Favorite
จากสถิติเว็บไซต์ของ Livinginsider ที่มีผู้เข้าใช้งานเพื่อค้นหาคอนโด เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย บอกว่า…
หนึ่งในทำเลที่ฮอตฮิตที่สุด ในระยะเวลาช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ก็คือทำเล “อ่อนนุช” ทำเลที่มีครบแทบทุกองค์ประกอบของการใช้ชีวิต เรียกได้ว่า สะดวกรอบทาง สบายรอบทิศ มีห้างและร้านแทบจะทุกตารางเมตร แถมยังใกล้ทั้งรถไฟฟ้าและทางด่วน
ทำเล อ่อนนุช จึงกลายเป็นทำเลที่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ สำหรับการอยู่อาศัยหรือแม้แต่การซื้อไว้ เพื่อลงทุนก็สร้างผลตอบแทนเป็นอันดับต้นๆ เช่นเดียวกัน ดังนั้นที่นี่นอกจากจะมีผู้ค้นหาเพื่อซื้ออยู่อาศัยเองแล้วยังเป็นทำเลทองสำหรับนักลงทุน ที่จะแห่กันเข้ามาเลือกซื้อคอนโดใหม่ๆ ตลอดเวลา
ช่วงระยะเวลาผ่านไปหลายปี ก็ไม่มีโครงการคอนโดใหม่ที่ติดถนนใหญ่อ่อนนุชขึ้นมาเลย ด้วยปัจจัยราคาที่ดินที่พุ่งสูงลิ่วขึ้นไปถึงวาละล้านกว่าบาทแล้ว จึงเป็นไปได้ยากที่จะมีบริษัทใดจะได้ที่ดินติดถนนใหญ่แล้วนำมาพัฒนาได้ จนกระทั่ง AP แบรนด์ขวัญใจคอนโดคนเมือง ได้ที่ดินทำเลทอง ซึ่งเรียกได้ว่าอาจจะเป็น...
แปลงสุดท้ายของทำเลอ่อนนุชที่ติดถนนใหญ่ ซึ่งโครงการนี้ ทั้งติดถนนใหญ่และใกล้รถไฟฟ้าแค่ไม่กี่เมตร
ทำให้โครงการนี้ของ AP เป็นกระแส Talk of The Town จนได้ข่าวว่ามีนักลงทุนจำนวนมากให้ความสนใจ เพื่อขอเข้าไปจองก่อน ใครที่โชดดีได้ห้องที่นี่มา เรียกได้ว่าหากโครงการนี้สร้างเสร็จแล้ว แทบจะขายทำกำไรได้อย่างอย่างแน่นอน วันนี้เรามีโอกาสดีที่จะได้มารีวิว คอนโดที่เรียกได้ว่าเป็นผืนสุดท้ายของอ่อนนุช มาดูกันเลยว่า โครงการนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง
ASPIRE Onnut Station (แอสปาย อ่อนนุช สเตชั่น) เปิดราคา ท้าทุกเจ้า ดุดัน ไม่เกรงใจใคร นี่คือโอกาสสุดท้าย ที่คุณจะได้เห็น คอนโดติดถนนใหญ่อ่อนนุช ในราคานี้
Flagship Project ‘Exclusive Aspire’ โครงการใหม่ จาก AP Thailand คอนโดติดถนนสุขุมวิท และ ใกล้ BTS ในระยะไม่เกิน 200 เมตร กับราคา 129,000 บาท/ตร.ม. ถือว่าเป็นราคาที่ไม่แพง เมื่อเทียบกับความสะดวกสบายที่ได้รับ เมื่อเทียบกับราคาคอนโดสถานีต่างๆ ของรถไฟฟ้าสายสีเขียวเลยครับ
เชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์
แบบ ALL-IN มูฟชีวิตได้อย่างอิสระ
ตัวโครงการ ASPIRE Onnut Station (แอสปาย อ่อนนุช สเตชั่น) ติดกับถนนใหญ่สุขุมวิท ฝั่งขาเข้าเอกมัย-ทองหล่อ ทำให้เหมาะกับการอยู่อาศัยมากๆ เพราะเป็นทำเลสุขุมวิทเลขคู่กับความพิเศษที่ทำให้สามารถเดินทางเข้าเมืองได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เส้นทาง ซอยสุขุมวิท 50, ซอยสุขุมวิท 62 ซึ่ง เชื่อมจุดขึ้น-ลง ทางพิเศษฉลองรัช และ ทางเฉลิมมหานคร อีกทั้งยังเป็น Rare Location ที่เชื่อมต่อกับถนนสายอื่นๆ ที่ตั้งอยู่โดยรอบ อาทิ บางนา, พระโขนง, พระราม 4, เพชรบุรีตัดใหม่, พัฒนาการ และ ศรีนครินทร์
และยังใกล้กับ สถานีรถไฟฟ้า BTS อย่าง สถานีอ่อนนุช ประมาณ 200 เมตร ทำให้สามารถเดินไปขึ้น เพื่อไปทำงานหรือเรียนได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะนั่งออกเมืองไป โซนอ่อนนุช, อุดมสุข, บางนา, แบริ่ง ยาวไปจนถึงสำโรง จนเข้าตัวเมืองสมุทรปราการ หรือจะนั่งไปฝั่งสายเขียวเหนือก็ผ่านทั้ง อโศก ซึ่งเป็นจุด Interchagne ไปยัง MRT และ BTS สุขุมวิทสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพายใหม่-คูคต
รวมถึงโครงการยังเป็น Living Hub ของการอยู่อาศัย เพราะแวดล้อมไปด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์ไว้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นแหล่งช้อป ชิม เที่ยว อาทิ Century The Movie Plaza, Lotus อ่อนนุช, Big C Extra อ่อนนุช และ The Phyll สุขุมวิท 54
นอกเหนือจากแหล่งไลฟ์สไตล์แล้วโครงการยังติดกับแหล่งศึกษาและโรงพยาบาล อย่าง รร.นานาชาติเวลส์ส, รร.นานาชาติบางกอกเพรพ, รร.นานาชาติเซนต์ แอนดรูว์ส และ รพ.สุขุมวิท
จาก Paragraph ข้างต้นผมชวนเม้าท์มอยเกี่ยวกับทำเลไปพอสมควรแหละ ขอพาทุกท่านไปปรับโฟกัสไปตื่นเต้น ไม่เหมือนใครกับการอยู่อาศัยไปกับ โครงการ ASPIRE Onnut Station (แอสปาย อ่อนนุช สเตชั่น) ที่จะเข้ามาสร้างเอกลักษณ์ความต่างอย่างมีเอกลักษณ์ ไม่แพ้มิติของมูลค่าของที่ตั้งโครงการ โดยจะมีความแตกต่างยังไง วันนี้เรามาดูกัน
ASPIRE Onnut Station
(แอสปาย อ่อนนุช สเตชั่น)
สำหรับ ASPRRE Onnut Station (แอสปาย อ่อนนุช สเตชั่น) จะเป็นโครงการคอนโดใหม่ "New Asprie" โดยพัฒนา คอนโด High Rise สูง 37 ชั้น+Rooftop 1 อาคาร และ อาคารลานจอดรถ ความสูง 8 ชั้น+Rooftop 1 อาคาร มีพื้นที่ขนาดประมาณ 2 ไร่ 3 งาน 79.5 ตารางวา และ ห้องพักอาศัยจำนวน 696 ยูนิต ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ แบบ ALL-IN ผ่านดีไซน์สเปซและการบริหารเพิ่มสเปซฟังก์ชัน ทั้งในพื้นที่ส่วนกลางและยูนิตพักอาศัย ผมกล้าการันตีเลยว่าเป็นคอนโดติดถนนใหญ่ ที่ตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่ย่านสุขุมวิท-อ่อนนุช ได้อย่างจริงแท้แน่นอน
ด้วยดีไซน์อาคารที่เจ๋งและไม่ซ้ำซากจำเจอยู่กับกรอบ ผ่านการออกแบบพื้นที่ Facilities แบบจัดเต็มแบบจุุกๆ กว่า 5 ชั้น ซึ่งมี พื้นที่รวมกว่า 4,700 ตารางเมตร เลยทีเดียว โดยไล่ตั้งแต่พื้นที่สวนสีเขียว ส่วน Lobby ชั้น 1 รวมถึง Triple Rooftop Facilities ซึ่งเชื่อมต่อตั้งแต่ชั้น 36-37-Rooftop
รวมถึงยังดีไซน์สเปซฟังก์ชันตอบรับทุกมิติการใช้ชีวิตกับ The Breathing Hub พื้นที่สีเขียวแนวตั้งแบบ Outdoor พร้อมดีไซน์สเปซนั่งพักผ่อนและการทำงานในร่มเงาของธรรมชาติ The Productive Hub สเปซฟังก์ชันการทำงานต่อยอดไอเดียอย่างไม่จำกัด
ยิ่งแถบนี้เป็นแหล่งไลฟ์สไตล์คนเมืองด้วยแล้ว สิ่งอำนวยความสะดวกจึงจัดเต็ม ทั้ง ห้องประชุมที่จองได้แบบ 24 ชม., The Workout Hub สเปซออกกำลังกายลอยฟ้าครบครัน ทั้ง The Aqua สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือพร้อมระบบ Jacuzzi หรือ The Gym ฟิตเนส 24 ชั่วโมงพร้อมอุปกรณ์ครบครัน และ The Deck Garden สวนสีเขียวลอยฟ้าขนาดใหญ่ รวมถึง Rooftop Garden (อาคารจอดรถ) ที่ถูกจัดวางเสมือนอีกหนึ่งโซนพักผ่อนท่ามกลางสวนสีเขียวส่วนตัวใจกลางเมือง
อีกไฮไลต์ที่สำคัญเลยคือยูนิตห้องพักอาศัย จะปรับเปลี่ยนดีไซน์สเปซใหม่เป็น "Multi Worth Living Space" ดีไซน์พิเศษ "For New Asprie" ออกมาได้ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตจริง มาให้เลือกหลากหลายแบบด้วยกัน โดยแบ่งเป็น
1. ห้อง One Bedroom ขนาด 27-30.50-32 ตร.ม. |
2. ห้อง One Bedroom Plus ขนาด 35 ตร.ม. |
3. ห้อง Two Bedroom Two Bath ขนาด 53 ตร.ม. |
วันนี้ผมมีห้องตัวอย่างให้ชมทั้งหมด 2 แบบ ได้แก่
- One Bedroom ขนาด 27.00 ตร.ม.
- One Bedroom ขนาด 30.50 ตร.ม.
ห้อง One Bedroom ขนาด 27 ตร.ม.
เริ่มต้นกันที่ Type One Bedroom ขนาด 27 ตร.ม. ซึ่งเป็นแปลนห้องทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสทรงลึกที่มีฟังก์ชันครบ และยังเป็นไซซ์ Start เริ่มต้นของทางโครงการ ที่เหมาะสำหรับกลุ่ม First Jobber หรือกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการซื้อ เพื่อปล่อยเช่าเก็งกำไรในอนาคต
โดยเมื่อเปิดประตูเข้ามาจะพบกับพื้นที่ครัวแบบปิดกั้นพาร์ทิชั่นแยกกับ Livng Area ซึ่งตัว Layout ครัวจะเป็นลักษณะ I-Shape Kitchen ที่ทางโครงการเขากรุกระเบื้องเซรามิกกันลื่นมาให้ และ วางตำแหน่งของเคาน์เตอร์ ตู้เก็บของ ไว้ชิดผนัง ทำให้พอดีสเปซเหลือสำหรับเป็น พื้นที่อเนกประสงค์ สำหรับวางตู้เย็น
ส่วนพื้นที่ตรงกันข้ามจะเป็น พื้นที่ห้องน้ำ ซึ่งภายในห้องจะเป็นห้องแนวลึกกั้นแยกเป็นโซนเปียกกับโซนแห้ง และตกแต่งด้วยหินแกรนิตโต้สีเบจ ทำให้ห้องดูหรูหรา สะอาด สว่างตา และน่าใช้งาน รวมถึงตัวสุขภัณฑ์ทาง Asprie ก็มีมาให้ครบ
ทั้งนี้ในส่วนสเปซของ Living Area เมื่อก้าวเดินเข้ามาในส่วนของสเปซนี้ ผมเชื่อว่าทุกท่านจะสัมผัสได้ว่าห้องนี้โปร่ง กว้าง โดยสามารถรวม มุมเตียงนอน, มุมแต่งตัว, มุมนั่งเล่น และ มุมทำงาน ที่เชื่อมต่อไปยัง พื้นที่ระเบียง ไว้ในพื้นที่เดียวกันได้อย่างลงตัว
ขณะเดียวกันถ้าสังเกตจากภาพห้องตัวอย่างนี้ ทุกคนจะเห็นว่าเมื่อวางเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ สเปซของห้อง Type นี้ ก็ยังมีพื้นที่เหลือให้ใช้งานเดินเข้า-ออก อีกทั้งยังสามารถทำความสะอาดได้อย่างสะดวกสบาย
ซึ่งพื้นที่ภายในห้องจะมีระยะ Floor to ceiling ที่ 2.5 เมตร ทำให้ห้องได้บรรยากาศที่ไม่อึดอัด โดยส่วนแรกของมุม Living Area ที่เป็นมุมนั่งเล่นสามารถวางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่ง สำหรับนั่งเล่น ดูหนังฟังเพลง หรือทำกิจกรรมในวันหยุดพักผ่อน รวมถึง มุมแต่งตัว และ มุมทำงาน ที่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับ Built-in ตู้เสื้อผ้าและตู้เก็บของ
ถัดไปก็จะเป็น มุมเตียงนอน ที่รองรับ เตียงขนาด 5-6 ฟุต ได้ และติดกันก็จะเป็น หน้าต่างบานใหญ่ กรอบอะลูมิเนียม Powder Coat สีเทาดำ โดยจะมีทั้งแบบบานเปิดและบานฟิกซ์ติดมาคู่กัน ช่วยเปิดโอกาสให้แสงสาด เข้ามาภายในห้อง สร้างบรรยากาศให้ห้องดูโปร่ง โล่ง ให้กับห้องในช่วงเวลากลางวัน
ส่วน ระเบียงพักผ่อน จะกั้นแยกโซนด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน เพื่อป้องกันความชื้น น้ำฝน และสิ่งสกปรกไม่ให้พัดเข้าสู่ห้องพักโดยตรงได้
หรือจะจัด มุมพักผ่อนเล็กๆ โดยวางเก้าอี้สนาม โต๊ะข้างไว้วางเครื่องดื่มต่างๆ และยังมีพื้นที่เพียงพอสำหรับวางราวตากผ้า วางเป็นต้นไม้กระถางสวยๆ เพิ่มเข้าไปก็ได้
ห้อง One Bedroom ขนาด 30.50 ตร.ม.
สำหรับไซซ์นี้เป็นห้องรูปแบบ 1 Bedroom ขนาด 30.50 ตร.ม. จะมี Layout ที่ทางโครงการออกแบบมาเพื่อให้ทุกตารางเมตร สามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ทำให้เหมาะกับคนที่ต้องการอาศัยอยู่คนเดียวที่ต้องการพื้นที่มากกว่าห้อง 1 Bedroom ขนาด 27 ตร.ม.
เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้อง จะเจอกับ โถงทางเดินเล็กๆ ตรงข้ามกันจะเป็นที่ตั้งของห้องน้ำ
และผ่านโถงทางเดินเล็กๆ เข้าไปแล้วจะเป็น Living Area กว้างๆ เชื่อมต่อกับ ห้องนอนและห้องครัวปิด ที่แยกโซนไว้อย่างเป็นสัดส่วน
ซึ่งภายในห้องครัวของไซซ์นี้จะอยู่บริเวณด้านในสุดของตัวห้องที่เชื่อมต่อกับ พื้นที่ระเบียงพักผ่อน ส่วนตัวพื้นที่ครัวจะเป็น Layout แบบ I-Shape Kitchen และมี พื้นที่อเนกประสงค์ สำหรับวางตู้เย็น เหมือนกับไซซ์ One bedroom 27 ตร.ม.
ส่วนพื้นที่ Living Area จะเป็นสเปซที่กว้างๆ มีระยะ Floor to ceiling ที่ 2.5 เมตร เท่ากันทั้งโครงการ และแบ่งเป็น พื้นที่โถงกลาง ซึ่งมีสเปซเพียงพอ จึงเหมาะมากที่จะทำเป็นมุมพักผ่อนสำหรับผู้อยู่อาศัย ทั้งนั่งดูทีวี เล่นมือถือ อ่านหนังสือ หรือฟังเพลง โดยวางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่งได้สบายเลย
ทั้งนี้มุมนั่งเล่นยังเป็นสเปซที่เชื่อมไปยัง พื้นที่ห้องนอนส่วนตัว ซึ่งเป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอน ทำให้เปิดรับแสงผ่านม่านเข้ามาพอดี และไม่ร้อนจนเกินไป จึงเหมาะสำหรับการนอนหลับพักผ่อน
ส่วนสเปซภายในห้องผมบอกเลยว่าถูกใจคนที่ไม่ชอบความอึดอัดแน่นอน เพราะตัวห้อง มีความโปร่ง โล่ง และสามารถรองรับเตียงนอน 3.5 ฟุต 2 เตียง หรือเตียง 5-6 ฟุตได้ตามต้องการ และยังมีพื้นที่เหลือให้วางเฟอร์นิเจอร์มาตรฐานได้อีก 2-3 ชิ้น
รวมถึง สเปซข้างเตียงนอน ฝั่งซ้ายมือวางตู้เสื้อผ้าแบบเปิด ความกว้างประมาณ 1 เมตร มาให้ดูเป็นแนวทาง ด้านหน้ามีพื้นที่เหลือกว้าง ให้ยืนแต่งตัว แต่งหน้า ส่องกระจกได้แบบเต็มตัว
ส่วน ระเบียงพักผ่อน จะกั้นแยกโซนด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน เพื่อป้องกันความชื้น น้ำฝน และสิ่งสกปรกไม่ให้พัดเข้าสู่ห้องพักโดยตรงได้
สรุป
ด้วยคาแรคเตอร์ของย่านนี้ที่เด่นชัด เหมาะกับการอยู่อาศัยและใช้ชีวิตได้ทุกแบบ ผสานกับความใส่ใจทุกรายละเอียดของโครงการ และส่วนกลางที่ออกแบบมาเพื่อผู้อยู่อาศัยทุกกลุ่ม ช่วยให้การครีเอตไลฟ์สไตล์เป็นเรื่องง่ายกว่าเดิมที่ โครงการ ASPIRE Onnut Station ซึ่งเปิดตัว 1 ห้องนอน เริ่มเพียง 3.59 ล้านบาท* บอกได้เลยว่าคุ้ม ยิ่งกว่าคุ้มสุดๆ
สำหรับทำเลแบบนี้ ถือว่า Under Market Price มี Gap ให้ไปต่อ
และสำหรับใครที่อยากเปิดมุมมองใหม่ ที่ให้คุณได้ใช้ชีวิตแบบ ALL-IN ที่ตอบโจทย์ทั้งความทันสมัย ความสะดวกสบาย บอกเลยว่าต้องรีบครับ ถ้าสนใจรีบกดลิงก์เลย >> https://apth.ly/0vs
Livinginsider - Weekly Insight Report [10-16 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [03-09 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [27 Oct-02 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [20-26 Oct 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [13-19 Oct 2024]
2024-11-18
ดีมากๆเลยค่ะ ลงบ่อยๆนะคะ
ตัวหนังสืออ่านง่ายมาครับ
ดีมากเลย อ่านแล้วได้ความรู้และสนุกไปด้วย
อ่านสนุกดีค่ะ ถึงแม้ส่วนตัวจะไม่ชอบอ่าน แต่บทความที่นี่อ่านได้เรื่อยๆเลยค่ะ
อ่านแล้ว เหมือนได้ได้ไปดูโครงการเลยค่ะ ละเอียดดีจริงๆ
ชอบไอเดียค่ะ ได้แบบใหม่ๆอีกเยอะเลย