รายการโปรด
คนรุ่นใหม่แทบทุกคนฝันว่า วันนึงเราจะมีบ้านหรือพื้นที่ทำงานเป็นของตัวเอง เพราะทุกคนมักจะคิดว่า หากวันนึงเราเติบโต จะต้องมีทั้งอิสระทางการเงินและอิสระในเวลา ที่จะได้ทำสิ่งต่างๆที่ตัวเองต้องการ แทนที่จะต้องมาทำงานทุกๆวันแบบการเป็นมนุษย์เงินเดือน
แต่นั่นไม่ใช่เลย และไม่ได้ใกล้เคียงกับความจริงเลยสักนิด...
จริงๆแล้วทุกคน ทำงานกันตลอดเวลา 24 ชั่วโมง แม้แต่ตอนนอนหลับบางครั้งยังต้องเก็บไปคิดในฝันต่อ
ดังนั้นการทำงาน ไม่ได้ทำเฉพาะที่ทำงานเท่านั้น แต่ทำที่บ้านได้ด้วยเท่าๆกันเลย โดยเฉพาะยุคนี้ที่มีเทคโนโลยีหลายอย่างให้เรา Work from home ได้สบายๆ แต่ถึงจะมีเทคโนโลยีดีแค่ไหน space ในบ้านก็ต้องเหมาะแก่การทำงานด้วย ผมไปดูบ้านมาหลายที่ จะมีเพียง space ที่เป็นมุมเล็กๆเพื่อการทำงานเท่านั้น ทั้งๆที่จะเห็นว่า เราทำงานแทบทุกเวลามากพอๆกับการพักผ่อน แต่ไม่มีบ้านที่ไหนออกแบบได้ตอบโจทย์เลย จนกระทั่งมาเจอที่นี่
SHO พัฒนาการ 32 - บ้านใจกลางเมืองที่ออกแบบมาเพื่อ Work-Life-Balance อย่างแท้จริง
นี่คือ ทาวน์โฮม ที่สามารถแบ่งสัดส่วนพื้นที่ได้อย่างอิสระ สูงถึง 4.5 ชั้น จากบริษัท ภาพัฒน์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด ที่จัดสรรพื้นที่ภายในบ้านทั้งการอยู่อาศัย และการทำงานผสานเชื่อมกันอย่างลงตัว
โลเคชั่นใจกลางเมือง
ห่างทองหล่อ-เอกมัย แค่ 15 นาที
บริเวณทำเลที่ตั้งนั้น อยู่บนซอยพัฒนาการ 32 ห่างจากปากซอยประมาณ 800 เมตร เชื่อมต่อเข้าใจกลางเมืองได้สะดวกมากๆ โดยสามารถ ทะลุออกไปที่ถนนอ่อนนุช เพื่อไปเส้นสุขุมวิทเข้าทองหล่อเอกมัยเพียงไม่กี่นาที แต่ถ้าวิ่งตรงยาวจากถนนพัฒนาการเข้าสู่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ก็ไปถนนอโศกได้เหมือนกัน หรืออยากไป ถนนพระราม 9 ก็กลับรถเข้าซอยพัฒนาการ 25 อีกทั้งยังไม่ไกลจาก จุดขึ้นลงทางด่วน รามอินทรา-อาจณรงค์ ประมาณ 2.5 กิโลเมตร อีกด้วย
อีกหนึ่งวิธีการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ โดยอยู่ห่างจาก BTS (สายสีเขียว) สถานีอ่อนนุช เพียงไม่กี่กิโลเมตร และยังใกล้ Airport Link สถานีหัวหมาก รวมไปถึงซึ่งจาก อีกทั้งในอนาคตจะมี รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ช่วงพัฒนาการ – สำโรง) ซึ่งสถานีที่ใกล้โครงการที่สุดคือ สถานีพัฒนาการ ซึ่งจะ Interchange กับ Airport Link สถานีหัวหมาก
สำหรับเรื่องอาหารการกิน รวมไปถึงแหล่งช้อปปิ้ง ในรัศมีรอบโครงการถือได้ว่าคึกคักเลยทีเดียว Daiso – Max Value, Tesco Lotus พัฒนาการ, Big C Extra อ่อนนุช, Foodland หัวหมาก, London Street, HABITO Mall, People Park, Major Hollywood รามคำแหง, Seacon Square, The Mall รามคำแหง และอีกเยอะมาก
ขอบคุณภาพ : chingcancook
ขณะที่ สถานศึกษา ก็มีให้เลือกพอสมควร ได้แก่ รร.สาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง รร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รร.นานาชาติเทร็ลล์ รร.นานาชาติเอกมัย ม.เกษมบัณฑิต ม.รามคำแหง และม.อัสสัมชัญ วิทยาเขตหัวหมาก ส่วนสถานพยาบาล เช่น รพ.กรุงเทพ รพ.วิภาราม พัฒนาการ รพ.กล้วยน้ำไท รพ.สมิติเวชศรีนครินทร์ เป็นต้น
พูดทำเลไปแล้ว มาดูตัวโครงการกันเลยดีกว่า โครงการ SHO พัฒนาการ 32 ให้ความเป็นส่วนตัวมากๆ เพราะมีทั้งหมดเพียง 22 ยูนิตเท่านั้น โดยจะอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับโครงการ SHIZEN พัฒนาการ 32
ซึ่งจุดเด่นของโครงการนี้อยู่ที่การออกแบบอาคาร ที่อยู่ในระนาบเดียวกันทั้งหมด ทำให้ไม่มีบ้านที่อยู่ข้างหน้าหรืออยู่ติดข้างหลังบ้านเราเลยสักหลัง แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องความอึดอัด เนื่องจากโครงการทำการเว้นช่องไว้ทุกๆ 6 หลัง จึงเป็นข้อดีให้มีแปลงมุมเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มความไพรเวซี่ให้แก่ลูกบ้าน
แต่ก่อนจะไปเยี่ยมชมบ้านตัวอย่าง ขอพาไปดู Facility กันก่อน โดยมี Club House อยู่ด้านหน้าโครงการ ที่ชั้นล่างเป็น สระว่ายน้ำ ระบบเกลือขนาด 14 เมตร ซึ่งสามารถว่ายน้ำจริงจังได้ เพราะติดระบบเจ็ทว่ายทวนกระแสน้ำ และมีสระเด็กกั้นแยกเพื่อความปลอดภัย
เข้าสู่ภายใน Club House จะคล้ายกับ Lobby เป็นพื้นที่รับรองแขกและนิติบุคคล หรือไว้สำหรับให้ลูกบ้านนั่งเล่น แต่ว่าตอนนี้ทำเป็น Sale Gallery ชั่วคราว
ส่วนชั้นสองจะเจอกับ Co-Working Space มีโต๊ะขนาดใหญ่สำหรับ 8 ที่นั่ง วางไว้ให้นั่งเล่นหรือทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนบ้านคนอื่นๆ
ในชั้นเดียวกันก็มี ฟิตเนส ขนาดค่อนข้างใหญ่ มีเครื่องออกกำลังกายหลายเครื่อง สามารถออกได้ครบทุกสัดส่วนของร่างกาย
นอกจากนี้ยังมี Outdoor สวนหย่อม รายล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่นานาพันธุ์ ให้ความร่มรื่นและร่มเย็น ไว้สำหรับออกมานั่งเล่น หรือเดินออกกำลังกายกัน
รูปแบบของโครงการจะมี 2 Type คือ SHIZEN 3.5 ชั้น และ SHO 4.5ชั้น รวมทั้งหมด 79 ยูนิต ใน Type SHO จะเป็น บ้านทาวน์โฮม สูง 4.5 ชั้น บนที่ดินเริ่มต้น 27.5 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 345 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ที่จอดใหญ่ 2 ที่จอดเล็ก การจัดสรรพื้นที่ภายในบ้าน สามารถทำได้หลากหลายไม่มีข้อกำหนดตายตัว ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน เดี๋ยวจะพาไปเจาะลึกบ้านตัวอย่าง SHO 4.5 ชั้น กันต่อเลย
เริ่มตั้งแต่การออกแบบออก แนวสไตล์โมเดิร์นเน้นความเรียบง่าย มีการนำไม้มาเป็นส่วนประกอบในทุกๆ ชั้น รวมถึงใช้ไม้ในการทำระแนงหรือ Fin ไว้บดบังแดดแต่แสงยังสามารถส่องเข้าบ้านได้แบบพอดี รวมถึงลมธรรมชาติที่พัดผ่านเข้ามา ส่งผลให้เกิดการระบายอากาศหมุนเวียนภายในบ้าน อีกข้อดีหนึ่งอย่างอยู่ตรงที่ โครงการสร้างด้วยการก่ออิฐฉาบปูน ทำให้อยากเจาะช่องเพิ่มหรือทำการต่อเติม หรือแม้แต่อยากซื้อสองหลังเพื่อทุบติดกันก็สามารถได้โดยง่าย
ตัวทาวน์โฮมได้หน้ากว้างถึง 6 เมตร ส่วนลานจอดรถมีความลึกเกือบ 10 เมตร และลงเสาเข็มไว้ให้เรียบร้อย จึงจอดรถได้หลายคันหลายขนาด ขณะที่ทางเข้าบ้านได้ประตูกระจกใสบานใหญ่ Crystal View กระจกเขียวตัดแสง พร้อม Digital Door Lock แบรนด์ Jarton
เข้ามาแล้วจะพบกับ Common Area เป็นพื้นที่รับรองแขก หรือให้ผู้อยู่อาศัยไว้นั่งพักผ่อนหรือเป็นอีก 1ห้อง living room สามารถวางโซฟาเข้าชุดขนาดใหญ่ได้แบบเหลือๆ หรือจะทำเป็นพื้นที่ทำงานอดิเรกก็ยังได้ โดยพื้นถึงเพดานสูง 2.6 เมตร
พร้อมกับประตูด้านหลังบ้าน Crystal View ด้วยกระจกสีเขียวตัดแสงเช่นเดียวกับหน้าบ้าน ทางโครงการติดตั้ง Facade มาให้เรียบร้อย โดยบ้านตัวอย่างทำออกมาในลักษณะ Glass House ซึ่งก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจเลยทีเดียว หรือใครจะจัดเป็นสวนไว้ให้เด็กๆวิ่งเล่นก็ได้เหมือนกัน
กลับเข้ามาข้างในบ้านที่ชั้นนี้จะมีในส่วนของ Powder Room และมีพื้นที่สำหรับการติดตั้งลิฟต์โดยสารมาให้สำหรับคนที่อยู่ชั้นสูงหรือผู้สูงอายุได้ใช้งาน
ถัดขึ้นมาที่ชั้นสองเข้าสู่พื้นที่ส่วนตัวของคนในบ้าน เจอในส่วนของ Common area สำหรับ ห้องครัว ทางโครงการเดินระบบท่อน้ำไว้แล้ว สามารถต่อเติมเป็นแบบเปิดพร้อมเคาน์เตอร์บาร์ไว้สำหรับนั่งกินอะไรเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าครอบครัวไหนเน้นทำอาหารกินกันเองแบบจริงจัง ก็สามารถกั้นห้องเป็นครัวปิดได้ หมดห่วงเรื่องกลิ่นลอยไปห้องอื่น
อีกทั้งยังมีประตูหลังบ้านเป็นกระจกใสเชื่อมออกไประเบียง ขณะเดียวกันก็สามารถช่วยระบายกลิ่นอาหารออกไปด้านนอก และดึงแสงธรรมชาติกลับเข้ามาภายในห้อง ทำให้โซนนี้ดูไม่อึดอัดจึงกั้นห้องได้สบายมาก ติดกันเป็น ห้องน้ำ Powder Room คล้ายกันกับชั้นล่าง
มาถึงไฮไลท์สำคัญของบ้านอย่าง ห้องนั่งเล่น คือดูดีสุดๆ สัมผัสได้ถึงความปลอดโปร่งโล่งสบาย ด้วยการดีไซน์ให้เกิด High Ceiling Double Space สูงถึง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอบ 77 ตร.ม. พร้อมกับช่องแสงขนาดใหญ่จากพื้นจนสูงเกือบถึงเพดาน และได้หน้าต่างแบบบานเลื่อน ที่ตรงกับประตูด้านหลังบ้านด้วย จึงทำให้ลมไหลเวียนเข้ามาในห้องได้มากกว่าเดิม
โดยเราสามารถออกไอเดียกับสเปซขนาดใหญ่ได้แบบจัดเต็ม แบ่งเป็นพื้นที่นั่งเล่นเลือกโซฟาเข้าชุด วางโซฟาตัว I ขนาด 3-4 ที่นั่งไว้ตรงกลาง ประกบโซฟาเดี่ยวซ้ายขวา หรือเลือกโซฟาตัว L โซฟาตัว U ได้ทุกรูปแบบ
และยังมีพื้นที่เพียงพอให้วางโต๊ะกินข้าว ไว้กินข้าวร่วมกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา สามารถเลือกได้ตั้งแต่ 6-10 ที่นั่ง เพื่อรองรับสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ หรือนัดเพื่อนมาสังสรรค์โดยไม่ต้องเสียตังค์ออกไปใช้พื้นที่ข้างนอก
ขึ้นบันไดมาอีกชั้นจะเป็นชั้นลอย ที่ออกแบบได้ทั้งพื้นที่ทำงานของพ่อแม่ ทำเป็นมุมให้เด็กๆ ได้นั่งเล่นกัน หรือเป็นอีกหนึ่งมุมสำหรับ Family Area รวมสมาชิกทุกคนในครอบครัว
ไม่ให้ขาดตอนเราเดินไปดูที่ชั้น 3 โดยพื้นที่ทั้งหมดคือส่วนของ Master Bedroom แยกสัดส่วนแบ่งหน้าบ้านและหลังบ้าน ฝั่งซ้ายมือหน้าบ้านคือส่วนของห้องนอน ตกแต่งแบบเรียบง่ายเหมาะแก่การนอนหลับพักผ่อน วางเตียงขนาด 6 ฟุตหรือใหญ่กว่านั้น ก็ยังมีพื้นที่เหลือให้วางโต๊ะหัวเตียง และยังมีสเปซช่องว่างไว้เป็นมุมนั่งเล่นก่อนเข้านอนได้อีกด้วย
โดดเด่นด้วย ช่องแสงกระจกยาวเต็ม 2 ผนัง แบบ Bay Window ขนาดใหญ่ ทำให้รับแสงธรรมชาติและเห็นวิวภายนอกได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังทำให้ห้องดูโปร่งกว้างอยู่แล้วไม่รู้สึกอึดอัด
แต่ถ้าอยากนั่งรับลมเย็นข้างนอกก็มี ระเบียงส่วนตัวอยู่ภายในห้อง มาในรูปแบบตัว L แบ่งพื้นที่ปลูกต้นไม้เพิ่มความเขียวขจี เวลามองจากภายในห้องได้รู้สึกสดชื่นสบายตา
เมื่อเดินไปอีกฝั่งหนึ่งทางด้านหลังบ้านเจอ Walk-in Closet ขนาดใหญ่ เหมือนกับเป็นอีกหนึ่งห้องไปเลย เหมาะอย่างมากกับคนที่มีเสื้อผ้าเยอะ ตรงกลางวางไอส์แลนด์ไว้สำหรับใส่ Accessory เครื่องประดับต่างๆ และแน่นอนว่ายังคงคอนเซ็ปต์ มีช่องแสงเพิ่มความสว่างให้แก่ห้องเช่นเดิม
ห้องน้ำ อยู่ตรงกลางมีขนาดใหญ่ เพื่อการใช้งานที่สะดวก สุขภัณฑ์ครบครัน พร้อมติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำวัสดุแบบนิรภัยแยกส่วนเปียกส่วนแห้ง เพิ่มเติมตรง Rain Shower อ่างอาบน้ำให้นอนแช่ผ่อนคลายสบายอารมณ์ และทางโครงการเดินระบบน้ำร้อนน้ำเย็นภายในชั้นนี้
ชั้น 4 บนสุดของทาวน์โฮมแบ่งเป็น 2 ห้องนอน และมีห้องน้ำในตัว โดยห้องเล็กสุดทางโครงการทำเป็นห้อง Home Theater อีกหนึ่งจุดไว้ให้ทุกคนในครอบครัวได้มานั่งเล่นนั่งดูหนัง หรือจะปรับเป็นห้องนอนสำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็กก็สามารถทำได้
มีห้องน้ำพร้อมพื้นที่อาบน้ำให้พร้อมใช้งาน แยกส่วนเปียกส่วนแห้งด้วยฉากกั้นอาบน้ำวัสดุแบบนิรภัย ไว้ให้เรียบร้อย
อีกห้องหนึ่งอยู่ด้านหน้าบ้าน ลักษณะคล้ายกับ Master Bedroom ข้างล่าง สามารถวางเตียง 6 ฟุต และโต๊ะข้างหัวเตียงได้สบายๆ ติดกันมีพื้นที่ให้บิวท์อินตู้เสื้อผ้าที่จุเสื้อผ้าได้เยอะแน่นอน พร้อมบิวท์โต๊ะเครื่องแป้งให้อยู่ติดกันไปด้วยเลย
ฝั่งตรงข้ามจะเลือกบิวท์อินหรือซื้อชั้นวางทีวีมาวางก็ยังไม่รู้สึกเกะกะ ต่อให้วางสตูลที่นั่งปลายเตียงแล้วก็ยังเดินผ่านได้สะดวกสบาย
มาพร้อมกับ ช่องแสงเต็มผนังแบบ Bay Window ส่งผลให้ห้องดูกว้างขวางมากกว่าเดิม ซึ่งตรงนี้เราสามารถวางโต๊ะทำงานเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้เสียพื้นที่ไปโดยเปล่าประโยชน์นั่นเอง ส่วน ห้องน้ำ เหมือนกับห้องนอนเล็กแต่แตกต่างตรงที่ได้หน้าต่าง เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
► สรุป SHO พัฒนาการ32 สมเป็นบ้านใจกลางเมืองที่ออกแบบมาเพื่อ Work-Life-Balance อย่างแท้จริง รองรับชีวิตการทำงานของคนในเมือง ให้สะดวกสบายในเรื่องของการเดินทาง และการใช้ชีวิตส่วนตัวได้อย่างอิสระ ผสานการทำงานและการอยู่อาศัยได้อย่างลงตัวมากๆ
พร้อมอยู่แล้ววันนี้ สามารถเข้าไปเยี่ยมชมที่โครงการได้เลย ด้วยราคาเริ่มต้น 19.9 ล้านบาท* ถือว่าคุ้มค่ามากๆ และยังมีโปรโมชั่นพิเศษรับของแถมมูลค่า 3 ล้านบาท คลิกลงทะเบียน https://bit.ly/37pXsnp
Livinginsider - Weekly Insight Report [10-16 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [03-09 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [27 Oct-02 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [20-26 Oct 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [13-19 Oct 2024]
2024-11-18
ยอดเยี่ยมมากๆค่ะ
กำลัังตัดสิ้นอยู่ ขอบคุณฮะ
บทความดี รักษาคุณภาพต่อไปค่ะ ติดตามๆ
ได้ประโยชน์มากๆ อ่านสนุกดี
อันนี้รีวิวหรือวิทยานิพนธ์คะ ละเอียดจริงๆ สุดยอดเลยค่ะ