News
icon share

พลิกกลยุทธ์หนีที่ดินแพง ดีเวลอปเปอร์ซื้อแปลงเล็กในซอยเปิดโครงการหรู

LivingInsider Report 2016-08-04 15:45:47
พลิกกลยุทธ์หนีที่ดินแพง ดีเวลอปเปอร์ซื้อแปลงเล็กในซอยเปิดโครงการหรู

 

 

บริษัทที่ปรึกษาอสังหาฯ เปิดกลยุทธ์ผู้ประกอบการยุคราคาที่ดินแพง ตลาดชะลอตัวซีบีอาร์อี เผยพัฒนาโครงการใหม่ในที่ดินของผู้ประกอบการรายอื่นช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้โครงการ ด้าน“เซ็นจูรี่ 21” ดีเวลอปเปอร์ที่เคยซื้อที่ดินแพงริมถนนหันเข้าซอยพัฒนาโครงการหรู ขณะที่ดีเวลอปเปอร์เคยซื้อที่ดินถูกเบนเข็มซื้อที่ดินแพง กูรูอสังหาฯ ชี้เป็นเทรนด์ตลาดที่มีความชัดเจนมากขึ้น ล่าสุด เจ.เอส.พี.จับมือแม็คโครเปิด “แม็คโคร ฟูดเซอร์วิส” สาขาไมอามี หวังเป็นแลนด์มาร์กย่านบางปู

 

 

พลิกกลยุทธ์หนีที่ดินแพง ดีเวลอปเปอร์ซื้อแปลงเล็กในซอยเปิดโครงการหรู

 

 

นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีริชาร์ดเอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในช่วงครึ่งแรกปี 2559 ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีกิจกรรมน้อยมาก คาดว่าในครึ่งปีหลังจะมีการเปิดตัวเพิ่มมากขึ้น สำหรับยอดขายใหม่ของผู้ประกอบการในครึ่งปีหลังจะเป็นไปตามสภาพของโครงการว่าตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากน้อยเพียงใด

 

 

ในส่วนของตลาดคอนโดมิเนียมในปีนี้ถือว่าเป็นตลาดของคนที่ซื้ออยู่จริงและลงทุนระยะยาว ส่วนตลาดที่ซื้อเพื่อเก็งกำไรมีน้อย ดังนั้นถ้าผู้ประกอบการสามารถพัฒนาสินค้าเพื่อมาตอบสนองกับคนกลุ่มนี้ ในทำเลที่น่าสนใจ การขายก็จะเป็นได้ได้ด้วยดี แต่ถ้าเป็นสินค้าในระดับแมสจะต้องเป็นราคาที่ตลาดสามารถซื้อได้ เพราะกำลังซื้อไม่ถึง

 

 

สำหรับกลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการเริ่มนำมาใช้คือมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนา ไม่หาซื้อที่ใหม่แต่จะซื้อที่ดินในโครงการที่มีที่ดินขนาดใหญ่ เพื่อพัฒนาโครงการของตนเอง เช่น โครงการบ้านพักตากอากาศที่เขาใหญ่ มีผู้ประกอบการบางรายเข้าไปพัฒนาโครงการในที่ดินที่มีผู้ประกอบการพัฒนาอยู่แล้ว โดยพัฒนาโครงการที่ไม่เหมือนกัน เพื่อสร้างความโดดเด่นและหลากหลายให้กับโครงการ ซึ่งผู้ประกอบการทั้ง 2 ฝ่ายได้รับประโยชน์ทั้งคู่

 

 

ด้าน นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เซ็นจูรี่ 21 (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะที่ดินย่านกลางเมืองหรือแหล่งธุรกิจ ทำให้ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายกลางต้องปรับแผนการพัฒนาโครงการ จากเดิมที่ซื้อที่ดินริมถนนใหญ่ ก็หันไปซื้อที่ดินแปลงเล็กในซอยมากขึ้นเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยขนาดโครงการไม่สูง แต่มีมูลค่าการขายที่สูง เช่น ที่ดินขนาด 300 ตารางวา พัฒนาบ้านเดี่ยวขนาด 50-60 ตารางวา ราคาขาย 80 ล้านบาท

 

 

แม้แต่ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์)ฯ จากเดิมที่เคยซื้อที่ดินราคา 6-7 หมื่นบาทต่อตารางวา ก็หันมาซื้อที่ดินขนาด 1.2-1.3 แสนบาทต่อตารางวา เพื่อพัฒนาโครงการแนวราบแทนที่จะพัฒนาโครงการอาคารชุด ซึ่งเดิมราคาที่ดินกว่าแสนบาทต่อตารางวา บริษัทจะพัฒนาโครงการอาคารชุดกลางเมือง หรือแม้แต่บริษัท นารายณ์ พร็อพเพอตี้ จำกัด ก็หันมาพัฒนาโครงการในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน

 

 

“เดิมที่ยอมซื้อที่ดินราคาสูงเพื่อพัฒนาโครงการอาคารชุดราคาแพง แต่ปัจจุบันราคาที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างมาก ดีเวลอปเปอร์จึงเลี่ยงที่จะพัฒนาโครงการแนวราบราคาแพงในที่ดินที่ถูกกว่าแทน ซึ่งถือได้ว่าเป็นการฉีกตลาด ในขณะเดียวกันตลาดเองก็มีความต้องการ หรือในส่วนของผู้ประกอบการที่เดิมซื้อที่ดินราคาถูกอย่างบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ก็หันมาซื้อที่ดินราคาแพงมากขึ้น ราคา 6 แสนบาทต่อตารางวา ทั้งหมดนี้ถือเป็นกลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการนำมาใช้เพื่อหาทางรอดในภาวะที่ตลาดชะลอตัวและราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก”นายกิติศักดิ์ กล่าว

 

 

สำหรับ นายอิสระ บุญยัง นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า เมื่อตลาดประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจอย่างในปัจจุบัน ผู้ประกอบการมีความจำเป็นต้องปรับตัว เพื่อรักษาพอร์ตของตัวเอง โดยการกระจายเซ็กเมนต์ เช่น เดิมเคยทำแค่พัฒนาแต่อาคารชุดก็หันมาพัฒนาโครงการแนวราบ รวมทั้งเพื่อกระจายสินค้าของตนเอง เช่น กลุ่มที่เคยทำตลาดบนหันลงมาทำตลาดกลางมากขึ้น หรือจากเดิมที่เคยจับตลาดล่างก็ต้องขยายมาจับตลาดกลาง-บน แม้กระทั่งการร่วมมือกับพันธมิตรในการพัฒนาโครงการ เพื่อให้เกิดความน่าสนใจ

 

 

“คาดว่าลักษณะการปรับตัวดังกล่าว จะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในอนาคต ในส่วนของการร่วมมือกับพันธมิตรก็เช่นเดียวกัน จะเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งนี้โครงการที่จะเป็นพันธมิตรร่วมกันได้นั้นจะต้องมีผลประโยชน์ที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน เช่น โครงการคอมมิวนิตีมอลล์ในโครงการที่อยู่อาศัย นอกจากจะรองรับคนในโครงการแล้วยังต้องรองรับคนที่อยู่อาศัยในพื้นที่โดยรอบอีกด้วย”นายอิสระ กล่าว

 

 

นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้จับมือเป็นพันธมิตรกับบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ แม็คโคร ในการเปิด “แม็คโคร ฟูดเซอร์วิส” สาขาไมอามี คอนโดฯติดทะเลบางปู เนื้อที่กว่า 1,998 ตารางเมตร เพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมายอย่างครบวงจร โดยหวังว่าจะให้เป็นแลนด์มาร์กของย่านบางปู

 

 

“แม็คโคร ฟูดเซอร์วิส ตั้งอยู่ในโครงการไมอามี่ บางปู มีห้องชุดทั้งหมด 4,000 หน่วย โดยเริ่มทยอยโอนมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ในโครงการมีร้านอาหารจำนวนมาก ซึ่ง แม็คโคร ฟูดเซอร์วิสจะช่วยสนับสนุนร้านอาคารในโครงการ อีกส่วนหนึ่งรองรับลูกบ้านในโครงการและพื้นที่โดยรอบ โครงการดังกล่าวเป็นการร่วมมือกันกันครั้งแรกและคาดว่าจะมีการร่วมมือในลักษณะเช่นนี้อีกในโครงการต่อๆไป”นายไพโรจน์ กล่าว

 

 

ขอบคุณภาพและข่าวจาก ฐานเศรษฐกิจ

 

 

http://www.thansettakij.com/2016/08/04/77263

>> ช่องทางในการติดตามข่าวสาร <<
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @livinginsider ที่นี่

บทความอื่นๆ

livinginsider livinginsider