Favorite
ในช่วงที่ผ่านมา ใครๆ ก็อยากซื้อบ้าน แต่เหลือเชื่อมากๆ หลายๆ โครงการ ขายดีมาก จนไปดูเมื่อไรก็ SOLD OUT ไปหมดแล้ว ทั้งที่เพิ่งเปิดขายเพียงไม่กี่วัน มีแฟนเพจหลายคนติดต่อสอบถามเรามาว่า จะซื้อ บ้านเดี่ยว ดีๆ สักหลัง แบบที่ซื้อแล้วสบายใจ ไม่ต้องกังวล ต้องดูอะไรบ้าง จากประสบการณ์ของเรา เราแนะนำว่า หากจะซื้อบ้าน ให้ดูหลักๆ 3 อย่าง
1. ทำเล
2. แบรนด์ผู้ประกอบการ
3. ฟังก์ชันการใช้งาน
หากจับทั้ง 3 อย่าง มารวมกันแล้วไปดูผู้ประกอบการที่ทำได้ดีที่สุดทั้ง 3 อย่าง รับรองได้ว่า SC Asset ให้คุณได้ครบอย่างแน่นอน
ทั้งทำเลที่มักจะติดถนนใหญ่ บนถนนสายหลักสำคัญๆ การให้บริการที่สุดยอดแม้จะขายให้คุณไปแล้ว เขาก็ยังดูแลอยู่ และท้ายที่สุดออกแบบได้โดนใจ ทั้งอาวุโส วัยทำงาน วัยรุ่น ในหลังเดียวกัน ที่สำคัญคือ แบรนด์เป็นที่รู้จัก ขายต่อ ปล่อยเช่า ได้กำไรดี แทบทุกที่
และนี่คือ บ้านที่เปิดขายทีไร หมดเร็วทุกทีสำหรับ บางกอก บูเลอวาร์ด (Bangkok Boulevard) วันนี้มีอีกหนึ่งโครงการที่เราจะพาไปชมกันครับ รับรองว่า ขายดี หมดไว ใครสนใจ ไม่ไวจะอดแน่นอน
Bangkok-Boulevard-Ramintra 109 (บางกอก บูเลอวาร์ด รามอินทรา 109) บ้านเดี่ยวสุดหรู ดีไซน์ใหม่ LANAI Series บรรยากาศ AUTUMN IN PARIS บนทำเลสะดวกรอบด้าน ใกล้รถไฟฟ้าแค่ 3 นาที*
ทำเลรามอินทรา คือสุดยอดทำเล ที่กำลังมาแรงที่สุดในประเทศสำหรับการหาซื้อบ้าน ด้วยความเจริญที่ขยายเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่โครงการคำนึงมาเป็นอย่างดี ว่าผู้อยู่อาศัยจะได้รับความคุ้มค่าในมิติไหนบ้าง
ยืนยันได้อย่างดีว่า ทำเล รามอินทรา HOT จริงๆ จากสถิติการค้นหาบ้านในเว็บไซต์ Livinginsider.com ที่เป็นเว็บอสังหาฯที่มีผู้เข้าใช้งานอันดับต้นๆ ของประเทศ
Bangkok-Boulevard-Ramintra 109 (บางกอก บูเลอวาร์ด รามอินทรา 109) ตั้งอยู่บนถนนพระยาสุเรนทร์ ซอย 30 หรือซอยรามอินทรา 109 โดยอยู่ติดกับถนนหลักรามอินทรา ที่สามารถเชื่อมต่อไปได้อีกหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นถนนเกษตร-นวมินทร์ ถนนประดิษฐ์มนูญธรรม ถนนเสรีไทย ถนนมีนบุรี รวมถึงวงแหวนกาญจนาภิเษก และทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ซึ่งช่วยเพิ่มทางเลือกในการเดินทางได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในโครงการที่อยู่ใกล้กับ รถไฟฟ้า สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) สถานีบางชัน เพียง 2.4 กิโลเมตร ซึ่งถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดรู้สึกว่าเร็วๆ นี้ ใกล้จะเปิดให้ใช้บริการช่วงเดือนธันวาคม 2565 ทำให้ช่วงเวลาเร่งด่วนจะช่วยให้เข้าเมืองได้อย่างรวดเร็ว
Photo credit by : thansettakij
สำหรับแหล่งไลฟ์สไตล์ก็ตอบโจทย์ชีวิตคนเมือง ครบทั้งคอมมูนิตี้มอลล์และห้างสรรพสินค้า ไม่ว่าจะเป็น Amorini mall, The Promenade, Fashion Island และ Makro Ramintra รวมไปถึงร้านอาหารและคาเฟ่น่ารักๆ อีกมากมาย ที่อยู่ล้อมรอบโครงการโดยไม่ต้องเดินทางไกล
Photo credit by : thepromenade
Photo credit by : facebook StitchandHammerCafe
อีกมิติหนึ่งที่น่าสนใจของทำเลนี้ ตอบรับกลุ่มครอบครัวที่มีลูกๆ หลานๆ คือโครงการตั้งอยู่ใกล้กับสถานศึกษาชื่อดังอย่าง โรงเรียนสาธิตพัฒนา โรงเรียนเลิศหล้า โรงเรียนพระมารดานิจจานุเคราะห์ และโรงเรียนสตรีวิทยา 2 ขณะที่สถานพยาบาลที่มีชื่อเสียงก็อยู่ไม่ไกล เช่น โรงพยาบาลสินแพทย์ โรงพยาบาลพญาไท โรงพยาบาลนพรัตน์ โรงพยาบาลนวเวช เป็นต้น
Photo credit by : hotrosinhvien
จากที่เอ่ยไปทั้งหมดข้างต้นนั้น จึงไม่แปลกใจเลยครับที่เมื่อไปดูสถิติผู้เข้าชมอสังหาริมทรัพย์ ของ Livinginsider.com ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอสังหาอันดับต้นๆ ของประเทศไทย จะพบว่าหนึ่งในทำเลที่มีผู้ค้นหาบ้านเดี่ยวมากที่สุด ก็คือทำเล “รามอินทรา”
สำรวจภายนอกเรียบร้อยแล้ว เราเข้าไปดูภายในโครงการ บางกอก บูเลอวาร์ด รามอินทรา 109 (Bangkok Boulevard Ramintra 109) กันต่อเลยครับ ซึ่งเป็นโครงการที่หลอมรวมทุกองค์ประกอบได้แบบพิถีพิถันอย่างมีระดับ
ภายใต้คอนเซ็ปต์ Autumn in Paris นครแห่งความโรแมนติกที่หลายคนต่างอยากไปเยือน โดย Mood & Tone ภาพรวมทั้งหมดของโครงการ จะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น โรแมนติก พร้อมกับการได้ใกล้ชิดธรรมชาติ โดยเลือกใช้โทนสีที่อยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง หรือพูดง่ายๆ ว่าใช้สีของธรรมชาติเป็นหลัก
ขณะที่การดีไซน์ได้นำสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น ของเมืองปารีสประเทศฝรั่งเศสมาประยุกต์ใช้ ทั้งในเรื่องของ Elements เส้นสายต่างๆ รวมถึงลวดลายที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์หรูแห่งเมืองนี้ ผ่านซุ้มประตู คลับเฮ้าส์ ส่วนกลาง และตัวบ้าน เพื่อให้ออกมาดูหรูหราแต่ยังคงเข้าถึงง่าย แบบมีเอกลักษณ์ในทุกมุมมอง
โดยมี จำนวนที่พักอาศัยเพียง 87 หลัง บนพื้นที่ทั้งหมด 28-3-66 ไร่ ซึ่งเมื่อเทียบขนาดพื้นที่แล้ว จะเห็นเลยว่าโครงการให้ความสำคัญกับเรื่องของความเงียบสงบ และต้องการให้แต่ละครอบครัวได้รับความเป็นส่วนตัวอย่างเต็มที่
สตาร์ทกันตั้งแต่ซุ้มทางเข้าขนาดใหญ่ ที่ดีไซน์ให้เป็นระแนงไม้สีน้ำตาลมองแล้วรู้สึกสบายตา ตรงตามคอนเซ็ปต์ที่วางไว้ โดยประตูส่วนของทางเข้า-ออก จะเป็น Double Gate แบบรั้วเหล็ก ที่ควบคุมด้วยระบบ Access Control และเพิ่มความปลอดภัยอีกขั้นด้วยกล้อง CCTV รอบโครงการถึง 31 จุด และเจ้าที่รักษาความปลอดภัย คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ภายใต้ความปลอดภัยแบบ Triple Security System
เข้ามาข้างในโครงการจะเจอกับ Clubhouse สูง 2 ชั้น ตั้งตระหง่านอยู่กลางหมู่บ้าน ซึ่งการดีไซน์ภายนอกได้อินสไปร์มาจากเส้นสายและความโค้งมน ของหอไอเฟลเมืองปารีส โดย Facade ยังคงเป็นแนวระแนงไม้สีน้ำตาล รับกันกับซุ้มประตูหน้าทางเข้า ให้ความรู้สึกอบอุ่นนุ่มนวล แต่ก็ให้ความเรียบหรูในสไตล์ที่แตกต่างไม่ซ้ำใคร
โดย Clubhouse จะมี Facilities รองรับครบทุกความต้องการ และสามารถใช้งานได้ทุกเจเนอเรชั่น ตั้งแต่ Swimming Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือ ที่แม้จะแยกสระเด็กสระผู้ใหญ่ไว้ให้ แต่ก็ยังมีขนาดใหญ่พอที่จะสามารถว่ายออกกำลังกายได้แบบจริงจัง
ข้างๆ กันจะมีพื้นที่สนามเด็กเล่นขนาดกำลังพอดี ไว้ให้เด็กๆ ที่วันไหนไม่อยากเล่นน้ำก็มาเล่นตรงนี้ได้
โซน Outdoor ของ Clubhouse ว่าสวยแล้ว แต่โซน Indoor ก็งดงามไม่แพ้กัน โดยดีไซน์ให้สามารถใช้งานและ Take View ได้ถึง 3 ด้านจากภายในอาคาร โดยได้ความสูงแบบ Double Volume และมีส่วนที่เป็น Skylight ซึ่งออกแบบให้เป็นกระจกขนาดใหญ่ เพื่อให้สามารถมองเห็นวิวสวนภายนอกได้ชัดเจน และได้มุมมองที่เพลิดเพลินเปลี่ยนไปจากเดิม
ซึ่งชั้นล่างจะเป็น Lobby ที่จัดมาให้หลากหลายที่นั่ง สำหรับรองรับแขกที่มาเยี่ยมเยียน หรือเป็นพื้นที่นั่งเล่นของลูกบ้าน
ขณะที่ชั้น 2 จะแบ่งส่วนกลางออกเป็น Co-Working Space ซึ่งเป็นพื้นที่ไฮไลต์เลยก็ว่าได้ โดยมีทั้งมุมโซฟานั่งชิล หรือแบบโต๊ะนั่งทำงานจริงจัง แต่ถ้าอยากได้แบบเป็นส่วนตัวก็มีห้องทำงานแยกต่างหาก พร้อมจัดวางแพนทรี่ไว้ทำเครื่องดื่มเล็กๆ น้อยๆ ให้อีกด้วย
ติดกันเป็น Kid’s Room มุมโปรดของเด็กๆ ที่ให้นั่งเล่นสร้างสรรค์เปิดจินตนาการได้อย่างเต็มที่
อีกฝั่งจะเป็น Fitness จัดเตรียมเครื่องออกกำลังกายไว้หลากหลาย เพื่อให้ลูกบ้านเลือกเล่นได้ตามใจชอบ
ก่อนจะไปดูบ้านขอแวะดูสวนส่วนกลาง ที่มีขนาดใหญ่พอสมควร ประกอบกับการดีไซน์ด้วยสีสันของใบไม้ร่วง อย่างสีเหลืองและสีส้ม ซึ่งตัดกับพื้นที่สีเขียวสนามหญ้าและต้นไม้น้อยใหญ่ ทำให้ดูสดใสน่าใช้งานมากยิ่งขึ้น
โดยออกแบบการใช้งานไว้หลากหลาย อย่างโซนที่เป็นจุดเด่นเลยก็คือ Playground และ Kids & Parent Sitting Area ที่มีการดึง Elements ต่างๆ ของคอนเซ็ปต์ มาใช้เป็นส่วนประกอบ อย่างผลวอลนัท ที่นำมาดัดแปลงเป็นเครื่องเล่น ให้ได้ปีนป่ายนั่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน
ติดกันเป็น Workout Station มุมออกกำลังกายกลางแจ้ง ให้ได้โหนบาร์ยืดเส้นยืดสายกัน
อีกทั้งยังมี Feature Pavement, Bicycle Parking และ Skate Park อีกหนึ่งโซนกิจกรรม สำหรับวิ่งจ๊อกกิ้ง ปั่นจักรยาน หรือเล่นสเกตบอร์ด
แต่ถ้าอยากจะนั่งรับลมสบายๆ มองดูเด็กๆ ทำกิจกรรม ก็มีมุม Flower Field Sitting Area และ Relaxing Area ซึ่งตอนเย็นอากาศคงจะร่มรื่นร่มเย็นไม่น้อยเลย
แล้วก็มาถึงส่วนที่สำคัญที่สุดของโครงการ นั่นก็คือบ้านพักอาศัย ที่ทาง SC Asset รังสรรค์บ้านรูปแบบใหม่ล่าสุด ภายใต้ชื่อ LANAI Series ที่มีมากกว่าความสวยงาม เพราะยังเต็มไปด้วยฟังก์ชันที่สมบูรณ์แบบ โดยเป็นบ้านหน้ากว้างที่สร้างขึ้นมาเต็มที่ดิน หรือเน้นการใช้สอยพื้นที่ในบ้านเป็นหลัก ทำให้จะมีห้องนอนอย่างต่ำ 4 ห้อง และมีห้องนอนอยู่ที่ชั้นล่างทุกแบบบ้าน เพื่อให้ทุกเจเนอเรชั่นในครอบครัวอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข
อย่างไรก็ตาม ยังคงดีไซน์ให้มีส่วนของ Semi-Outdoor เพื่อให้ทุกคนสามารถใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น และทุกหลังในโครงการนี้จะติดตั้งสัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic & Shock Sewnsor ไว้ให้เรียบร้อย
โดยโครงการ บางกอก บูเลอวาร์ด รามอินทรา 109 (Bangkok Boulevard Ramintra 109) มีแบบบ้านให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ ดังนี้
เริ่มกันที่ภายนอกตัวบ้านก่อนเลย โดยเป็นบ้านแบบ Conventional ก่ออิฐฉาบปูน สะดวกต่อการปรับเปลี่ยนต่อเติม นอกจากนี้ยังมี Character ชัดเจน ออกแบบในสไตล์โมเดิร์น ฉบับเรียบหรูแต่คลาสสิก เน้นโทนสีธรรมชาติ แนวเอิร์ธโทน อย่างสีน้ำตาล สีเทา และสีขาว
เพิ่มความน่าสนใจด้วย Facade อะลูมิเนียม โดยเป็นแผงกันแดดที่สามารถปรับองศาในการรับแสงแดด ที่มองแล้วก็เหมือนกับระแนงไม้ที่สอดคล้องกับซุ้มประตูและ Clubhouse
สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง คือ ทางฝั่งโรงจอดรถ ซึ่งประตูจะได้ Digital Door Lock เพิ่มเติม อีกทั้งตรงบริเวณนี้จะได้ตู้เก็บของถึง 2 จุดด้วยกัน
ส่วนอีกทาง คือ ทางฝั่งหน้าบ้าน โดยได้ทำทางลาดจากโรงจอดรถเชื่อมต่อไปยังหน้าบ้าน เพื่อให้สะดวกต่อการใช้วีลแชร์ของผู้สูงอายุ หรือรถเข็นต่างๆ
อีกหนึ่งไฮไลต์อยู่ตรงที่ Terrace เฉลียงหน้าบ้าน ที่นอกจากมีความกว้างแล้ว ยังเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ด้านข้างบ้าน โดยเป็นแบบ Semi-Outdoor ที่เป็นหนึ่งในฟังก์ชันหลักของแบบบ้าน LANAI Series ไว้นั่งเล่นนั่งรับลมเย็นๆ อย่างเป็นส่วนตัว หรือทำเป็นพื้นที่สังสรรค์ปาร์ตี้ของคนในครอบครัวก็ทำได้เหมือนกัน
เข้าไปข้างในบ้าน ทางโครงการจะออกแบบให้มีความอ่อนหวานอ่อนโยน ด้วยโทนสีชมพูหลากเฉดตั้งแต่อ่อนไปจนเข้ม เป็นอีกหนึ่งเทคนิคในการเพิ่มมิติให้น่าอยู่อาศัย
โดยจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่น ที่สัมผัสได้ถึงความโปร่งโล่ง เพราะได้รับช่องแสงทั้งจากหน้าบ้าน และระเบียงด้านข้าง ประกอบกับได้สเปซที่กว้างขวาง วางโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง พร้อมบิวท์ชั้นวางทีวีขนาดใหญ่ได้สบายๆ โดย Floor to Ceiling ของชั้นล่างจะสูงถึง 2.8 เมตร
ติดกันเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร ที่ยังคงได้ช่องแสงถึง 2 ฝั่งเช่นเดียวกัน คือฝั่งด้านข้างบ้านและหลังบ้าน ทำให้โซนนี้ได้รับแสงธรรมชาติอย่างทั่วถึง
ซึ่งสามารถวางโต๊ะกินข้าวได้ถึง 6 ที่นั่ง ก็ยังมีพื้นที่มากพอสำหรับทำเคาน์เตอร์เป็นครัวนอก ไว้ทำอาหารเล็กๆ น้อยๆ
เดินเลยไปอีกนิดจะเป็นห้องนอนชั้นล่าง หรือจะปรับเปลี่ยนเป็นห้องทำงานส่วนตัว ห้องอเนกประสงค์ต่างๆ ก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย
ติดกันจะเป็นห้องครัวแบบปิด ซึ่งเราสามารถบิวท์อินเคาน์เตอร์ครัวเป็นรูปตัวแอล เหมือนที่โครงการทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ก็จะช่วยให้มีพื้นที่ทำอาหารได้เยอะขึ้น มาพร้อมกับหน้าต่างระบายอากาศถึง 2 ฝั่ง
ออกมาจากห้องครัวทางซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำ ได้ครบทั้งอ่างล้างหน้า กระจกเต็มผนัง พร้อมที่เก็บของด้านหลัง โถสุขภัณฑ์ Hand Shower และหน้าต่างระบายอากาศ
ประตูที่อยู่ข้างบันไดฝั่งหนึ่งจะเป็นประตูที่ออกไปยังโรงจอดรถ ส่วนอีกฝั่งเป็นห้องเก็บของ
ทางขึ้นบันไดก็ให้ช่องแสงขนาดใหญ่เพิ่มความสว่างไสว โดยที่ตอนกลางวันแทบจะไม่ต้องเปิดไฟเลย
พอขึ้นมาแล้วจะเจอกับโซน Family Area พื้นที่ส่วนรวมไว้ทำกิจกรรมร่วมกันของคนในครอบครัว ซึ่งชั้น 2 ของบ้าน
โดย Master Bedroom จะอยู่ฟากหนึ่งของบ้านซึ่งได้พื้นที่ตลอดแนวยาวของตัวบ้าน โดยมุมพักผ่อนวางเตียง King Size ขนาด 6 ฟุต และชั้นวางทีวี ก็ยังเหลือที่ให้เดินผ่านไปยังระเบียงได้สะดวกสบาย
ส่วน Walk-in Closet ก็จัดสรรพื้นที่มาให้อย่างลงตัว สามารถบิวท์อินโต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ที่ช่วยให้จุเสื้อผ้าได้เยอะทีเดียว
ห้องน้ำในตัวก็จัดเตรียมสุขภัณฑ์ไว้ให้ครบครัน
และก็มาถึงอีกหนึ่งจุดเด่นของแบบบ้าน LANAI Series นั่นก็คือ Private Balcony ในห้องนอน ซึ่งเป็นระเบียงขนาดใหญ่แบบเป็นส่วนตัว ให้เราออกไอเดียสเปซตรงนี้ได้แบบจัดเต็ม
อีกฟากหนึ่งของบ้านจะเป็น 2 ห้องนอน ที่มีห้องน้ำในตัว ซึ่งห้องที่หนึ่งทางโครงการทำเป็นห้องนอนเด็กให้ดู โดยฝั่งหนึ่งเลือกวางเตียง 5 ฟุต อีกฝั่งเป็นโต๊ะเรียนและโต๊ะเครื่องแป้งยาวต่อกันไปจนถึงมุมแต่งตัว
พร้อมห้องน้ำในตัว ที่ทำให้ไม่ต้องออกมาใช้ข้างนอกร่วมกันกับคนอื่นในบ้าน
ส่วนห้องนอนถัดมา มีขนาดลดหลั่นลงมาจากห้องก่อนหน้าเพียงเล็กน้อย ซึ่งถ้าบ้านไหนมีลูกคนเดียว ก็สามารถปรับห้องนี้เป็นห้องทำงานได้ครับ
ห้องน้ำขนาดกำลังพอเหมาะได้มาตรฐาน สามารถใช้งานได้จริง
พาไปดูกันต่อกับแบบบ้านที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกหนึ่งสเต็ป โดยรูปแบบการดีไซน์ โทนสี และฟังก์ชันการใช้งานภายนอกบ้านจะคล้ายกับบ้านแบบแรก ที่ยังคงสวยงามเหมือนเดิม
รวมไปถึงเอกลักษณ์ที่คงความเป็นแบบบ้าน LANAI Series อย่างเฉลียงหน้าบ้านที่คอนเน็กกันกับพื้นที่ด้านข้างบ้านเป็น Semi-Outdoor ขนาดใหญ่ หรือจริงๆ ถ้าอยากจะกั้นเป็นห้องกระจกแบบ Skylight ไว้สำหรับทำเป็นห้องของสัตว์เลี้ยง ก็ต่อเติมเพิ่มได้ไม่ยาก
ด้านการตกแต่งภายในจะแตกต่างจากบ้านแบบแรก เพื่อให้เห็นไอเดียว่าสามารถออกแบบได้หลากหลายสไตล์ โดยมาในธีมของ Color Trend สีประจำปี 2022 อย่างโทนสี Very Peri หรือโทนสีม่วงที่มีการผสมผสานของโทนสีน้ำเงิน ดูแล้วสายแฟชั่นน่าจะชอบบ้านหลังนี้ครับ
เมื่อเข้ามาข้างในแล้วห้องนั่งเล่นและห้องรับประทานอาหารจะอยู่ตรงกลางบ้าน และแจกจ่ายไปยังส่วนอื่นๆ
สำหรับห้องนั่งเล่นกว้างขวางพอสมควร ต่อให้วางโซฟาขนาด 4 ที่นั่ง หรือเป็นโซฟาตัวแอล ตรงข้ามบิวท์ชั้นวางทีวี พร้อมวางโต๊ะกลาง ก็ยังไม่รู้สึกอึดอัด ประกอบกับได้ช่องแสงแทบจะรอบด้าน ยิ่งทำให้โซนนี้ดูโปร่งโล่งสบายสุดๆ
ถัดไปเป็นห้องรับประทานอาหาร เลือกวางโต๊ะขนาด 6 ที่นั่ง และแพนทรี่ไว้เตรียมเครื่องดื่ม ของกินเล่นเบาๆ
ติดกันเป็นห้องนอนชั้นล่างห้องแรก ซึ่งจะเชื่อมต่อไปยังระเบียงด้านข้างบ้าน ไว้รองรับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ หรือดัดแปลงเป็นห้องต่างๆ
ตรงกันข้ามยังมีอีกหนึ่งห้องนอน ที่ประยุกต์เป็นห้อง Multi-Purpose จะทำเป็นห้องสันทนาการของลูกๆ หรือห้องทำงานของพ่อแม่ก็ได้เช่นเดียวกัน
ห้องน้ำจะอยู่ทางฝั่งนี้ ซึ่งได้ทุกอย่างตามที่เห็นในภาพเลยครับ
ติดกันเป็นห้องครัวไทยหรือครัวปิด ที่ทำอาหารได้แบบจริงจังโดยไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่น ซึ่งจะมีประตูทะลุออกไปยังลานซักล้างด้านหลังบ้านได้
ชั้น 2 ของบ้าน ในส่วนของแปลนห้องจะคล้ายกับบ้านแบบแรก โดยจะพบกับมุม Family Area พื้นที่นอนดูซีรีส์หรือเล่นเกมชิลๆ
Master Bedroom ได้พื้นที่ใช้สอยฝั่งหนึ่งของบ้าน ทำให้ห้องมีขนาดใหญ่มากพอที่จะจัดวางได้หลายฟังก์ชัน ทั้งในส่วนของมุมพักผ่อน วางเตียง 6 ฟุต โต๊ะข้างเตียง ชั้นวางทีวี ก็ยังมีพื้นที่เหลือเฟือ
อีกด้านไว้สำหรับมุมรีแลกซ์นั่งอ่านหนังสือ หรือจะประยุกต์เป็นโซนนั่งทำงานก็ได้เหมือนกัน
ต่อด้วย Walk-in Closet ก็ให้พื้นที่มาแบบบิวท์อินตู้เสื้อผ้าได้ถึง 2 ฝั่ง แถมการกั้นห้องแบบบ้านตัวอย่างก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกคับแคบ และยังดูเป็นสัดเป็นส่วนอีกต่างหาก
เชื่อมต่อกับห้องน้ำที่ให้มาแบบจัดเต็ม เพราะได้อ่างอาบน้ำเพิ่มเข้ามาไว้นอนแช่น้ำผ่อนคลาย
แต่ที่อยากให้ตั้งใจดูเป็นพิเศษอยู่ที่ Private Balcony ที่เข้า-ออกได้ถึง 2 ทาง คือทางมุมพักผ่อนและมุมรีแลกซ์ ที่มีขนาดกว้างขวางเป็นรูปตัวแอล ทำให้แบ่งได้ทั้งมุมนั่งเล่นสูดอากาศข้างนอก เพิ่มสวนสีเขียว และมุมออกกำลังกาย คือเข้ากันลงล็อกพอดีเป๊ะ
ห้องนอนที่ 2 สามารถวางเตียง 5 ฟุต และเลือกวางเฟอร์นิเจอร์โต๊ะ ตู้เสื้อผ้า แบบหลวมๆ เหมือนบ้านตัวอย่าง หรือจะเพิ่มเติมชั้นวางทีวี ก็ไม่ได้ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกอึดอัด พร้อมห้องน้ำในตัวเพื่อสะดวกต่อการใช้งาน
ห้องนอนที่ 3 อยากวางเตียง 5 ฟุตก็ได้เลย เพราะแม้จะเป็นห้องเล็กสุดของบ้าน แต่ก็ยังมีขนาดใหญ่ประมาณหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่ายังคงได้ห้องน้ำในตัวเหมือนกับอีก 2 ห้องที่ผ่านมา
แบบบ้านใหญ่ที่สุดของโครงการนี้ โดยดีไซน์ภายนอกยังคงโทนสีธรรมชาติ และโดดเด่นด้วย Facade อะลูมิเนียม เพิ่มแสงและเงาให้บ้านดูมีความเคลื่อนไหว
บริเวณโรงจอดรถสามารถจอดได้ถึง 3 คัน โดยทำทางลาดเชื่อมต่อไปยัง Terrace หน้าบ้าน ยาวไปจนถึงพื้นที่ด้านข้างบ้านขนาดใหญ่ เพิ่มฟังก์ชันใช้สอยได้มากขึ้น
พื้นที่ข้างในมาในธีมเรียบหรูดูสตรอง เน้นสีเอิร์ธโทน ตกแต่งน้อยๆ เฟอร์นิเจอร์ไม่เยอะแต่ดูมีสไตล์เฉพาะตัว จะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องรับประทานอาหาร
โดยห้องนั่งเล่น อยากเลือกวางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่แบบ Full Set อลังการก็ทำได้เลยครับ รองรับได้อย่างเพียงพอและดูดีแน่นอน
เชื่อมต่อไปยังห้องรับประทานอาหาร ซึ่งต้องบอกก่อนว่าพื้นที่ส่วนหนึ่งจะเป็นห้องนอน แต่ทางโครงการทำให้ดูเป็นไอเดีย ว่าสามารถยุบรวมเป็นพื้นที่เดียวกันได้ ทำให้วางโต๊ะกินข้าวได้ถึงขนาด 8-10 ที่นั่ง และยังมีพื้นที่สำหรับบิวท์อินเคาน์เตอร์บาร์ ตอบโจทย์สำหรับครอบครัวที่ชอบสังสรรค์
อีกหนึ่งห้องนอนจะอยู่ติดกับห้องนั่งเล่น ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับผู้สูงอายุได้เป็นอย่างดี โดยจะได้วิวของระเบียงพื้นที่ด้านข้างบ้าน
นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำในตัว ที่ออกแบบให้ไม่มีธรณีกั้น และมีราวจับในห้องน้ำ เพื่อเอื้อให้ผู้สูงอายุใช้งานได้สะดวกสบาย
เดินไปฝั่งตรงข้ามจะเจอกับห้องครัวแบบปิด แนะนำให้บิวท์อินเคาน์เตอร์ครัวเป็นรูปตัวยูแบบนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่เก็บของและพื้นที่ทำอาหาร
ห้องน้ำชั้นล่างได้สุขภัณฑ์เหมือนกับบ้านทั้งสองแบบที่เอ่ยมาข้างต้น
ขึ้นบันไดมาต่อกันที่ชั้น 2 เป็นโซน Family Area หรือจะทำเป็นมุมนั่งทำงานก็ได้เช่นเดียวกัน โดยจะได้ Floor to Ceiling สูง 3.4 เมตร
อีกทั้งยังมีไฮไลต์เพิ่มตรงบริเวณนี้ ด้วยชั้นลอยที่ทำเป็นกิมมิกเล็กๆ แต่ใช้งานได้จริง
ส่วน Master Bedroom ที่ยังคงสเปซกว้างขวาง และรู้สึกโอ่โถงด้วยความสูงของเพดานและช่องแสงขนาดใหญ่ ทำให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาภายในห้องได้ทั่วทุกทิศทาง
ที่แบ่งกั้นโซนระหว่างมุมพักผ่อนกับมุมรีแลกซ์ ด้วยการใช้เฟอร์นิเจอร์กั้น แทนการกั้นด้วยผนังทึบ ทำให้ห้องดูไม่คับแคบ ขณะเดียวกันก็ยังเป็นสัดเป็นส่วนได้อย่างลงตัว
ด้าน Walk-in Closet นอกจากบิวท์อินตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง ยังมีสเปซว่างพอให้วางไอซ์แลนด์ เพิ่มความหรูหรา
และมีห้องน้ำในตัวที่ได้ไซซ์ใหญ่ จัดเตรียมสุขภัณฑ์และได้อ่างอาบน้ำมาให้เรียบร้อย
และที่ขาดไม่ได้คือ Private Balcony เชื่อมต่อกันระหว่างมุมพักผ่อนและมุมรีแลกซ์ ทำให้ได้พื้นที่ Outdoor แบบเป็นส่วนตัวที่มากขึ้น
แต่บ้านหลังนี้ไม่ได้มี Private Balcony แค่ Master Bedroom เพราะยังมีห้องนอนอีกห้องที่ก็ได้ระเบียงส่วนตัวแบบนี้เลย
ซึ่งห้องนี้มีขนาดใหญ่ที่ให้เราวางเตียง 5 ฟุต หรือ 6 ฟุต ก็ยังได้ พร้อมวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง หรือจะเปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงาน ก็ยังมีสเปซมากพอให้เดินได้สะดวกสบาย
แยกส่วนจาก Walk-in Closet ต่างหาก ซึ่งก็สามารถบิวท์อินตู้เสื้อผ้าได้ยาวเต็มผนัง และติดกันเป็นห้องน้ำในตัว
ส่วน Private Balcony ของห้องนี้ได้ไซซ์ใหญ่ ซึ่งเลือกทำเป็นมุมนั่งเล่น ปลูกต้นไม้ หรือแบ่งเป็นมุมทำกิจกรรมที่โปรดปรานก็แล้วแต่ชอบ
ปิดท้ายที่ห้องนอนเล็กแต่ขนาดไม่เล็กเลยครับ เพราะวางเตียง 5 ฟุต บิวท์อินชั้นวางทีวี ชั้นวางของ และโต๊ะทำงาน ห้องก็ยังดูโล่งสบาย อยู่แล้วไม่รู้สึกอึดอัด
อีกทั้งยังจัดสรรแบ่งพื้นที่ Walk-in Closet และห้องน้ำได้อย่างสมดุล
มอบเอกสิทธิ์ในการใช้ชีวิตอย่างเป็นส่วนตัว และแวดล้อมด้วยเพื่อนบ้านระดับเดียวกัน เพียง 87 ครอบครัว และได้ใกล้ชิดสัมผัสความหรูหรา ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมสไตล์เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส ผ่านการออกแบบตั้งแต่ส่วนกลาง ไปจนถึงตัวบ้านอาคารภายนอกได้อย่างไร้ที่ติ
พรั่งพร้อมไปด้วย ฟังก์ชันของแบบบ้านใหม่ล่าสุด LANAI Series ที่ใส่ใจและพิถีพิถันในทุกดีเทลตั้งแต่ภายนอกจรดภายใน เพื่อให้ทุกสมาชิกในครอบครัว ได้รับประสบการณ์การอยู่อาศัยอย่างเป็นส่วนตัวและส่วนรวมได้อย่าง ‘ดีที่สุด’
โครงการ Bangkok Boulevard Ramintra 109 (บางกอก บูเลอวาร์ด รามอินทรา 109) พร้อมเป็นอีกหนึ่งตัวแทนในการสะท้อนนิยามการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
หากท่านไหนสนใจ สามารถลงทะเบียนเข้าเยี่ยมชมโครงการได้ที่นี่ครับ https://m.scasset.com/B7aQ
Livinginsider - Weekly Insight Report [27 Oct-02 Nov 2024]
2024-11-04
Livinginsider - Weekly Insight Report [20-26 Oct 2024]
2024-10-28
Livinginsider - Weekly Insight Report [13-19 Oct 2024]
2024-10-21
Reference Ekkamai | ที่สุดของทำเลที่เป็นมากกว่าใจกลางเมือง เพราะนี่คือเอกมัยย่านแห่ง Design District สุดเจ๋ง ติดอันดับ 27 ของโลก ให้คุณสามารถออกแบบชีวิตอย่างมีสไตล์ได้แบบอิสระ
2024-10-17
Livinginsider - Weekly Insight Report [06-12 Oct 2024]
2024-10-15
เหนือ Developer ก็มี Blogger นี่แหล่ะค่ะ ทำให้เราเข้าใจอะไรมากขึ้น ขอบคุณค่ะ
อ่านแล้ว สัมผัสได้เลยว่าตั้งใจเขียน เยี่ยมค่ะ
อ่านไม่เบื่อเลยค่ะ
บทความดีๆ ก็ที่นี่หล่ะนะ
ตามหาบทความเเนว เเบบนี้มานานเเล้วค่ะ
สนุกมากๆเลยค่ะ อ่านเพลินดี