
Home
นายคาร์โล โพเบร รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการ บริษัทคอลลิเออร์ส ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทนายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังระดับโลก กล่าวว่า ชาวเมียนมาเผชิญปัญหาการเมืองที่ไม่แน่นอนภายในประเทศเมียนมา จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ชาวเมียนมามีฐานะ หรือนักธุรกิจรุ่นใหม่ต้องการหาซื้อบ้านในประเทศไทย
โดยในช่วง 2 ปีผ่านมา ชาวเมียนมาติดใน 3 อันดับแรกของยอดการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดมากสุดในไทย นอกจากนี้ ชาวเมียนมาเป็นกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยในประเทศไทยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังสิ้นสุดการระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย
ชาวเมียนมามีความสนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยกระจายใน 3 จังหวัดใหญ่ ได้แก่ กรุงเทพ ภูเก็ต และ เชียงใหม่ ชาวเมียนมาในระดับเศรษฐีจะสนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพ โดยนิยมซื้อในระดับราคา 10-20 ล้านบาท จะพบเห็นในย่าน สุขุมวิท พร้อมพงษ์ อโศก เป็นที่น่าสังเกตว่าคอนโดมิเนียมที่ชาวเมียนมาซื้อนั้นจะอยู่ติด หรือใกล้กับโรงพยาบาล โรงเรียนนานาชาติ ห้างสรรพสินค้า และโรงแรม
ขณะที่ชาวเมียนมาระดับกลางจะนิยมซื้อคอนโดมิเนียมในราคาระหว่าง 5-10 ล้านบาท จะอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าเพื่อจะได้เดินทางสะดวก ได้แก่ ย่านอารีย์ พญาไท และสามารถปล่อยเช่าหรือขายต่อได้ในราคาที่สูงขึ้นได้ เนื่องจากชาวเมียนมารุ่นใหม่ต้องการซื้อเพื่อลงทุน หรือปล่อยเช่าหรือขายต่อ เพื่อทำกำไรในอนาคต โดยจะชอบซื้อช่วงโครงการเปิดพรีเซลล์
สำหรับจังหวัดภูเก็ต ชาวเมียนมาที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต จะเน้นการซื้อสไตล์พูลวิลล่าในระดับราคา 40 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งตั้งอยู่ในย่านลากูน่า หาดบางเทา นอกจากนี้ ชาวเมียนมายังชื่นชอบการซื้อคอนโดมิเนียมในภูเก็ต เนื่องจากกลุ่มชาวเมียนมาที่เข้าไปซื้อนั้น ส่วนหนึ่งทำธุรกิจอยู่ในจังหวัดภูเก็ต และต้องการที่พักที่มีความเป็นส่วนตัวสูงมาก
ส่วนที่จังหวัดเชียงใหม่ ชาวเมียนมาสนใจซื้อบ้านเดี่ยวในระดับราคา 20-30 ล้านบาท สาเหตุจากจังหวัดเชียงใหม่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากประเทศเมียนมา ส่วนใหญ่ของกลุ่มคนชาวเมียนมาที่ซื้อรั้นจะเป็นกลุ่มเกษียณอายุ และครอบครัว โดยทำเลสุดฮิตของชาวเมียนมาจะอยู่นอกเขตเมือง เช่น สันกำแพง หางดง
รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการ บริษัทคอลลิเออร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า เมื่อพฤติกรรมของลูกค้าชาวเมียนมาที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยจะแตกต่างจากชาวจีนและชาวรัสเซียชัดเจน คนเมียนมาชอบความเป็นส่วนตัวสูง ไม่นิยมอยู่กันเป็นชุมชนเช่น ย่านไชน่าทาวน์
นอกจากนี้ ลูกค้าชาวเมียนมามีแนวโน้มในความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยมากขึ้น เพราะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ทำธุรกิจสตาร์ทอัพเริ่มออกมาขยายธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้น ถึงแม้ว่าชาวเมียนมาจะไม่ได้ซื้อในแง่จำนวนยูนิตมากมาย ซึ่งไม่เหมือนชาวจีน แต่ในด้านราคาต่อยูนิตกลับซื้อมีมูลค่าสูงมาก เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง
ขอบคุณที่มา : https://www.nationthailand.com/business/property/40035906
https://www.bangkokbiznews.com/property/1114987
แสนสิริ สรุปรายชื่อโครงการคอนโดมิเนียมที่เข้าไปตรวจสอบหลังแผ่นดินไหว ณ วันที่ 31 มี.ค. 68
16 minutes
“เสนา” ดึงประสบการณ์ “ฮันคิว ฮันชิน” พันธมิตรญี่ปุ่น ผู้เชี่ยวชาญความเสี่ยงจากภัยแผ่นดินไหว เดินหน้า 3 มาตรการช่วยเหลือ สร้างความปลอดภัยแก่ลูกบ้าน
yesterday
ชีวาทัย นำทีมวิศวกรพร้อมผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบโครงสร้างอาคารหลังแผ่นดินไหว ยืนยันบ้านและคอนโดทุกโครงการไม่ได้รับความเสียหายรุนแรง
yesterday
แสนสิริ ชวนมาปาร์ตี้ริมหาดสุดชิค ที่งาน “POP OF RED” เอนจอยกับ Beach Pop-up Event ในสไตล์ The Standard Residences, Hua Hin 12 เม.ย.-12 พ.ค. นี้
yesterday
ศุภาลัย ยืนยันโครงสร้างอาคาร 2 คอนโด “ศุภาลัย มอนเต้ @เวียง เชียงใหม่-ศุภาลัย มอนเต้ 2” ไม่พบความเสียหาย พร้อมดูแลลูกบ้านอย่างเต็มกำลัง
yesterday
วิเคราะห์ทำเลได้ดีมากค่ะ เห็นภาพตามชัดเจน
ชอบการเขียนลงทุนค่ะ
ดีมากๆ เป็นเว็บที่ให้ข้อมูลดีค่ะ
ชอบบทความที่นี่จัง ได้ความรู้
Good Job !!!