News
icon share

กานดา พร็อพเพอร์ตี้ พร้อมลุยอสังหาฯปี 65 ส่งบ้านสไตล์ใหม่ 6 โครงการเจาะเรียลดีมานด์

LivingInsider Report 2022-01-13 11:29:56
กานดา พร็อพเพอร์ตี้ พร้อมลุยอสังหาฯปี 65 ส่งบ้านสไตล์ใหม่ 6 โครงการเจาะเรียลดีมานด์

กานดา พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเกมรุกบ้านแนวราบปี 65 เตรียมส่ง 6 โครงการ พร้อมแบบบ้านใหม่สไตล์ English Garden และทาวน์โฮมแบรนด์ใหม่ ลุยตลาดภายใต้แนวคิดใหม่ 5 Kanda Concept มั่นใจตลาดยังโตได้ต่อ ตั้งเป้ายอดขายทะลุ 3,300 ล้านบาท

 

นายหัสกร บุญยัง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 ว่า ในปี 2565 บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่เป็นที่อยู่อาศัยแนวราบรวม 6 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4,700 ล้านบาท 

 

ซึ่งมีทั้งการเปิดโครงการในทำเลเดิมและขยายไปในทำเลใหม่ ๆ รวมทั้งการเปิดแบรนด์ใหม่ในกลุ่มทาวน์เฮ้าส์ระดับกลาง-กลางบน เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุม และขยายฐานการสร้างรายได้ให้กว้างขึ้น

 

สำหรับโครงการใหม่ที่จะเปิดขายในปี 2565 ประกอบด้วย โครงการไอลีฟ ไพร์ม ลำลูกกา คลอง 2 โครงการไอลีฟ ไพร์ม 2 ประชาอุทิศ 90 โครงการไอลีฟ พราวด์ พระราม 2 กม.14 

 

และโครงการไอลีฟ พราวด์ วงแหวน-รังสิต คลอง 4 ซึ่งเป็นทาวน์โฮมแบรนด์ใหม่ ระดับราคา 2-3 ล้านบาท รวมทั้งการเปิดโครงการในทำเลใหม่อีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการไอลีฟ ไพร์ม รามอินทรา-คู้บอน และโครงการไอลีฟ ไพร์ม พัทยา-จอมเทียน ที่จังหวัดชลบุรี

 

รวมทั้งในปี 2565 บริษัทจะมีทั้งโครงการใหม่ และโครงการที่อยู่ระหว่างการขายรวม 16 โครงการ ใน 11 ทำเล ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค โดยได้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3,300 ล้านบาท และเป้ารายได้อยู่ที่ 2,500 ล้านบาท

 

ขณะที่ปี 2564 บริษัททำยอดขายไปได้ 3,000 ล้านบาท และมีรายได้อยู่ที่ 2,050 ล้านบาท ซึ่งถือว่าทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีการเปิดโครงการใหม่ไปเพียง 2 โครงการ ได้แก่ ไอลีฟ ไพร์ม ประชาอุทิศ 90 และ ไอลีฟ ไพร์ม 2 พระราม 2 กม.14

 

ภาพรวมของเศรษฐกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565 จะเติบโตขึ้นกว่าปี 2564 แต่เป็นการเติบโตในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป แม้ว่าจะเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอน แต่เชื่อว่าถ้าความรุนแรงและผู้เสียชีวิตไม่เพิ่มขึ้นมากจะทำให้ความกดดันที่จะต้องใช้มาตรการปิดประเทศลดน้อยลง

 

ขณะที่ไทยรวมถึงหลาย ๆ ประเทศหันมาให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของประชาชนควบคู่ไปกับการควบคุมโรค ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจสามารถเดินต่อไปได้ แม้จะเติบโตได้ไม่มากนัก

 

นายหัสกรกล่าวอีกว่า ในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์ การผ่อนคลายมาตรการคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) และการขยายมาตรการลดค่าโอนและจดจำนองที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทออกไปอีก 1 ปี ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยจะมีผลในเชิงบวกต่อตลาด

กานดา พร็อพเพอร์ตี้ พร้อมลุยอสังหาฯปี 65 ส่งบ้านสไตล์ใหม่ 6 โครงการเจาะเรียลดีมานด์

 

 

จากการผ่อนปรนให้ผู้ซื้อสามารถขอสินเชื่อได้ 100% และช่วยลดภาระจากมาตรการลดค่าโอน ขณะเดียวกันยังส่งผลเชิงจิตวิทยา จากการที่ภาครัฐใช้อสังหาฯ เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จะสร้างบรรยากาศที่ดีต่อตลาด และสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับผู้บริโภค

 

นอกจากนี้การลดค่าธรรมเนียมโอน และจดจำนองจะช่วยให้ผู้ประกอบการชะลอการปรับราคาบ้านตามต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่หลายตัวได้ปรับขึ้นไปแล้ว 5-30%

 

เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนี้เชื่อว่าผู้ประกอบการยังคงให้ความสำคัญกับสภาพคล่องมากกว่าผลกำไร การลดค่าโอนจึงช่วยให้ผู้ประกอบการนำประโยชน์ที่ได้จากส่วนนี้ส่งต่อไปให้ผู้บริโภคทั้งในเรื่องของการโปรโมชั่น หรือการชะลอการปรับขึ้นราคาตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 

 

และยังคาดว่าตลาดบ้านแนวราบจะยังเติบโตต่อเนื่องจากปี 2564 โดยส่วนหนึ่งจะยังคงได้อานิสงส์จากกลุ่มลูกค้าที่เคยอยู่ในเมืองอาจจะขยับออกมาชานเมือง เพื่อซื้อบ้านที่ได้พื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้น ได้อยู่กับครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น ได้ประโยชน์จากการอยู่อาศัยที่คุ้มค่าขึ้นจากการที่จะต้อง work from home ส่วนคอนโดมิเนียมจะเริ่มฟื้นตัวแต่จะยังไม่กลับไปดีเท่ากับช่วงก่อนปี 2560 

 

นายหัสกร กล่าวอีกว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายในการดำเนินธุรกิจและทำให้บริษัทต้องปรับตัวใน 3 เรื่องหลัก ๆ 

 

เรื่องแรก เป็นเรื่องที่บริษัทให้สำคัญที่สุด คือ การบริการสภาพคล่องทั้งเงินที่จะเข้ามาและเงินที่จะต้องจ่ายออกไป โดยโฟกัสไปที่การขายและการก่อสร้างที่จะต้องสอดรับกันระหว่างรายรับกับรายจ่าย โดยมีการวางแผนงานก่อสร้างกับงานขายที่ต้องประชุมติดตามกันอย่างใกล้ชิด

 

เรื่องที่ 2 คือ เรื่องของความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของพนักงานและลูกค้า พนักงานที่มีการสัมผัสใกล้ชิดลูกค้าจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยมีการตรวจ ATK การทำความสะอาดบ้านตัวอย่าง และสำนักงานขายอย่างสม่ำเสมอ อุปกรณ์ทำความสะอาดและป้องกันต่าง ๆ มีการเตรียมไว้ให้พร้อมในทุกโครงการ รวมถึงการให้พนักงานสลับกัน work from home เพื่อลดความหนาแน่นของแต่ละไซต์โครงการ เป็นการลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ

 

เรื่องที่ 3 คือ เป็นเรื่องของการปรับปรุงระบบการทำงานของบริษัทให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งในปัจจุบันและอนาคต อย่างเช่น เรื่องโปรดักส์ได้มีกาออกแบบบ้านใหม่รองรับ New Lifestyle ที่เกิดจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  

 

โดยเป็นบ้านในสไตล์ English Garden ที่มีการออกแบบพื้นที่รองรับการใช้ประโยชน์ที่หลากหลายจากการที่ผู้บริโภคต้อง ใช้เวลาอยู่กับบ้านมากขึ้น และนำสไตล์การจัดสวนแบบอังกฤษมาช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น ผ่อนคลายในโครงการ

 

นอกจากนี้แบบบ้านสไตล์ English Garden จะมีความคลาสสิก ให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและผ่อนคลาย เมื่อผู้บริโภคต้องใช้เวลาอยู่กับบ้านมากขึ้น โดยได้นำมาใช้กับโครงการไอลีฟ ไพร์ม 2 พระราม 2 กม. 14 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2564 เป็นโครงการแรก และจะนำไปใช้กับทุกโครงการใหม่ในปี 2565 เริ่มที่โครงการไอลีฟ ไพร์ม พัทยา-จอมเทียน ที่คาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2565”  
กานดา พร็อพเพอร์ตี้ พร้อมลุยอสังหาฯปี 65 ส่งบ้านสไตล์ใหม่ 6 โครงการเจาะเรียลดีมานด์

 

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับแนวคิดการพัฒนาโครงการในทุกโครงการจากเดิมที่ใช้ 4 Kanda Concept เป็นหลักในการพัฒนา ปัจจุบันได้เพิ่มเป็น 5 Kanda Concept ประกอบด้วย
 

Eco Smart การใช้พลังงานทางเลือก โดยใช้หลักการของ 3R-Reduce Reuse Recycle


Easy Maintenance การออกแบบบ้านให้ง่ายต่อการซ่อมบำรุงในอนาคต การเลือกใช้วัสดุทนทาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม


Multi Generation ออกแบบบ้านที่คำนึงถึงการอยู่อาศัยร่วมกันของแต่ละช่วงวัย ตอบโจทย์การอยู่อาศัยแบบครอบครัวใหญ่


Flood Protection การออกแบบโครงการให้มีระบบป้องกันน้ำท่วม

 

Space Matter การให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอยเพื่อรองรับความต้องการใช้พื้นที่หลากหลายขึ้น เช่น บ้านหนึ่งหลังออกแบบให้มี 4 ห้องนอน ด้วยจำนวนห้องที่หลากหลายทำให้เพียงพอต่อการปรับเปลี่ยนห้องได้ตามประโยชน์การใช้สอย รวมไปถึงการออกแบบฟังก์ชั่นการใช้สอยในพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ให้เหมาะสมกับ space ในส่วนนั้น ๆ

 

นายหัสกร กล่าวปิดท้ายว่า ในอีก 1-2 ปีข้างหน้าบริษัทวางเป้าจะขยายทำเลใหม่เพิ่มปีละ 1-2 ทำเล และเปิดโครงการปีละ 5-10 โครงการ ตั้งเป้าเติบโตปีละ 10-20% หรือมีรายได้ประมาณ 2,000-2,500 ล้านบาท ขณะที่แผนในระยะ 3-5 ปีข้างหน้าได้วางเป้าในการเติบโตที่สูงขึ้น

 

โดยมีการขยายธุรกิจเพิ่มจากปัจจุบันมีธุรกิจสำนักพิมพ์ออนไลน์ และการนำสินทรัพย์ที่มีอยู่มาปล่อยเช่าในระยะยาว ในอนาคตจะมีการขยายธุรกิจไปในอสังหาริมทรัพย์รูปแบบอื่น ๆ เพิ่ม โดยคาดว่าจะมีรายได้ในระดับ 3,000-3,500 ล้านบาท

>> ช่องทางในการติดตามข่าวสาร <<
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @livinginsider ที่นี่

บทความอื่นๆ

livinginsider livinginsider