รายการโปรด
หลายคนบอกว่าสถานการณ์แบบนี้ทำให้ทุกคนต้อง play safe เก็บเงินและชะลอการตัดสินใจซื้อของชิ้นใหญ่ๆที่จะสร้างหนี้ในอนาคต จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น แต่หากจะมองจริงๆแล้ว ทุกวิกฤตจะมีโอกาสเสมอ และโอกาสดีมีอยู่เสมอสำหรับคนที่มองเห็นและคว้ามันไว้
เวลาแบบนี้บอกเลยว่า ใครที่พร้อม นี่คือโอกาสเข้าซื้อที่ดีที่สุด เพราะหลายๆทำเลเป็นทำเลใจกลางเมือง ที่มีราคาถูกกว่าที่คิดมากๆ หากในสถานการณ์ปกติรับรองได้ว่า จะไม่ได้เห็นราคาสุดคุ้มแบบนี้แน่นอน
การซื้ออสังหาฯ หัวใจสำคัญที่สุดคือ ทำเล ดังนั้น ไม่แปลกใจเลยที่ แม้ในสถานการณ์แบบนี้ ที่นี่กลับได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก ถึงขนาดที่ว่ามีคนเข้ามาลงทะเบียนกันอย่างล้นหลาม เพื่อแย่งกันเป็นเจ้าของคอนโดแห่งนี้
"จะมีคอนโดไหนได้วิวทั้งแม่น้ำ ทะเลสาบ แถมยังอยู่ใจกลางเมือง แบบนี้อีก ที่สำคัญเห็นราคาแล้วต้องบอกว่าคุ้มค่าจริงๆ"
5 เหตุผล ทำไม Life พระราม 4 - อโศก ถึงเป็นคอนโดกระแสแรงที่สุดในปี 2021
1. พระราม 4 - อโศก ทำเลศักยภาพใจกลางเมือง
ตัวโครงการ ►ตั้งอยู่บนทำเลพระราม 4 ติดถนนใหญ่ โดยจะอยู่ใกล้ๆกับอาคาร FYI Center ซึ่งทำเลบริเวณนี้สามารถเดินทางได้รอบกรุงเทพฯ เพราะมีการเชื่อมต่อหลากหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นอโศก สุขุมวิท หรือจะใช้เส้นทางลัดเข้าซอยสุขุมวิท 22, 24 และ 26 เพื่อทะลุออกพร้อมพงษ์เลี่ยงรถติดช่วงเวลาเร่งด่วน อีกทั้งยังไปสาทร สีลม และถนนรัชดาภิเษกได้อย่างรวดเร็ว แถมยังใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน อย่างทางพิเศษเฉลิมมหานครอีกด้วย
หรือจะใช้บริการขนส่งสาธารณะก็สะดวกไม่แพ้กัน เนื่องจากโครงการอยู่ใกล้ MRT สถานีศูนย์ฯ สิริกิติ์ เพียง 450 เมตร ซึ่งความพิเศษของ MRT สายสีน้ำเงินคือ การวิ่งเป็นวงกลม และเป็นจุดเชื่อมต่อ Interchange หลายสาย ได้แก่ BTS สายสีเขียว ทั้งเส้นสุขุมวิทและเส้นสีลม, Airport Rail Link (ARL), MRT สายสีม่วง ต่อเนื่องไปจนถึงสายสีแดง ทำให้เดินทางได้รอบเมือง
2. ศูนย์รวม Life Style ได้ทั้งธรรมชาติและสิ่งอำนวยความสะดวกครบ
แน่นอนว่าเมื่อโครงการอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ สิ่งอำนวยความสะดวกต้องครบครันเที่ยว ช้อป ชิม ชิล สบายๆ สไตล์คนเมือง เช่น Terminal21, Emporium, Emquartier, สามย่านมิตรทาวน์, Big C, Lotus’s, NiHonMaChi, K Village และ Bambini Villa รวมถึงร้านอาหาร คาเฟ่ และสถานที่แฮงค์เอาท์ ที่สำคัญคือใกล้สวนสีเขียวขนาดใหญ่อย่าง สวนป่าเบญจกิติและสวนลุมพินี
ขณะเดียวกันก็ยังเป็นศูนย์รวมธุรกิจ ยกตัวอย่าง FYI Center, Exchange Tower, Interchange 21 Tower, The PARQ, ThaiBev Quarter Tower, มาลีนนท์ ทาวเวอร์, บริษัทเชลล์ แห่งประเทศไทย, กรมศุลกากร และอีกมากมาย คือรวบรวมทั้งสำนักงานออฟฟิศรวมถึงบริษัทชื่อดังไว้เพียบ
3. รูปแบบโครงการโดดเด่น ทันสมัย ตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกมิติ
มาถึงจุดสำคัญที่ต้องเน้นทำตัวหนาไว้เลยเพราะที่นี่คือ คอนโดมิเนียม High Rise ดีไซน์ใหม่และแตกต่าง สูง 39 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 1,237 ยูนิต สามารถจอดรถได้ 40% ไม่รวมซ้อนคัน โดยมาในคอนเซ็ปต์ CHOOSE LIFE CHOOSE EVERYTHING ชีวิตที่ไม่ต้องเลือก เพราะจัดให้ครบหมดทุกความต้องการ
ตั้งแต่ ►ส่วนกลาง CHOOSE EVERY…. HAVEN SPACE ที่มีการออกแบบพื้นที่มากกว่า 8,635 ตารางเมตร หรือ 5.39 ไร่ รวมทั้งหมด 5 ชั้น (Quintuple Facilities) ซึ่งไม่ว่าลูกบ้านจะ WORK – PLAY – CHILL – PEACE ก็สามารถทำทุกกิจกรรมได้แบบอิสระอย่างไร้ขีดจำกัด
เริ่มที่ชั้นล่างสุด จะพบกับสวน Sylvan Park รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวทั่วบริเวณรอบโครงการ เพื่อให้ได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น และยังมี Green Tunnel พื้นที่ไว้นั่งทำงานนั่งเล่นพร้อมชมวิวสวนด้านนอก ซึ่งมีการแบ่งเป็นล็อคให้เรียบร้อยเพื่อความเป็นส่วนตัว
พอเข้ามาด้านในจะพบกับ The Reception โถงต้อนรับสำหรับให้แขกมานั่งรอลูกบ้าน โดยตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม
แต่ที่ชอบคือการดีไซน์พื้นที่รับรองแบบใหม่โดยนำ Lobby มาผสมผสานกับ Co-Working Space ได้อย่างลงตัว โดยมีมาให้ถึง 4 จุด เพื่อให้ลูกบ้านแต่ละคนมีสเปซในการใช้งานเพิ่มขึ้น อีกโซนหนึ่งคือ Playfulness Bar ที่มีทั้งมุมนั่งชิลแบบโซฟา มุมนั่งเล่นนั่งคุย หรือถ้าอยากนั่งทำงานแบบจริงจังก็มีโต๊ะไว้รอบรังอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง
มาดูโซนเก๋ๆ ชิคๆ กันบ้างอย่างห้อง Chill Out Lab เพราะว่าตกแต่งด้วยกระจกโค้งรับกับวิวสวนสีเขียวภายนอก ซึ่งการดีไซน์แบบนี้จะทำให้ได้มุมมองในอีกมิติหนึ่ง สามารถนั่งชิลๆ ได้ทั้งวันก็ไม่รู้สึกเบื่อ
ปิดท้ายชั้นล่างด้วย The Parlour โดยแยกส่วนออกจาก Lobby อยู่บริเวณ Drop Off มีลักษณะเป็นห้องกระจกแก้วใส ที่ดีไซน์ให้เหมือน café เผื่อวันไหนอยากนั่งเล่นสบายๆ หรือกำลังรอใครขับรถมารับ ก็มานั่งคอยที่ห้องนี้ได้เหมือนกัน
นอกเหนือจากนี้ Facilities จะขึ้นไปอยู่ที่ชั้น 36-39 โดยชั้น 36 จะประกอบด้วย The Circular Lounge ห้องนี้นี่ส่วนตัวอยากเห็นของจริงเลยคงจะสวยน่าดู เพราะถูกห้อมล้อมด้วยกระจกใสที่จะรับกับวิวเมืองให้เราได้เห็นแบบเต็มสายตา อีกทั้งยังสามารถนำเครื่องดื่มและของกินเล่นมานั่งกินที่นี่ได้อีกด้วยรับรองฟิน
ติดกันเป็น Sky Studio คล้ายกับห้องอเนกประสงค์ตามใจผู้ใช้ อยากจะนัดประชุมทำงาน ชวนเพื่อนมาเล่นเกม ก็ได้ความเป็นส่วนตัวสูงสุด
ชั้น 37 จะออกแบบให้พื้นที่ครึ่งหนึ่งเป็น The Common สวนสีเขียวที่เหมือนจุดพักผ่อนไว้สำหรับคนที่ไม่อยากลงไปใช้สวนข้างล่าง และอยากเห็นบรรยากาศของวิวเมืองแบบชัดๆ
ไปกันต่อที่ชั้น 38 ฝั่งหนึ่งคือ Swimming Pool & Jacuzzi สระว่ายน้ำยาว 50 เมตร ว่ายออกกำลังกายได้แบบจริงจัง และมีถึง 6 ฟังก์ชันด้วยกัน แต่ที่สำคัญคือเห็นวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งบางกระเจ้า
อีกฟากหนึ่งในส่วนของ The Muscle Factory Panoramic Fitness เตรียมเครื่องออกกำลังกายไว้ให้หลากหลาย โดยผนังฝั่งหนึ่งถูกแทนที่ด้วยกระจก ทำให้มองเห็นวิวแม่น้ำได้เช่นเดียวกับฝั่งสระว่ายน้ำ
บนสุดที่ชั้น 39 Rooftop Garden คราวนี้จัดเต็มไปเลยกับสวนสีเขียวขนาดใหญ่ทั้งชั้น ให้ได้หายใจรับอากาศบริสุทธิ์กันแบบชุ่มปอด
เหนือสิ่งอื่นใดคือ ►CHOOSE EVERY….. VIEW ซึ่งโครงการนี้สามารถเปิดรับวิวได้มากถึง 3 มุมมอง ไม่ว่าจะเป็น วิวเมืองสุขุมวิท-อโศก หรือวิวสวนเบญจกิติ ซึ่งในอนาคตจะเป็นสวนขนาดใหญ่ 800 ไร่ หรือแม้แต่วิวโค้งน้ำบางกระเจ้า ซึ่งหาได้ยากที่จะมีคอนโดให้ครบทุกวิวขนาดนี้ โดยชมวิวได้จากพื้นที่ส่วนกลาง Facilities ในชั้น 36-39 ของโครงการ และจากห้องชุดพักอาศัย
4. รูปแบบห้องพักอาศัย ตอบโจทย์คนเมือง ฟังก์ชันครบ คุ้มทุกตารางเมตร
นับเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ กับแบบห้องพักอาศัยที่สามารถ Customize ด้วยแปลนห้องที่มีมากกว่า 100 รูปแบบ ซึ่งมีขนาดห้องให้เลือก ดังนี้
ห้อง Simplex |
1 Bedroom ขนาด 26.5-32 ตารางเมตร |
1 Bedroom Plus ขนาด 35-38 ตารางเมตร |
2 Bedroom ขนาด 47-75 ตารางเมตร |
ห้อง Vertiplex |
1 Bedroom ขนาด 28.5-38 ตารางเมตร |
2 Bedroom ขนาด 47-70 ตารางเมตร |
โดยมีห้องตัวอย่างให้ดูถึง 3 แบบด้วยกัน ขอเริ่มห้องที่ถือเป็นไฮไลท์ก่อนเลย ►ห้อง Vertiplex ขนาด 35 ตารางเมตร ซึ่งบอกก่อนว่าโครงการ ขายแบบ Fully Fitted และได้ Home Automation ภายในห้องทุกยูนิต
จุดแรกที่จะพบในห้องนี้คือ ห้องครัว ได้แบบครัวเปิด ซึ่งบิวท์อินเคาน์เตอร์ครัว พร้อมตู้เก็บของด้านบนมาให้แบบเข้าเซต โดยด้านล่างเคาน์เตอร์จะเว้นพื้นที่ไว้สำหรับวางเครื่องซักผ้าฝาหน้า
ตัวท็อปเคาน์เตอร์ใช้วัสดุหินสังเคราะห์ มีความแข็งแรงทนทานช่วยให้ใช้งานได้ยาวนาน อีกทั้งยังติดตั้งเครื่องดูดควันพร้อมเตาไฟฟ้า จากแบรนด์ TEKA มาให้เรียบร้อย
เชื่อมต่อไปยังส่วนของพื้นที่รับประทานอาหาร ซึ่งสามารถวางโต๊ะกินข้าวขนาด 4 ที่นั่ง ได้แบบสบายๆ และยังมีพื้นที่ว่างให้เดินได้แบบเหลือเฟือ
ถัดไปเป็นส่วนของ ห้องนั่งเล่น สามารถวางโซฟาขนาด2-3 ที่นั่ง ได้ทั้งแบบโซฟาตัวไอและตัวแอล เพราะมีพื้นที่เหลือค่อนข้างมาก
และนอกจากจะได้พื้นที่ที่กว้างขวางแล้ว แต่ที่ชอบเป็นพิเศษคือได้ Double Volume โดยได้ Floor to Ceiling สูงถึง 4.4 เมตร ซึ่งรับกับกระจกบานใหญ่ที่ให้มาสุดเพดานเลย ทำให้ห้องยิ่งดูโปร่งโล่งสบายยิ่งขึ้น
ติดกันกับฝั่งวางทีวีมีประตูเชื่อมออกไปสู่ระเบียงด้านนอก สามารถปลูกต้นไม้ทำเป็นสวนเล็กๆ หรือจะวางเก้าอี้นั่งชมวิวด้านนอกก็ได้เหมือนกัน
กลับเข้ามาด้านในเพื่อไปดูจุดอื่นกันต่อ โดยห้องนี้อยู่ติดกับห้องนั่งเล่นซึ่งทางโครงการทำเป็นห้องนอนให้ดูเป็นตัวอย่าง สามารถวางเตียง 5 ฟุต และตู้เสื้อผ้าได้ แต่ใครจะปรับเปลี่ยนเป็นห้องทำงานก็สามารถทำได้ ถือว่าเหมาะกับคนที่เน้นทำงานที่บ้าน Work From Home อยู่เหมือนกัน
แต่ก่อนจะขึ้นชั้นบนขอพาไปดู ห้องน้ำ โดยเป็นห้องน้ำสำเร็จรูป ที่ทำออกมาได้ดีเลย ครบครันทั้งอ่างล้างหน้า พร้อมที่วางของด้านหลัง ได้โถสุขภัณฑ์ พื้นที่อาบน้ำ และติดกระจกฉากกั้นมาให้เรียบร้อย ซึ่งห้อง Vertiplex เราจะได้ห้องเก็บของใต้บันไดที่อยู่ติดกับห้องน้ำด้วย
สำหรับชั้นบนนั้นจะเป็น ห้องนอน ซึ่งมีความพิเศษตรงที่มีประตูปิดกั้นอย่างจริงจัง แยกพื้นที่ชั้นล่างและชั้นบนชัดเจน โดยฝั่งหนึ่งคือมุมพักผ่อนสามารถวางเตียง 5 ฟุต โต๊ะข้างหัวเตียง ก็ยังมีสเปซว่างให้วางโซฟาไว้นั่งเล่นก่อนเข้านอน
อีกฝั่งหนึ่งคือ Walk-in Closet ที่เป็นห้องแต่งตัวจริงๆ ต่อให้เสื้อผ้าเยอะแค่ไหนก็เก็บได้พอแน่นอน พร้อมพื้นที่ขนาดกำลังพอเหมาะที่เอาไว้สำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้ง
ไปกันต่อกับห้องตัวอย่างที่ 2 คือ ►Simplex - 1 Bedroom ขนาด 32 ตารางเมตร ส่วน Floor to Ceiling สูง 2.65 เมตร รูปแบบการจัดวางจะคล้ายกับห้องแรก ซึ่งจะพบกับ ห้องครัว เป็นอันดับแรก โดยตู้เย็นจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัว
ติดกันเป็น ห้องน้ำ ที่โครงการทำทางเข้าออกมาให้สองทางคือฝั่งห้องครัวกับในห้องนอน ซึ่งมีข้อดีตรงที่ผู้อยู่อาศัยได้รับความสะดวกสบาย และได้ความเป็นส่วนตัวเวลามีใครมาหาที่ห้องก็จะได้ไม่ต้องเข้าผ่านห้องนอนเรานั่นเอง
ถัดมาเป็นส่วนรับประทานอาหารแต่ก็สามารถนั่งทำงานตรงนี้ได้ วางโต๊ะกินข้าวได้ 4 ที่นั่ง แต่ถ้าเราอยู่คนเดียวเปลี่ยนเป็นโต๊ะกินข้าวขนาด 2 ที่นั่ง ก็จะช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างให้ห้องได้มากกว่าเดิม
ในสุดของห้องคือ ห้องนั่งเล่น วางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่ง ส่วนฝั่งตรงข้ามสำหรับวางทีวี ซึ่งด้านข้างก็ยังมีพื้นที่เหลือมากพอ ให้ทำเป็นชั้นเก็บของได้ประมาณหนึ่งเลย เนื่องจากพื้นที่ตั้งแต่โต๊ะกินข้าวถึงมุมนั่งเล่นตรงนี้ค่อนข้างยืดหยุ่น ทำให้เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบเลย เพิ่มเติมคือการได้กระจกบานใหญ่ และหน้าต่างแบบบานกระทุ้งมาถึง 2 บาน
ขณะที่ ห้องนอน เลือกวางได้ทั้งเตียง 5 ฟุต หรือ 6 ฟุต และยังวางโต๊ะเครื่องแป้ง รวมถึงตู้เสื้อผ้าได้แบบที่ผู้อยู่จะไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด เนื่องจากมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง แถมยังได้แสงธรรมชาติจากระเบียงด้านนอก ยิ่งทำให้ห้องนี้น่าอยู่เข้าไปใหญ่
มาถึงห้องตัวอย่างสุดท้ายได้แก่ ►Simplex - 2 Bedroom ขนาด 50 ตารางเมตร เหมาะอย่างมากสำหรับกลุ่มครอบครัว ซึ่งแม้ว่าจะพบ ห้องครัว ก่อนเหมือนกับสองห้องข้างบนแต่ได้สเปซมากขึ้น อีกทั้งยังได้ตู้เก็บรองเท้าเก็บของ ที่ทางโครงการบิวท์อินมาให้สุดเพดาน
เคาน์เตอร์ครัวก็มีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้มีพื้นที่ในการเตรียมอาหาร และพื้นที่เก็บเครื่องปรุงของใช้ในครัวได้มากขึ้นตามไปด้วย และยังเป็นครัวปิดอีกต่างหาก ทำให้จะทำอาหารจริงจังแค่ไหนก็ไม่ต้องกลัวกลิ่นฟุ้งกระจายไปห้องอื่น
พอออกจากส่วนครัวจะพบ ห้องนอนที่ 2 ที่ไม่บอกว่าห้องนอนเล็กเพราะขนาดไม่เล็กเลย วางเตียง 5 ฟุต พร้อมตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ก็ยังมีพื้นที่ว่างให้เดินในห้องได้สบายๆ แถมยังได้หน้าต่างบานกระทุ้ง 2 บาน เหมือนกับ 1 ห้องนอน เปิดรับลมเย็นให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
ฝั่งตรงข้ามเป็น ห้องน้ำ ที่ยังคงเข้าออกได้ 2 ทางเช่นเดิม คือทางห้องนั่งเล่นและทาง Master Bedroom เตรียมสุขภัณฑ์มาให้ครบพร้อมใช้งาน
มาถึงหัวใจหลักของห้อง Common Area ซึ่งเชื่อมต่อพื้นที่นั่งกินข้าวขนาด 4 ที่นั่ง หรือจะปรับเป็น 6 ที่นั่งก็ไม่ใช่ปัญหา ส่วนประตูด้านข้างจะออกไปสู่ระเบียง เพื่อให้ออกไปนั่งเล่นนั่งชิลเปลี่ยนบรรยากาศ
รวมถึง ห้องนั่งเล่น ที่อยู่บริเวณเดียวกัน โดยจะวางโซฟาตามห้องตัวอย่างหรือเปลี่ยนเป็นโซฟาแบบตัวแอลก็ทำได้ ฝั่งตรงข้ามสามารถติดทีวีขนาด 50 นิ้ว ได้เลย เพราะมีระยะห่างในการดูพอสมควร ติดกันเป็นมุมสำหรับนั่งทำงาน
แต่ที่ชอบคือการให้ช่องแสงมาแบบจัดเต็ม เป็นกระจกเข้ามุมบานใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้อย่างทั่วถึง ตัวห้องเองก็ดูโปร่งโล่งสบายตา
ปิดท้ายด้วย Master Bedroom ที่ส่วนใหญ่ห้องนี้มักจะอยู่กัน 2 คน ดังนั้นวางเตียง 6 ฟุตได้เลย หรือถ้าใครอยากได้พื้นที่เพิ่มจะเลือกเตียง 5 ฟุตก็เพียงพอ สำหรับโต๊ะเครื่องแป้งจะอยู่ฝั่งเดียวกับหัวเตียง ส่วนตู้เสื้อผ้าจะอยู่ติดกัน ซึ่งสามารถเก็บเสื้อผ้าได้พอสมควร
5. ทำเลแบบนี้ ราคาแบบนี้ บอกเลยว่า คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม เหมือนถูกหวย
ทำเลนี้ หากใครเคยมาดูคอนโดใหม่ๆ ราคาแทบจะไม่ต่ำกว่า 6-7 ล้านไปแล้ว แต่สำหรับที่นี่ แบบห้อง Simplex ราคาเริ่มต้น 3.85 ล้านบาท* ส่วนแบบห้อง Vertiplex ราคาเริ่มต้น 5.5 ล้านบาท* เท่านั้น ถือว่าทำราคาออกมาได้ถูกมากๆ ทำให้ไม่ว่าจะเลือกอยู่อาศัยเอง หรือสายลงทุนก็ได้ทั้งนั้น โดยโครงการจะสร้างแล้วเสร็จในปี 2567
รออะไรล่ะครับ สนใจคลิกลงทะเบียนไปเอาส่วนลดมาไว้ก่อนได้ที่ลิงก์นี้ >>> https://bit.ly/34uMP4Y พร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษกว่า 200,000 บาท และสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย
Livinginsider - Weekly Insight Report [10-16 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [03-09 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [27 Oct-02 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [20-26 Oct 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [13-19 Oct 2024]
2024-11-18
ดีไซน์เว็บสวยดีค่ะ ดูง่าย ชอบมาก
อ่านสนุกจังค่ะ
Content หลากหลายดีค่ะ
ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย รู้เรื่องดีค่ะ
สนุกมากๆเลยค่ะ อ่านเพลินดี
ดีมากค่ะ ดีทุกส่วนเลย