Maru ลาดพร้าว15 - Pet Friendly Condo คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ ใจกลางเมือง เจ้านายก็แฮปปี้ ทาสอย่างเราก็สลีปปี้สิ

"กินอาหารยี่ห้อนี้ไหมลูกน่าจะอร่อยนะ" 

"อยากได้ของเล่นอันนั้นไหมลูกน่าจะสนุก"

"ลองเสื้อตัวนี้ให้หน่อยมันน่ารักมาก"

ไม่ใช่ลูกแต่ดูแลเหมือนลูก !??

 

....แต่เป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของใครหลายคนในยุคปัจจุบัน ที่ต้องการให้สิ่งที่ดีที่สุด รวมถึงให้ความรักความผูกพันเหมือนเป็นลูกจริงๆเลย

 

ในความเป็นจริงไม่ใช่แค่เรื่องของอาหารอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ บางคนใช้ชีวิตในเมืองหลวงเลือกอยู่คอนโดเพื่อเน้นความสะดวกในการเดินทาง แต่กลับต้องคอยหลบๆซ่อนๆแอบเลี้ยง สภาพแวดล้อมในการให้อยู่ได้แค่ในห้อง เพราะกลัวคนเห็น จะเอาออกไปไหนก็ไม่ได้ ทำให้ลูกๆบางตัว มีปัญหาและป่วยอยู่บ่อยๆ

 

หมดเวลาแอบ เลี้ยงแบบไม่ต้องซ่อน

 

มารุ ลาดพร้าว15 (Maru Radprao15) - Pet Friendly Condo คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ ใจกลางเมือง เจ้านายก็แฮปปี้ ทาสอย่างเราก็สลีปปี้สิ

 

 

เดินทางไปเยี่ยมชมโครงการกันเถอะ โดยทำเลตั้งอยู่บนถนนลาดพร้าวติดถนนใหญ่เลย อยู่ระหว่างซอยลาดพร้าว 15 กับซอย 17 ไม่ต้องเข้าซอยให้วุ่นวาย ซึ่งถนนเส้นนี้ถือเป็นสายสำคัญ ในการสัญจรไปยังเส้นทางต่างๆ ไม่ไกลจากห้าแยกลาดพร้าว ที่เชื่อมต่อกับถนนพหลโยธินให้สามารถไปอนุสาวรีย์จนถึงอโศกและสุขุมวิท หรือจะใช้ถนนวิภาวดี-รังสิตเพื่อวิ่งออกนอกเมืองก็ทำได้

 

อีกทั้งยังอยู่ใกล้แยกลาดพร้าว-รัชดา ที่วิ่งไปได้ทั้งทางฝั่งรัชโยธิน หรือฝั่งห้วยขวาง พระราม9 หรือวิ่งออกไปทางรามคำแหง ยังไม่รวมถึงตามตรอกซอกซอยที่ให้ทะลุออกไปยังถนนเส้นอื่นๆ นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน ทั้งทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทางพิเศษศรีรัช  และทางด่วนรามอินทราอาจณรงค์ รวมถึงทางยกระดับอุตราภิมุก

 

แต่ถ้าในช่วงเวลาไพร์มไทม์มีอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้ถึงจุดหมายปลายทางได้เร็ว คือการใช้บริการขนส่งสาธารณะ โดยมี MRT สถานีลาดพร้าวที่อยู่ใกล้โครงการเพียง 50 เมตร และเพียง 1 สถานีก็ถึงสถานีพหลโยธิน ซึ่งเป็นจุด Interchange กับ BTS สายสีเขียว (ช่วง หมอชิต-คูคต) สถานีห้าแยกลาดพร้าว รวมไปถึง มีวินมอเตอร์ไซค์ และแท็กซี่ ให้เรียกใช้บริการได้ตลอด หรือรถประจำทางก็มีอยู่หน้าโครงการเลย แถมในอนาคตจะมี รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง เชื่อมต่อสายสีน้ำเงิน ตรงแยกรัชดา-ลาดพร้าว และเชื่อมกับ Airport Rail Link ที่สถานีพัฒนาการ

 

ความอุดมสมบูรณ์ย่านนี้เรียกได้ว่าครบถ้วน โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินมีตั้งแต่สถานีใต้ดินอย่าง Gourmet Market ขึ้นมาก็จะเจอกับอาหารสตรีทฟู้ดตลอดข้างทาง ยิ่งตอนดึกยิ่งครึกครื้น อีกทั้งยังมี Big C, Lotus Ladprao, Union mall, Central Ladprao, Major Ratchayothin รวมไปถึงสวนลุมไนท์บาซาร์รัชดาภิเษก และตลาดนัดจตุจักร

 

สถานศึกษา ไม่ไกลจากโครงการ ได้แก่ รร.หอวัง ม.ราชภัฏจันทรเกษม ม.เกษตรศาสตร์ และ ม.เซนต์จอห์น สำหรับ สถานพยาบาล ก็จะมี รพ. เปาโลเมโมเรียล รพ.สุทธิสาร และรพ.โกลเด้นเยียร์ ส่วนสำนักงานออฟฟิศรวมถึงบริษัทชื่อดังต่างๆ ก็กระจายอยู่โดยรอบ และที่เพิ่มขึ้นมาซึ่งไม่ได้มีทุกทำเลนั่นคือ ใกล้สวนสาธารณะขนาดใหญ่ อย่างสวนจตุจักร อีกด้วย

 ขอบคุณภาพ : sanook 

 

วกกลับเข้าโครงการที่ตั้งสูงตระหง่านโดดเด่นในย่านนี้ คอนโด High Rise สูง 30 ชั้น 1 อาคาร รวม 332 ยูนิต หากเทียบจำนวนชั้นกับยูนิตแล้ว คงพอมองกันออกว่า แต่ละชั้นน่าจะไม่เกิน 16 ยูนิต แสดงให้เห็นถึงความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านแต่ละคน โดยจอดรถได้ 158 คัน (47%) โดยมาในสไตล์ Minimal Modernize ที่ดีไซน์ออกแบบให้ดูเรียบง่าย แต่มีความทันสมัย ส่วนตัวมีความรู้สึกออกเป็นแนวญี่ปุ่น ที่ขึ้นชื่อเรื่องมินิมอลอย่างแท้จริง ดูสวยงามตั้งแต่ภายนอกจนถึงแก่นของภายในเลยล่ะ 

 

พร้อมด้วย Facility มากมาย ที่เราจะพยายามไล่เรียงให้ครบนะ เริ่มตั้งแต่ Drop off มีข้อดีตรงที่ทำเป็นที่ร่มขนาดใหญ่และมีความสูง Double Volume ทำให้ดูโปร่งไม่อึดอัด ทำให้ลูกบ้านเวลาลงจากรถ หรือต้องขนของขึ้นรถก็ไม่ต้องตากแดดโดนฝน

 

พอเข้าไปข้างในจะเป็นส่วนของ Lobby โถงต้อนรับ ติดกันเป็น Co-Living Space เพดานสูง Double Volume กระจกรอบด้าน ทำให้มองเห็นวิวภายนอกได้อย่างชัดเจน ซึ่งส่วนนี้จะมีชั้นลอยด้วย ไว้สำหรับคนที่ชอบนั่งทำงานนั่งเล่นในห้องแอร์

 

แต่ถ้าใครอยากใกล้ชิดธรรมชาติ อยากนั่งทำงานหรือประชุมรับลมเย็นๆ ก็มีทางเชื่อมไปยัง Outdoor เพื่อเข้าสู่ Co-working Forest บอกเลยว่าตอนเย็นอากาศดีมาก

 

ยังคงอยู่ที่ชั้นล่างแต่ย้ายไปที่ด้านหลังโครงการจะเจอกับ Verdure Forest มุมนี้ก็น่าจับจองมานั่งเล่นไม่แพ้กัน เพราะรายล้อมไปด้วยสีเขียวขจีของต้นไม้นานาพันธุ์เพื่อความร่มรื่น และเพิ่มความเย็นสบายด้วยน้ำตก 

 

นอกจากนี้ยังเป็น พื้นที่ออกกำลังกาย (TRX &Stretching) พาน้องหมาน้องแมวมาเดินเล่นก็ยังได้ โดยแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้ให้ลูกบ้าน อาบน้ำสัตว์เลี้ยง และล้างรถจักรยาน (Bark and Bike Washer) อีกต่างหาก 

 

ไปกันต่อที่ ชั้น 7 Wisdom Forest พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ มีทั้งมุมสำหรับนั่งพักผ่อน และคลายเครียดด้วยบอร์ดเกมสำหรับเล่นบนโต๊ะ มีเตรียมไว้ให้เสร็จสรรพ

 

ยาวขึ้นไปที่ ชั้น 24 ศูนย์รวมส่วนกลางตั้งแต่ สระว่ายน้ำระบบเกลือ Half Olympic ยาว 25 เมตร ว่ายออกกำลังกายได้จริงจัง รวมถึงมี สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก อยู่ติดๆ กัน และยังมี สระน้ำอุ่นสามารถปรับอุณหภูมิได้ถึง 38 องศา ไว้แช่น้ำคลายเครียด

 

ด้าน ฟิตเนส ตัวห้องเป็นกระจกใสรอบด้านมองเห็นวิวสระว่ายน้ำและวิวเมือง มีเครื่องออกกำลังกายหลากหลายออกได้ทุกสัดส่วน และยังมีในส่วนของ ห้องโยคะ อีกด้วย

 

หรือถ้าใครอยากใช้พื้นที่ในการสังสรรค์จัดปาร์ตี้ โครงการก็มีในส่วนของ Co-Creation Space พร้อมโต๊ะทานข้าวขนาดประมาณ 8-10 ที่นั่ง และชุดครัวไว้ให้เรียบร้อย

 

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดที่ชั้นดาดฟ้ามี ห้องซ้อมดนตรี Outdoor Theatre และ BBQ Corner ไว้ทำอาหารกินกันในตอนเย็น

 

อีกโซนหนึ่งก็มี สวนพักผ่อน ไว้ให้เลือกหลากหลายที่นั่ง จะมาตอนกลางหรือวันตอนเย็นก็ไม่ร้อน ได้วิวสวยไม่แพ้กันเลย ใครอยากนั่งเล่นมุมไหนสามารถเลือกได้ตามใจชอบ 

 

รวมถึงมี Kid’s Playground ไว้ให้เด็กๆ ได้เล่นอย่างสนุกสนาน ส่วนของผู้ใหญ่ก็มีโต๊ะพูลอยู่อีกโซนหนึ่งไว้ร่วมเล่นกับเพื่อนบ้านได้

 

บนสุดคือ Stargazing deck เหมาะอย่างมากกับช่วงเวลากลางคืน สามารถมานั่งหรือนอนดูดาวก็ได้ทั้งนั้น บรรยากาศโรแมนติกมากเลยล่ะ เท่านั้นยังไม่พอเพิ่มความพิเศษของส่วนกลางอีกนิดด้วย Pocket Terrace อีกหนึ่งมุมไว้รีแล็กซ์นั่งพักผ่อนหย่อนใจ ได้ความสูงแบบ Double Volume ซึ่งจะมีอยู่ที่ ชั้น 10,15 และ 20 ใครใกล้ชั้นไหนไปชั้นนั้นได้เลย

 

มาถึงห้องพักอาศัยกันบ้าง โดยโครงการ “Maru ลาดพร้าว15” ขายแบบ Fully Fitted ได้เครื่องปรับอากาศแบบ Wall type ได้วอลเปเปอร์สีขาวเรียบ และ Floor to Ceiling สูง 2.7 เมตร  ยกเว้นชั้น24 ที่สูง 3.5 เมตร โดยที่นี่มีห้องให้เลือกทั้งหมด 4 แบบ ได้แก่

 

Studio ขนาด 30.15 – 30.29 ตารางเมตร

1 Bedroom ขนาด 30.15 – 35.14 ตารางเมตร

2 Bedroom 1 Bath ขนาด 50.63 – 54.46 ตารางเมตร

2 Bedroom 2 Bath ขนาด 56.61 – 60.40 ตารางเมตร

 

ห้องตัวอย่างที่จะพาไปชมวันนี้มีทั้งหมด 3 ห้อง โดยขอเริ่มที่ 1 Bedroom ขนาด 30 ตารางเมตร ซึ่งห้องนี้เป็นห้องที่ตกแต่งเพื่อขายแบบ Fully Furnished โดย Modernform  ออกแบบพิเศษเฉพาะโครงการนี้ Mood & Tone ยังคงความเป็นมินิมอลเรียบง่ายทั้งโทนสีและการตกแต่ง แต่สวยเลยล่ะดูน้อยแต่มากที่แท้ทรู

 

เปิดเข้ามาจะเห็นส่วนของ ห้องครัว ก่อนอยู่ทางขวามือ ได้เคาน์เตอร์ครัวตัวท็อปเป็นหินสังเคราะห์สีขาว มีความแข็งแรงทนทาน ด้านหลังเคาน์เตอร์กรุแผ่น Splash Board ช่วยเช็ดคราบสกปรกออกได้ง่าย ใต้เคาน์เตอร์ทำเป็นตู้เก็บของไว้ให้แล้ว ด้านบนก็บิวท์อินตู้เก็บของไว้ให้เรียบร้อย ได้ตามที่เห็นในภาพเลย รวมถึงได้เตาไฟฟ้า 2 หัว พร้อมเครื่องดูดควันของแบรนด์ Franke

 

ทางซ้ายมือคือตู้เก็บรองเท้าและเก็บของ บานเปิดแบบ Soft closed โครงการบิวท์อินมาให้สูงติดเพดาน เพื่อให้เก็บของได้เยอะที่สุด โดยส่วนห้องครัวจะถูกกั้นด้วยประตูไม้บานสไลด์ ซึ่งจะใช้ประตูร่วมกันกับห้องน้ำ

 

เขยิบเข้ามาเป็น ห้องนั่งเล่น ซ้ายมือไว้สำหรับวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ใช้วัสดุหุ้มแบบผ้ากันไรฝุ่น เพิ่มโต๊ะกลางอีกตัว และเป็นส่วนของชั้นวางทีวี ที่ทางโครงการทำให้ดูเป็นตัวอย่างและน่าทำตามไม่น้อย เพราะการบิวท์แบบนี้จะทำให้ใช้พื้นที่ด้านบนได้คุ้มค่า ช่วยให้เก็บของได้เยอะ 

 

ขวามือหรือตรงข้ามกับส่วนดูทีวี คือมุมรับประทานอาหาร หรือใครจะปรับเป็นโต๊ะทำงานก็ได้เหมือนกัน ห้องนี้เราสามารถดีไซน์ได้เต็มที่ว่าอยากให้แต่ละมุมออกมาหน้าตาเป็นแบบไหน

 

ห้องน้ำ ให้ขนาดและสุขภัณฑ์มาตรงตามมาตรฐาน พื้นและผนังใช้กระเบื้อง Ceramic ได้ลายตามที่เห็นในภาพ ตัวอ่างล้างหน้าฝังกับเคาน์เตอร์ ข้างใต้เก็บของได้ ตัวกระจกเองก็ทำพื้นที่เพิ่มเติมให้วางของใช้ในห้องน้ำ พร้อมติดกระจกนิรภัยกั้นส่วนเปียกส่วนแห้ง เพื่อให้ใช้งานได้สะดวก 

 

สำหรับ ห้องนอน ได้ประตูกระจกนิรภัยแบบบานเลื่อน 3 ตอน ทำให้เปิดได้กว้างขึ้นซึ่งให้พื้นที่มาสามารถวางเตียง 5 ฟุตได้สบาย 

 

และพอบิวท์อินตู้เสื้อผ้า วางโต๊ะเครื่องแป้งแล้ว ก็ยังมีพื้นที่เหลือให้เดินไปยังด้านในสุดได้แบบพอดีๆ ซึ่งเราจะเลือกบิวท์หรือซื้อตู้เสื้อผ้ามาวางก็แล้วแต่ความถนัดของลูกบ้าน

 

มุมในสุดจากผนังถูกเปลี่ยนเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งและกระจกใส ทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้เต็มที่ ห้องจะได้ไม่อับชื้นมีความโปร่ง อีกทั้งยังมีสเปซพอให้วาง Day Bed ไว้ชมวิวเมืองที่ทางโครงการทำให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่ถ้าใครเลี้ยงสัตว์แนะนำว่าเป็นพื้นที่ของพวกเค้า ก็เป็นสัดเป็นส่วนดูเหมาะสมดีนะ 

 

ติดกันเป็นระเบียงกว้างโดยวางเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าแล้ว ก็ยังเหลือพื้นที่ประมาณหนึ่ง 

 

มาดูห้องใหญ่กันบ้าง สามารถอยู่ได้ทั้งคู่รักและครอบครัว 2 Bedroom 1 Bath ขนาด 50.63 ตารางเมตร

 

ส่วนตัวชอบห้องที่พอเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับพื้นที่โล่ง ยังไม่เห็นส่วนของห้องต่างๆ เพื่อความเป็นส่วนตัว ซึ่งห้องนี้ก็เป็นแบบนั้นเลย เห็นเป็นผนังโล่งๆ 2 ฝั่ง แต่เพื่อไม่ให้พื้นที่เสียเปล่า โครงการเลยจัดการทำบิวท์อินตู้เก็บรองเท้าไว้ให้ หรืออยากจะเพิ่มตู้เก็บของขนาดใหญ่ให้สุดเพดานทีหลังก็ยิ่งดี

 

แต่พอเดินมาอีกนิดจะเป็นส่วน Common Area ขนาดใหญ่ ที่รวมห้องครัวกับห้องนั่งเล่นเข้าไว้ด้วยกัน โดยเห็น ห้องครัว ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งโครงการทำตู้เก็บของและเคาน์เตอร์ที่บิวท์ยาวมาให้เต็มผนัง และเพิ่มเคาน์เตอร์ไว้เป็นพื้นที่เตรียมอาหาร ส่วนข้างใต้สำหรับวางเครื่องซักผ้า รับประกันว่าเก็บอุปกรณ์และเครื่องปรุงอาหารได้เยอะแน่นอน

 

ตรงข้ามเป็นมุมพื้นที่พักผ่อนนั่งเล่น ให้วางโซฟาได้ขนาด2-3 ที่นั่ง ฝั่งตรงข้ามไว้วางชั้นทีวี มีพื้นที่ด้านบนเหลือค่อนข้างเยอะให้บิวท์ตู้เพิ่มได้

 

ริมสุดผนังถูกแทนที่ด้วยระเบียงขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นข้อดีในเรื่องของได้แสงธรรมชาติ ส่องเข้ามาทั่วทุกพื้นที่ ทำให้เหมือนกับว่าห้องดูกว้างกว่าความเป็นจริง

 

ก่อนเดินไปถึงห้องนอนจะพบกับ ห้องน้ำ มีความกว้างขวางประมาณหนึ่งเลย ใช้งานได้แบบไม่อึดอัดแต่อย่างใด มีสุขภัณฑ์และกระจกนิรภัยติดตั้งมาให้เรียบร้อย 

 

เดินเข้าไปด้านในเข้าสู่ ห้องนอนเล็ก ซึ่งถ้าอยู่กันเป็นครอบครัวเหมาะแก่การทำเป็นห้องนอนให้ลูกตามห้องตัวอย่าง หรือถ้าอยู่กันแค่สามีภรรยาดัดแปลงเป็นห้องทำงานส่วนตัวก็ยังได้ หรือบางคนจะทำเป็นห้องส่วนตัวให้สัตว์เลี้ยงก็ไม่ใช่เรื่องผิด

 

สุดท้ายเป็นห้อง Master Bedroom ใกล้ห้องน้ำเดินออกมาเข้าใช้สะดวก ห้องใหญ่จริงไม่ลวงหลอกจะวางเตียง 6 ฟุตก็ยังได้ นอกจากนี้ถ้าสาวๆ ที่มีเสื้อผ้าจำนวนมาก สามารถบิวท์ตู้เสื้อผ้าได้เยอะเลยนะ แทนตรงมุมพักผ่อนที่โครงการทำให้ดูเป็นแนวทาง แต่ถ้าใครคิดว่าทำแบบห้องตัวอย่างก็เพียงพอแล้วก็ได้เช่นเดียวกัน

 

เพิ่มความพิเศษของห้องนี้ด้วยกระจกบานใหญ่เข้ามุม (Bay Window) ทำให้เห็นวิวในมุมมองที่แตกต่างไปจากเดิม

 

ไฮไลท์สุดท้ายต้องห้องใหญ่ 2 Bedroom 2 Bath ขนาด 60.40 ตารางเมตร ซึ่งห้องนี้เป็นห้องที่ตกแต่งเพื่อขายแบบ  Fully Furnished by Modernform พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าครบครัน อีกห้องนึง เข้ามาปุ๊บเป็นส่วนของ Common Area ขนาดใหญ่ ที่รวมห้องครัวกับห้องนั่งเล่นเข้าไว้ด้วยกันคล้ายกับห้องข้างบน 

 

โดยแบ่งทางด้านขวามือเป็นส่วนของตู้เก็บของขนาดใหญ่และ ห้องครัว จะได้เคาน์เตอร์ครัวพร้อมตู้เก็บของด้านบนแบบเข้ามุม และยังให้โต๊ะกินข้าวพับเก็บเพื่อเพิ่มพื้นที่ได้ขนาด 4 ที่นั่ง

 

มองกลับมาคือ ห้องนั่งเล่น ให้โซฟาได้ขนาด 2-3 ที่นั่ง พร้อมวางโต๊ะกลาง และชั้นวางทีวีก็ยังเหลือพื้นที่ให้เดินไปมาได้สะดวก ขณะที่ระยะห่างของการดูทีวีค่อนข้างมาก ซึ่งสำหรับห้อง Fully Furnished นี้ทางโครงการเค้าให้ทีวี ขนาด 50 นิ้ว ดูให้สะใจไปเลยรับรองไม่ปวดตา

 

ริมสุดเป็น ระเบียง ขนาดกว้างและยาวด้วย ทำเป็นมุมนั่งเล่นชมวิวเมืองตอนเย็นหรือปลูกต้นไม้ก็ดูลงตัว

 

และก่อนไปถึงห้องน้ำ ทางโครงการบิว์ตู้ให้อีกหนึ่งจุดโดยทำไว้ให้วางเครื่องซักผ้า ด้าน ห้องน้ำ จะได้วัสดุและสุขภัณฑ์เหมือนกับห้องแรก ต่างกันแค่ตรงที่มีขนาดใหญ่กว่าเท่านั้นเอง 

 

ติดกันอยู่ในสุดคือ ห้องนอนเล็ก ที่มองแล้วขนาดไม่เล็กเลย ได้ให้เตียง 3.5 ฟุต พร้อมตู้เสื้อผ้าไซซ์มาตรฐานแบบบานเลื่อนกระจกให้ความโปร่ง พร้อมโต๊ะเครื่องแป้ง

 

ส่วนฝั่งปลายเตียงวางตู้เก็บของหรือชั้นวางทีวี ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในห้องนอนเล็กก็ยังมีพื้นที่เหลือ ประกอบกับได้หน้าต่างบานกระทุ้งและกระจกบานใหญ่ ทำให้ห้องไม่ได้ดูแคบและได้ความโปร่งโล่งอีกด้วย

 

โดดเด่นด้วยห้อง Master Bedroom เพราะผนังถึง 2 ด้าน ถูกแทนที่ด้วยหน้าต่างบานกระทุ้งและกระจกใสแบบเข้ามุม ทำให้เห็นบรรยากาศภายนอกได้วิวเมืองแบบสุดลูกหูลูกตาเลย

 

ภายในห้อง ให้เตียงขนาด 6 ฟุต พร้อมชั้นวางทีวี และทีวีขนาด 45 นิ้ว หรือถ้าใครไม่ชอบดูทีวีในห้องนอนปล่อยเป็นพื้นที่โล่งไปเลยก็ดูเข้าท่าดีนะ

 

เชื่อมต่อไปยัง Walk-in Closet ให้บิวท์อินตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งได้แบบจัดเต็ม ที่คำนวณพื้นที่มาแล้วว่าน่าจะเพียงพอสำหรับการอยู่ร่วมกันของคู่รัก

 

ติดกันคือ ห้องน้ำในตัว ที่มีขนาดใหญ่มาก เท่านั้นไม่พอยังได้กระจกใส 1 ช่อง และหน้าต่างบานกระทุ้งไว้ระบายอากาศอีก 1 ช่อง เท่ากับว่าได้ช่องแสงถึง 2 ช่อง ยังไงห้องน้ำก็ไม่มีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์แน่นอน ส่วนสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำได้ครบถ้วนพร้อมใช้งาน

 

จากทั้งหมดนี้เราเห็นได้ถึงความใส่ใจในทุกๆ ดีเทล ครบทุกฟังก์ชัน และมีความละเอียดในการมองเห็นทุกความต้องการของผู้อยู่อาศัย และยังคำนึงไปถึงสัตว์เลี้ยงที่เปรียบเหมือนคนในครอบครัว ให้เค้าได้มีพื้นที่ทำกิจกรรมทั้งส่วนกลางและภายในห้องพัก

 

กับราคาเริ่มต้นเพียง 3.7 ล้านบาท* คือถ้าไม่เลือกโครงการ “Maru ลาดพร้าว15” ก็ไม่รู้จะไปเลือกที่ไหนแล้วนะ!!

 

 

ทิ้งท้ายด้วยโปรโมชั่นพิเศษที่เห็นแล้ว ยิ่งอยากรีบจองให้ไว ด้วยโปรห้องชุดราคาพิเศษ 1 ห้องนอน เริ่ม 3.7 ล้านบาท 2 ห้องนอนเริ่ม 5.7 ล้านบาท ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน โดยทุกคนสามารถคลิกลงทะเบียนกันได้ที่ลิงก์นี้เลย >>>> https://bit.ly/2ILm2XL

 

Line Official : http://line.me/ti/p/~@MJD.TH

หรือโทร Major Development Call Center 1266