน์ Evenprop มาใช้กับโครงการอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง โดยอาจมีทั้งโครงการที่เปิดขายผ่านช่องทางออนไลน์ 100% พร้อม Lab Room ซึ่งเป็นแบบห้องเสมือนจริง

 

ในกรณีที่โครงการดังกล่าวอยู่ในทำเลที่มีความต้องการสูงและผู้บริโภคในทำเลส่วนใหญ่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี (Tech Savvy) ขณะที่บางโครงการอาจมีการผสมผสานช่องทางการขายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคท้องถิ่น (Local Demand) ที่อาจไม่ได้ใช้เทคโนโลยีในทุกกิจวัตรประจำวัน

 

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังมีโครงการที่รอเปิดตัวอีก 2 โครงการ ได้แก่  1.ดิ ออริจิ้น อี 22 สเตชั่น (The Origin E22 Station) มูลค่าโครงการ 1,650 ล้านบาท และ 2.ดิ ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ รามอินทรา (The Origin Plug and Play Ramintra) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท

 

โดยจะเริ่มทยอยเปิดตัวในปลายไตรมาส 3  และไตรมาส 4  ต่อไป พร้อมกับการเปิดตัว “Origin Next Normal, The 2nd Wave” ซึ่งจะมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เป็นวิธีแก้ปัญหาสำหรับการอยู่อาศัย (Living Solution) ภายใต้บริบทแห่งอนาคต

 

สำหรับบริษัท ออริจิ้น คอนโดมิเนียม จำกัด เป็นบริษัทที่พัฒนาโครงการกลุ่มสมาร์ท คอนโดมิเนียม ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีแบรนด์หลักภายใต้การดูแลคือแบรนด์ดิ ออริจิ้น (The Origin) เน้นเจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน (First Jobber) และกลุ่มที่เพิ่งซื้อคอนโดมิเนียมหลังแรก (First Condo Buyer) อายุประมาณ 23-28 ปี

 

โดยในปี 2562 มีการเปิดตัวโครงการภายใต้แบรนด์ดังกล่าวถึง 6 โครงการหลากหลายทำเลศักยภาพ มูลค่าโครงการรวมกว่า 7,700 ล้านบาท และได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี จนทำให้หลายโครงการสามารถ Sold Out 100% ได้อย่างรวดเร็ว

 

ขณะที่บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 73 โครงการ เช่น  แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ดิ ออริจิ้น (The Origin) ไนท์บริดจ์ (KnightsBridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), เคนซิงตัน (Kensington) และ บริทาเนีย (BRITANIA) รวมมูลค่าโครงการกว่า 114,000 ล้านบาท

 

2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร
 

>> ช่องทางในการติดตามข่าวสาร <<
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @livinginsider ที่นี่

บทความอื่นๆ

livinginsider livinginsider