Favorite
ถ้าให้พูดถึงทำเลแนวราบ ขายดีเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ และยังเป็นทำเลของแหล่งบ้านหรูระดับ Luxury หลากหลายโครงการ จนกลายเป็น ‘Talk of the town’ คงหนีไม่พ้นทำเล ‘เอกมัย-รามอินทรา’ ซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย รองรับความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ อาทิเช่น ทางด่วน ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ศูนย์รวมความบันเทิง และ แหล่ง Lifestyle อื่นๆ อีกมากมาย
จึงทำให้เป็นทำเลในฝันของใครหลายๆ คน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุประมาณ 25-45 ปี ที่มองหาบ้าน เพื่อพักอาศัยอยู่เอง และเป็นโฮมออฟฟิศ อีกทั้งสำหรับการลงทุนในอนาคต เพราะพื้นที่ไหนก็ตาม ที่ถูกพัฒนาไปจนเต็มศักยภาพและไม่เหลือพื้นที่ว่างแล้ว ราคาก็จะสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเสมอ นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญหลักๆ ครับที่ผมมองว่า ‘เอกมัย-รามอินทรา’ เป็นทำเลแห่งอนาคต สำหรับคนรุ่นใหม่ ที่น่าจับตามอง
ทำไมต้องเป็นทำเล
‘เอกมัย-รามอินทรา’
ก่อนอื่นเลยผมมองว่า ทำเลเอกมัย-รามอินทรา เนี่ย เป็นโซนที่มีสิ่งดีๆ มารวมอยู่ที่นี่ เพราะเป็นย่านที่มีศูนย์การค้า แหล่งรวมไลฟ์สไตล์ แหล่งธุรกิจ อีกทั้งคมนาคมที่สะดวกสบาย ทั้งระบบขนส่งสาธารณะ และการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว เรียกได้ว่าเป็นทำเลที่อยู่ในฐานะ Super Prime Area หรือ สุดยอดทำเลไข่แดงของกรุงเทพฯ กันเลยทีเดียว
Photo credit by: wongnai
อีกทั้งยังเป็นย่านที่เหล่าคนรุ่นใหม่ทั้ง ‘New Couple’ อาศัยอยู่กันเยอะ เพราะการขยายตัวของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และเป็นบริเวณที่ใกล้กับ The Crystal, Central Festival Eastville, CDC และ Chic Republic
บวกกับยังมีระบบสาธารณูปโภคที่ได้รับการพัฒนาอย่างดี ทั้งต้นไม้สีเขียวตลอดเส้นทาง เลนส์จักรยาน ทำให้เอกมัย-รามอินทรา เป็นย่านที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนโดยรอบ รวมทั้งคมนาคม ซึ่งมี เส้นทางพิเศษฉลองรัช หรือ ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ให้ขับเข้าเมืองได้อย่างสะดวก ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการเดินทางไปย่านสำคัญต่างๆ
นอกจากจะวิ่งเข้าออกเมืองได้อย่างสะดวกสบายแล้ว ยังมีทางขึ้น-ลง ตลอดเส้นทาง และต่างจากทำเลกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกอื่นๆ ที่อยู่ไกลกว่า ทำให้ต้องใช้เวลาในการเดินทางเข้าเมืองเสียเงินค่าผ่านทางหลายต่อ เพราะมีจุดขึ้นลงที่น้อยกว่า
ทำเลแห่งนี้จึงเป็นทำเลบ้านเดี่ยวระดับ Luxury ซึ่งมีระดับราคาเปิดขายกัน เฉลี่ยราคาไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท ที่ทยอยเปิดตัวกันหลายโครงการ จนเรียกว่าเป็นระดับ Luxury แต่ล่าสุดมีโครงการเปิดใหม่ ที่เริ่มเพียง 13.9 ล้าน* บนทำเลที่ดีที่สุดบนเลียบทางด่วน เทียบเท่าบ้านหลายสิบล้าน แถมยังมาพร้อมดีไซน์ที่ตอบโจทย์ ทั้งการอยู่อาศัยและการทำธุรกิจแบบสุดๆ
อย่าง โครงการ Noble Curve Ekamai-Ramindra ทาวน์โฮมดีไซน์ใหม่ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ เพราะฟังก์ชันดีไซน์ที่สามารถใช้เป็นบ้านและสถานที่ทำงาน ได้ปักหมุดลงบน Luxury Location ที่ให้นิยามว่าไข่แดงใจกลางเอกมัย-รามอินทรา ซึ่งจะอยู่ร่วมกับอีก 2 โครงการใหม่ ของ Noble อย่าง โครงการ Noble Create และ โครงการ Noble Curate จนสร้างความฮือฮาว่าเป็นไข่แดงแห่งเอกมัย-รามอินทรา
สำหรับทำเลนั้นผมบอกเลยครับ ว่าอยู่ในทำเลที่หาที่ดินได้ยากม๊าก และถือว่าเป็นโซนที่พักอาศัยแนวราบที่มีคุณภาพอันดับต้นๆ ของประเทศ เพราะอยู่ติดกับ ถนนใหญ่เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ประดิษฐ์มนูธรรม ฝั่งมุ่งหน้าไปวัชรพล, สุขาภิบาล 5 และ รามอินทรา และถ้าเลี้ยวซ้ายก็จะเป็น ตลาดหัวมุม ที่เชื่อมกับ ถนนประเสริฐมนูกิจ (ถนนเกษตร-นวมินทร์) ซึ่งถนนเส้นนี้จะผ่านแยกสำคัญๆ รวมถึงถนนเส้นหลักและเส้นรองได้หลายสาย
ส่วนที่ผมมองว่าเป็นไฮไลต์ของตัวโครงการเลย คือ ทำเลที่ตั้งอยู่ในจุดที่ดีที่สุดบนถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา เนื่องจากเป็นทางคู่ขนานไปกับทางด่วนฉลองรัช ทำให้ใช้เวลา เพียง 10 นาที ก็ถึงโซนเอกมัย-ทองหล่อ ได้อย่างสะดวกสบาย
อีกทั้งยังตั้งอยู่ในจุดไข่แดง ใจกลางไลฟ์สไตล์ฮับ อย่าง คริสตัล พาร์ค เอกมัย-รามอินทรา เพียง 300 เมตร ซึ่งผมมองว่าเป็นลักซูรี่ไลฟ์สไตล์ ที่รวมทั้งแหล่งช้อป ร้านอาหาร และความบันเทิงไว้อย่างครบครัน
พูดถึง Location ไปพอสมควรแล้ว ผมขอชวนทุกท่านไปปรับโฟกัสไปดูตัวโครงการกันบ้างครับ
Noble Curve
Ekamai-Ramindra
สำหรับ Noble Curve Ekamai-Ramindra (โนเบิล เคิร์ฟ เอกมัย-รามอินทรา) จะเป็น โครงการทาวน์โฮม 187 ยูนิต ตั้งอยู่บนที่ดิน 23-0-91.8 ไร่ ซึ่งผมมองว่าเป็นโครงการใหม่ จากทาง Noble ที่มีความโดดเด่นตั้งแต่การดีไซน์ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรม ที่เน้นรูปทรงเรขาคณิต สไตล์ Mid Century Modern ที่หยิบยกเอารูปทรงเรขาคณิต มาดีไซน์เป็นซุ้มขนาดใหญ่บริเวณทางเข้าให้รับรู้ถึง Concept ได้ในทันทีเลยครับ
และสิ่งหนึ่งที่ผมสัมผัสได้ทันทีเลย เมื่อเข้ามาภายในโครงการ คือการที่ Noble เขาได้สอดแทรกรายละเอียดด้านสิ่งอำนวยความสะดวก อย่าง The ARCH ClubHouse คลับเฮ้าส์ขนาดใหญ่ 3 ชั้น ซึ่งถูกออกแบบมาใน สไตล์ Mid Century Modern โดยแบ่งพื้นที่สเปซ ชั้น 1 เป็นพื้นที่ STEAM ROOM, KIDS ARCADIA , FLOW POOL ชั้น 2 เป็นพื้นที่ CURVE SOCIETY CLUB, JURISTIC PERSON OFFICE และ ชั้น 3 CURVE GYM, FLOW CHAMBER
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ The ARCH Clubhouse Garden พื้นที่สวนส่วนกลาง ขนาดใหญ่กว่า 950 ตร.ม. ซึ่งล้อมรอบไปด้วยสวนป่า พร้อมลานสนามหญ้า พื้นที่พักผ่อน สำหรับครอบครัว
และสิ่งที่เป็นไฮไลต์ของพื้นที่คลับเฮ้าส์ที่ผมอยากเม้าท์มอยรองลงมาจาก Location มากที่สุด คงหนีไม่พ้นสเปซของสระว่ายน้ำ อย่าง FLOW POOL สระว่ายน้ำระบบเกลือ รูปทรง L-Shape ขนาดใหญ่ ด้านหน้าของอาคารคลับเฮ้าส์
หรือแม้แต่ทิวทัศน์รอบโครงการที่ออกแบบให้นำเสาไฟ-สายไฟลงดินทั้งหมด ทำให้มีเพียงงานสถาปัตยกรรมสวยๆ ของตัวบ้านตัดกับพันธุ์ไม้สีเขียวรอบๆ โครงการ จะเห็นได้จาก ถนน Bliss Boulevard ทางเข้าโครงการ ไปยังหน้าคลับเฮ้าส์
ต่อมาจะเป็นยูนิตที่อยู่อาศัยของทางโครงการ จะมีด้วยกันทั้งหมด 4 แบบ 4 สไตล์ โดยแต่ละแบบมีการดีไซน์สถาปัตยกรรมในสไตล์ Mid Century Modern ผ่านการออกแบบ Façade มาจากรูปทรงเรขาคณิตทั้งวงกลม สี่เหลี่ยม ที่ผสมผสานกันออกมาได้อย่างลงตัวสวยงาม ตามแนวคิด 'LIVE.WORK.PLAY ให้บ้านเป็นได้มากกว่าที่อยู่อาศัย'
แถมคู่กันกับนวัตกรรม Smart Home Automation พร้อม EV Chager ในบ้านทุกหลัง สร้างสรรค์ฟังก์ชันสำหรับทุกการใช้งานและการอยู่อาศัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยแบ่งเป็น 4 แบบ 4 ชื่อสุดเก๋และชิคไม่เหมือนใครดังนี้
แต่วันนี้ผมจะมารีวิว URBAN HOME 2 แบบด้วยกันครับ คือ TYPE OCTA และ TYPE HELIX และแต่ละแบบจะมีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันยังไง เดี๋ยววันนี้เรามาดูกันครับ โดยเริ่มกันที่....
TYPE OCTA
ทาวน์โฮมสูง 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 454.5 ตร.ม. 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 6 ที่จอดรถ 1 ลิฟท์ 1 ห้องแม่บ้าน สำหรับไซส์นี้ จะเป็นรูปแบบ URBAN HOME ที่ใหญ่ที่สุดของทางโครงการครับ มีพื้นที่ใช้สอย 454.5 ตร.ม. ใหญ่เท่าบ้านเดี่ยวเลย โดยมาพร้อมลิฟท์ และพื้นที่ Courtyard ส่วนตัวภายในบ้าน ที่เชื่อมต่อชั้น 3 และชั้น 4 ทำให้เกิดระบายอากาศภายในบ้านที่ดี อีกทั้งยังช่วยพื้นทีสีเขียวเเละช่องแสงให้กับพื้นที่กลางบ้านอีกด้วย ทำให้เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ หรือจะทำเป็น Home Office ก็ได้ แมตช์กับรูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่วัยทำงานได้เป็นอย่างดีเลยครับ
First Floor
สำหรับชั้น 1 จะเป็นการไล่ Layout ตามแนวยาวสี่เหลี่ยมจัตุรัสแนวลึกเข้าไปภายในพื้นที่ของตัวบ้าน ซึ่งจะเป็นสเปซของพื้นที่จอดรถที่จอดรถได้ถึง 6 คัน และ ห้องแม่บ้าน แยกโซนออกมาจากโซนพักอาศัยของสมาชิกภายในบ้าน
ส่วนพื้นที่ภายในบ้าน เมื่อเดินเข้าไปจะพบกับ พื้นที่ห้องโถง พร้อมติดตั้งลิฟท์ และบันได ซึ่งขึ้นไปบริเวณชั้น 2 ของตัวบ้าน
Second Floor
สำหรับสเปซของชั้น 2 จะเป็นโซนฟังก์ชันของการใช้ชีวิตของคนภายในบ้าน ซึ่งเป็น Layout ที่จัดวางเป็น ห้องครัว ห้องรับแขก ห้องรับประทานอาหาร และ ห้องน้ำที่สามารถอาบน้ำได้
ด้วยสเปซที่กว้าง ทำให้ครอบครัวไหนที่อยาก Built-in ห้องเพิ่ม หรือทำเป็น Home Office ก็สามารถทำได้ที่ชั้นนี้เลยครับ เพราะเป็นพื้นที่ที่มีความโปร่งโล่ง สบาย ไม่อึดอัด ด้วยระยะ Floor to Ceiling 3.7 เมตร นั่นเอง
และยังเป็นห้องที่เปิดรับแสงได้ค่อนข้างเยอะ เพราะมี ช่องเปิดรับแสง ทั้งมุมด้านหน้าบ้าน ข้างบ้าน รวมถึงมุมหลังบ้าน ทำให้ลมพัดผ่านได้ดี จนแทบไม่ต้องเปิดแอร์
Third Floor
ไปต่อกันที่ชั้น 3 เลยครับ ถ้าดูจาก Plan จะพบว่าจะเป็นสเปซแห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง เพราะจะเป็นชั้นที่เป็นห้องนอน 2 ห้อง โดยพื้นที่ด้านหน้าของตัวบ้านจะเป็นพื้นที่ Master Bedroom และพื้นที่ Bedroom ที่มีพื้นที่ห้องน้ำในตัว
รวมถึงไฮไลต์ของชั้นนี้ที่ผมชอบมากที่สุด คือ Indoor Courtyard ขนาดย่อมตรงกลางบ้าน ที่ถูกแบ่งเป็นสองฝั่งของบ้าน และสูงขึ้นไปถึงส่วนของห้องนอนที่ชั้น 4 ให้ได้รับความผ่อนคลายในทุกมุมมอง
Fourth Floor
สำหรับชั้นที่ 4 จะมี Layout คล้ายกับชั้น 3 เลยครับ คือมี 2 ห้องนอน ที่มีฟังก์ชันห้องน้ำ รวมถึงพื้นที่ Balcony ในตัว เหมือนกันทั้งสองห้อง และสเปซภายในห้องมีความโปร่ง โล่ง ไม่อึดอัด ด้วยระยะ Floor to ceiling 2.7 เมตร นั่นเอง
โดยห้องนอนซึ่งอยู่ทางด้านหน้า จะเป็นสเปซของห้อง Master Bedroom 2 ที่มีขนาดของตัวห้องค่อนข้างใหญ่ ทำให้สามารถจัดฟังก์ชันและวางเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างลงตัว รวมถึงยังมีพื้นที่ปลายเตียงเพียงพอสำหรับวาง Sofa Bed เพื่อทำเป็นพื้นที่พักผ่อนสำหรับนั่งดูทีวีอีกด้วย
ส่วนพื้นที่ด้านข้างเตียงสามารถทำเป็น มุมทำงาน โดยวางชุดโต๊ะเก้าอี้ สำหรับนั่งทำงานหรือนั่งอ่านหนังสือเพิ่มเข้ามาได้
และพื้นที่ฝั่งหน้าห้องจะเป็น พื้นที่ห้องน้ำ ที่หากสังเกตห้องนี้ดีๆ ทุกท่านจะเห็นว่าเป็นห้องที่มีมุมรับแสงธรรมชาติค่อนข้างดี เพราะนอกจากจะมี ช่องแสง จากทางประตูระเบียงแล้ว ยังได้แสงจากหน้าต่างฝั่งที่ติดกับ Courtyard อีกด้วย
สำหรับพื้นที่ Bedroom ซึ่งอยู่ทางด้านหลังมีขนาดไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก เพราะห้องนี้ก็มี พื้นที่ระเบียง ห้องน้ำ และ Walk-in Closet ในตัวเช่นเดียวกัน
TYPE HELIX
ทาวน์โฮมสูง 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 370.5 ตร.ม. 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน สำหรับแบบทาวน์โฮม HELIX จะเป็น Type ที่รองลงมาจาก OCTA ด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอยขนาด 370.5 ตร.ม. และยังเป็นทาวน์โฮมที่ผมมองว่าจะมีความเป็นโฮมมี่มากกว่า OCTA สำหรับรองรับการอยู่อาศัยของครอบครัวใหญ่ ที่จัดฟังก์ชันห้องนอนได้มากสุดถึง 4 ห้อง
First Floor
สำหรับจะเป็น Layout ที่ไล่จากบริเวณพื้นที่จอดรถซึ่งสามารถจอดรถได้ 4 คัน ไปจนถึงพื้นที่ห้องแม่บ้าน พื้นที่ Laundry Yard
และเมื่อเข้ามาภายในบ้านจะพบกับ Foyer ที่มีความโปร่ง สูง โล่ง ด้วยระยะ Floor to ceiling 2.7 เมตร ถัดจากพื้นที่ Foyer ก็จะเป็น พื้นที่บันได ที่นำขึ้นไปสู่ชั้น 2 ของตัวบ้าน ซึ่งเป็นสเปซที่เริ่มใช้ชีวิตกันของคนภายในบ้าน
และข้างๆ กันก็จะเป็นพื้นที่สำหรับติดตั้งลิฟท์
Second Floor
สำหรับชั้น 2 เมื่อขึ้นบันไดมาจะพบกับ Living Area ก่อน ส่วนพื้นที่ข้างในจะเป็นในส่วนของพื้นที่ Dining Area ซึ่งสามารถนั่งได้ถึง 5-8 ที่นั่ง และ พื้นที่ Kitchen Area
ซึ่งการไล่ระดับ Plan Layout แบบนี้ ผมบอกเลยครับว่าทำให้ฟังก์ชันแยกกันเป็นส่วนตัวมากๆ สำหรับสมาชิกในบ้านที่มาใช้โซนต่างๆ ของชั้นนี้ได้ โดยที่ไม่รบกวนกัน
โดยบรรยากาศของโซน Living Area จะเป็นห้องที่ค่อนข้างกว้าง นอกจากจะวางโซฟาได้ใหญ่จุใจเหมือนภาพห้องตัวอย่างแล้ว ยังสามารถ Mix ฟังก์ชันต่างๆ เพิ่มเข้ามาตามใจชอบได้ด้วย เช่น มุมทำงาน หรืองานอดิเรกอื่นๆ
และสิ่งที่น่าสนใจของชั้นนี้ คือ บริเวณระเบียงจะมีความยาวตลอดหน้ากว้างของตัวบ้าน และตัวหน้าต่างที่มีความกว้างทำให้ผู้ที่มาใช้งานในชั้นนี้จะสัมผัสได้ถึงความโปร่งโล่ง กว้าง และความ Flow ของตัวห้อง
Third Floor
ในส่วนของชั้นที่ 3 จะถูกจัดฟังก์ชันให้เป็นพื้นที่พักผ่อน โดยแบ่งสเปซออกเป็น Master Bedroom และ ห้องนอน ซึ่งทั้งสองห้องมี ห้องน้ำ ระเบียง รวมถึง Walk-in Closet ในตัว
โดย Master Bedroom จะเป็นห้องที่อยู่ทางฝั่งหน้าบ้านที่มีขนาดใหญ่ ทำให้สามารถจัดฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างลงตัว ซึ่งบ้านตัวอย่างของทางโครงการได้จัดห้อง Master Bedroom ผ่านการจัดวางเตียงไว้กลางห้อง และพื้นที่ข้างๆ เตียงจัดเป็นมุมไว้สำหรับพักผ่อนและมุมทำงาน
ส่วนอีกฝั่งของห้องจะเป็น พื้นที่ห้องน้ำ และ พื้นที่ walk-in closet ที่จะอยู่หน้าห้องน้ำเลย ทำให้สามารถแต่งตัวเลือกเสื้อผ้าได้สะดวก
และห้องนอนอีกห้องของชั้นนี้ จะอยู่โซนด้านหลังของบ้าน โดยเป็นห้องนอนขนาดกำลังพอดี มีห้องน้ำ และ Walk-in Closet ครบเหมือนกับห้อง Master Bedroom แต่ในส่วนของบ้านตัวอย่างได้จัดทำเป็นตู้สำหรับโชว์สิ่งของ
Fourth Floor
สำหรับชั้น 4 จะเป็น Layout ห้อง Master Bedroom และ ห้องนอน เหมือนกับชั้นที่ 3 รวมถึงมีฟังก์ชันที่เหมือนกันอีกด้วย ทำให้ทาวน์โฮม Type นี้ สามารถจัดห้องนอนขนาดใหญ่ได้ถึง 2 ห้อง
สำหรับห้อง Master Bedroom จะเป็นห้องขนาดใหญ่ สามารถจัดวางเตียงขนาดใหญ่ได้ และยังมีพื้นที่พอดี สำหรับวางเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เสริมได้ อีกทั้งยังเป็นห้องที่เปิดรับแสงธรรมชาติจากบริเวณระเบียง ซึ่งเป็นฟอร์ม Façade รูปทรงเรขาคณิตหน้าบ้าน ที่นอกจากมีความสวยงามแล้วยังช่วยกันแดดได้ดี
ส่วนห้องนอนอีกห้องจะอยู่ด้านหลังของตัวบ้าน ซึ่งมี Walk-in Closet และ ห้องน้ำ รวมถึงระเบียงเช่นเดียวกันกับห้อง Master Bedroom แต่มีขนาดที่เล็กกว่า ทำให้เหมาะจะเป็นห้องนอนลูกหรือห้องทำงาน
สรุป
และทั้งหมดนี้คือข้อมูลที่น่าสนใจของโครงการ Noble Curve Ekamai-Ramindra ที่ผมรวบรวมมาให้ครับ ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่น่าสนใจ และเหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในย่านนี้
ด้วยฟังก์ชันงานดีไซน์และพื้นที่ใช้สอย ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างลงตัว เป็นได้ทั้งบ้านสำหรับครอบครัว และยังสามารถเปลี่ยนเป็นโฮมออฟฟิศได้อีกด้วย ตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ สะท้อนตัวตน เชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ บนทำเลศักยภาพอย่างเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา
Noble curve LIVE FREE ราคาเริ่มต้นที่ เริ่ม 13.9 ล้าน*
Free : Transfer fee
Free : 3 years common fee >> nobleurl.com/3pcpXSA
บอกเลยว่า โครงการ Noble Curve Ekamai-Ramindra ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับใครหลายๆ คนครับ เพราะซื้อทาวน์โฮม 1 หลัง ปรับได้ถึง 2 ฟังก์ชัน ร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่ลื่นไหล ปรับฟังก์ชันตามใจต้องการ ของคนรุ่นใหม่ ได้ที่นี่เลยครับ >> nobleurl.com/3pcpXSA
Livinginsider - Weekly Insight Report [10-16 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [03-09 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [27 Oct-02 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [20-26 Oct 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [13-19 Oct 2024]
2024-11-18
รีวิวโครงการรวดเร็วดีค่ะ
เขียนรีวิวน่าอ่าน เทคนิคการเขียนดีค่ะ
ตัวหนังสืออ่านง่ายมาครับ
สระน้ำกว้างมากเลย น่าเล่นน่าอยู่
แจ่มเลยค่ะ รีวิวได้ครบถ้วน