Favorite
“LIFE พระราม 4 - อโศก” เป็นคำตอบที่แทบไม่ต้องคิด ตอนรุ่นพี่ในวงการอสังหาฯ ถามว่าครึ่งปีที่ผ่านมาชอบโครงการไหนที่สุด เนื่องด้วยติดตามโครงการนี้ตั้งแต่ช่วงปี 2021 ตอนได้ที่ดินมาใหม่ๆ ไล่เรียงมาถึงตอนเปิด Sales Gallery ที่ช่วงนั้นยังแอบคิดว่าของจริงสร้างเสร็จจะตรงปกไหมนะ
และก็ไม่ผิดหวังแถมสวยและดีกว่าที่คิดเกินกว่าที่คาด สมกับเป็นแบรนด์จาก AP Thailand เมื่อได้เห็นว่าปีนี้ 2024 Life Rama 4 - Asoke (ไลฟ์ พระราม 4 - อโศก) สร้างเสร็จสมบูรณ์แบบเป็นที่เรียบร้อย!!
ซึ่งโครงการพร้อมอยู่บนย่านนี้มีไม่มาก จึงเปรียบเหมือนงานแรร์ไอเท็มก็ว่าได้ โดยเหตุผลที่ชื่นชอบเรามองจากสิ่งที่โครงการสะท้อนออกมาให้เห็นในหลายแง่มุม ที่แน่นอนล่ะว่าความสวยงามก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่เหนือไปอีกระดับคือการปักหมุดบนทำเลใจกลางเมืองติดถนนใหญ่
มาพร้อมส่วนกลางโดดเด่น 5 ชั้น แอบบอกว่าได้วิวอลังการมีให้เลือกถึง 3 มุมมอง ขณะที่ห้องพักอาศัยก็ถูกดีไซน์ Layout ใหม่ที่ให้ความสำคัญกับทุกขนาด ยิ่งไปกว่านั้นที่ว้าวกว่าคือ การทำราคาออกมาได้อย่างคุ้มค่าที่เริ่มประมาณ 4 ล้านต้นๆ* ที่จะเข้ามาตอบโจทย์กลุ่มคนวัยทำงานบนทำเลพระราม 4 และโซน CBD รอบด้าน เพื่อให้ใช้ชีวิตได้ง่ายและ Take Time ไปกับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ออกแบบเองได้อย่างลงตัว
CHOOSE YOUR SEAMLESSLY CONNECTED LIFE เชื่อมเส้นทางไพร์มโลเคชั่นได้แบบไร้รอยต่อ
ยอมรับว่าโครงการ “LIFE พระราม 4 - อโศก” เลือกลงหลักปักฐานได้เหมาะเจาะ บนทำเลพระราม 4 แบบติดถนนใหญ่ของจริง ซึ่งบริเวณที่ตั้งนั้นมีจุดเด่นตรงที่ไม่ค่อยมีตึกสูงมาบดบังวิวทิวทัศน์ อีกทั้งที่เป็นตัวคอนโดใหม่พร้อมอยู่ก็มีจำนวนน้อย ทำให้โครงการ Outstanding ออกมาได้อย่างชัดเจน
โดยย่านนี้หากใครใช้รถใช้ถนนถือว่าเดินทางได้ง่ายดายเลยทีเดียว เพราะคอนเน็กไปยังโซนต่างๆ ใกล้เคียงใจกลางกรุงเทพฯ ได้รอบด้าน ซึ่งหากจากโครงการวิ่งตรงยาวก็จะทะลุไปถึงเส้นสุขุมวิท พระโขนง อ่อนนุช แต่ถ้าลัดเลาะไปยังซอยสุขุมวิท 22, 24 และ 26 ก็จะเชื่อมไปยังพร้อมพงษ์ ทองหล่อได้เร็วกว่าการใช้ถนนหลัก
อีกฝั่งตรงสี่แยกพระราม 4 ก็จะไปได้ทั้งทางอโศก สีลม สาทร สามย่าน และรัชดาภิเษก นอกจากนี้โครงการยังอยู่ไม่ไกลจากทางพิเศษเฉลิมมหานคร ประมาณ 3 กิโลเมตร ทำให้สะดวกในการวิ่งเข้าเมืองหรือออกนอกเมืองได้ไม่ยาก
แต่ในช่วงเวลาเร่งด่วนหรือช่วงเวลาไพร์มไทม์ที่รถค่อนข้างติด ขนส่งสาธารณะอย่าง MRT ก็ช่วยได้เยอะ ซึ่งสถานีที่อยู่ใกล้โครงการได้แก่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ประมาณ 450 เมตร* สามารถทะลุเข้าตึก FYI ได้ ซึ่งลองเดินดูแล้วก็ไม่เหนื่อยอย่างที่คิดนะทุกคน หรือจะใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์ หรือกดเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันก็สะดวกสบาย
แหล่งไลฟ์สไตล์น่าจะไม่ต้องพูดเยอะ เพราะไม่ว่าจะหันไปทิศทางไหนก็เจอตั้งแต่ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต คอมมูนิตี้มอลล์ ไปจนถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ที่ล้วนเป็นสถานที่ขึ้นชื่อทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น A Square, K Village, NiHonMaChi, Emporium, Emquartier, Emsphere, Terminal 21, One Bangkok, The PARQ, Big C, Lotus’s รวมถึงร้านอาหารและคาเฟ่ให้เลือกอีกเพียบ
Photo credit by : plus.thairath
แต่ที่โดดเด่นไม่แพ้กันคืออยู่ใจกลางธุรกิจชั้นนำย่าน CBD ทำให้ถูกล้อมรอบด้วยบริษัทและสำนักงานออฟฟิศชื่อดัง ได้แก่ อาคาร FYI Center, The PARQ, ThaiBev Quarter Tower, มาลีนนท์ ทาวเวอร์, Interchange 21 Tower และ Exchange Tower เป็นต้น
ส่วน สถานศึกษา ละแวกนี้ก็มีทั้ง รร.พระหฤทัยคอนแวนต์, รร.สายน้ำผึ้ง, รร.นานาชาติเวล์ส ทองหล่อ, รร.นานาชาติ ASB Sukhumvit Campus, ม.กรุงเทพ กล้วยน้ำไท, มศว และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ขณะที่ สถานพยาบาลชั้นนำ ก็อยู่ไม่ไกลจากโครงการ เช่น รพ.เมดพาร์ค, รพ.สมิติเวช สุขุมวิท, รพ.บำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล และรพ.กล้วยน้ำไท
ไม่เพียงเท่านั้นเพราะยังมีสถานที่สำคัญ ที่แตกต่างจากทำเลอื่นนั่นก็คือการมี ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ รวมไปถึงสวนสาธารณะขนาดใหญ่ปอดแห่งใจกลางกรุงเทพฯ อย่างสวนป่าเบญจกิติและสวนลุมพินี
CHOOSE YOUR PRODUCTIVITY MEETS RECREATION
“ไลฟ์ พระราม 4 - อโศก” จึงนับเป็นแลนด์มาร์กสำหรับที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ย่านพระราม 4 ที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์และตอบโจทย์การใช้ชีวิตจริงครบจบที่ทุกคนมองหา ผ่านคอนเซ็ปต์ CHOOSE LIFE CHOOSE EVERYTHING ชีวิตที่ไม่ต้องเลือก เพราะที่นี่คุณได้ทุกอย่าง
โดยโครงการเป็นคอนโด High Rise สูง 39 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 1,237 ยูนิต บนที่ดินขนาด 5-2-7.5 ไร่ สามารถจอดรถได้ 40% (ไม่รวมซ้อนคัน) ซึ่งตัวอาคารออกแบบให้เป็นรูปตัวแอลแล้วเขยิบไปด้านหลังห่างจากถนนใหญ่ประมาณหนึ่ง เพื่อป้องกันฝุ่นและเสียงรบกวนจากภายนอก
นอกจากนี้ส่วนที่น่าชื่นชมและนับเป็นจุดขายของโครงการ “LIFE พระราม 4 - อโศก” คือการออกแบบ พื้นที่ส่วนกลาง 5 ชั้น (Quintuple Facilities) หรือกว่า 5 ไร่ ที่มากกว่า 8,635 ตารางเมตร พร้อมอัปเกรดสเปซฟังก์ชันรองรับ WORK - PLAY - CHILL - PEACE ทุกองค์ประกอบเชื่อมโยงถึงกันได้อย่างไร้ที่ติ
ขอเริ่มตั้งแต่หน้าทางเข้า-ออกที่ทางโครงการทำออกมา 2 จุด คือจุดเดินรถ และทางเดินเท้าซึ่งจะต้องใช้ระบบ Face Scan เท่านั้น นอกจากนี้ตามจุดต่างๆ ภายในโครงการก็ใช้ระบบนี้เช่นเดียวกัน
พอเข้ามาแล้วจะถูกต้อนรับด้วย Sylvan Park พื้นที่ธรรมชาติขนาดใหญ่สร้างความร่มรื่นร่มเย็น ซึ่งจัดซุ้มที่นั่งเอาไว้พอสมควร เพื่อให้ลูกบ้านออกมานั่งเล่นหรือเดินเล่นรับลมกัน
แต่ถ้าเดินตามทางต่อไปเรื่อยๆ จะเจอกับโซนสวนสีเขียวอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งรองรับพื้นที่นั่งเล่นแบบในร่มอยู่ใต้อาคารเอาไว้ให้อย่างเป็นสัดเป็นส่วน
ย้อนกลับมาตรงจุดทางเข้าภายในตัวอาคาร โดยฝั่งหนึ่งคือ The Parlour ซึ่งเป็นเหมือนพื้นที่นั่งรอรับอาหาร และสามารถเปลี่ยนบรรยากาศนั่งกินข้าวสังสรรค์ที่ห้องนี้ได้
ติดกันเป็น Smart Locker สำหรับไว้ฝากของได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ลูกบ้านสามารถมารับของได้ตลอดเวลา
ฝั่งตรงข้ามจะเจอกับพื้นที่ที่เปรียบเหมือนเส้นเลือดใหญ่ที่เชื่อมไปยัง Facilities โซนต่างๆ นั่นก็คือ Playfulness Bar จัดสรรสเปซมาอย่างกว้างขวาง ดีไซน์ที่นั่งหลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์ทั้งแบบนั่งชิลผ่อนคลาย นั่งทำงานจริงจัง หรือรับรองแขกก็ดูดีทุกมุม
อีกหนึ่งจุดเด่นของโซนนี้คือเหมือนถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติ ทำให้ไม่ว่าจะนั่งมุมไหนก็มองเห็นวิวสวนข้างนอกแบบใกล้ชิด
คอนเน็กไปยัง Semi Outdoor Lobby จุดกึ่งกลางที่จะพาไปยังโซน Chilled-Out Lab ออกแบบให้เป็นห้องทรงกลมที่ล้อมรอบด้วยกระจกรอบด้าน 360 องศา เปิดรับวิวสวนร่มรื่นพร้อม Seating ที่จัดมาให้ทั้งแบบนั่งและนอน
ถัดไปเป็น The Green Tunnel ซึ่งกั้นแยกแบ่งเป็นหลายๆ ห้อง และยังคงโดดเด่นด้วยกระจกที่มองเห็นวิวสวนภายนอกได้เต็มสายตา สามารถมานั่งทำงานแบบส่วนตัวได้เป็นอย่างดี
ด้านในสุดมี Meeting Room สำหรับใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในการทำงานหรือประชุม
สุดท้ายสำหรับชั้นล่าง The Reception ห้องสำหรับติดต่อนิติบุคคล รวมถึงรับพัสดุและมี Mail Box ด้านหลังที่ดูดีดูแพงมากทีเดียว
ส่วน Facilities อื่นๆ จะอยู่ตั้งแต่ชั้น 36-39 ซึ่งล้วนเป็นไฮไลท์ที่น่าสนใจในทุกๆ จุด อย่างชั้น 36 ที่เชื่อมต่อกับชั้น 37 โดยฝั่งหนึ่งที่ชั้น 37 จะเจอกับ The Common พื้นที่สีเขียวมุมสูงพร้อมจัดที่นั่งให้เล่นระดับไล่สเต็ปลงไป โดยเป็นแบบ Semi-Outdoor ทำให้นั่งเล่นได้ตลอดทั้งวัน
ติดกันเป็นอีกหนึ่งจุดพื้นที่เล่นระดับแบบ Outdoor นั่นก็คือ The Chill Corner ไว้สำหรับนั่งรีแลกซ์ชมวิวรับลมเย็นๆ โดยพื้นที่บริเวณนี้จะมีลิฟต์แก้วบริการลูกบ้านเพิ่มเติม
ส่วนอีกฟากหนึ่งจะพาเดินบันไดลงไปยังชั้น 36 ซึ่งระหว่างทางก็โอบล้อมไปด้วยต้นไม้สีเขียวสร้างบรรยากาศร่มรื่นสบายตา
หลังจากเดินตามทางมาเรื่อยๆ จะพบกับ Sky Studio ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ห้อง ได้แก่ ห้องที่เหมาะสำหรับประชุมงาน หรืออยากนั่งทำงานแบบเป็นส่วนตัวขั้นสูงสุด
อีกห้องเหมือนเป็นห้องดูหนังบรรยากาศนั่งชิลสบายๆ หรือจะนั่งทำงานก็ได้เช่นเดียวกัน
เดินไปด้านในสุดจะเป็นไฮไลท์พิเศษที่น่าสนใจอย่างมาก The Circular Lounge สร้างสรรค์พื้นที่ตรงตามชื่อ โดยเป็นลักษณะวงกลม จัดโต๊ะ เก้าอี้ โซฟา เอาไว้หลากหลายรูปแบบกระจายไปตามมุมต่างๆ เพื่อให้ได้เห็นวิวแบบพาโนรามา 180 องศา
ไปกันต่อที่ชั้น 38 บอกเลยว่า Facilities ก็ไม่ธรรมดา จัดสรร Activity ที่เน้นไปทาง Active ซึ่งสายออกกำลังกายต้องชอบแน่นอน เพราะมีทั้ง The Muscle Factory Panoramic Fitness ห้องฟิตเนสขนาดใหญ่บวกกับกระจกล้อมรอบที่ให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง รวมถึงแบ่งสเปซออกเป็นหลายมุมและได้ความเป็นส่วนตัวด้วยกระจกกั้น
พร้อมเครื่องออกกำลังกายครบครัน อีกทั้งยังมีห้อง Spin Bike เป็นเกมปั่นจักรยานที่ได้ทั้งสุขภาพและความสนุกสนาน
ส่วนกลางอีกฝั่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นซิกเนอเจอร์อันโดดเด่นของโครงการต้องยกให้ Swimming Pool& Jacuzzi สระว่ายน้ำ 6 ฟังก์ชัน เป็นระบบเกลือที่มีความยาวถึง 50 เมตร สามารถว่ายออกกำลังกายได้อย่างอิสระ
หรืออยากแช่น้ำชิลๆ ก็มีทั้งมุมนั่งเล่นในน้ำและ Jacuzzi รวมถึงแยกสระเด็กให้เรียบร้อย
นอกจากนี้ตรงทางเดินอีกฝั่งของสระว่ายน้ำก็จัดที่นั่งเอาไว้ให้แบบจริงจัง จะนั่งเล่นมองวิวหรือเอางานขึ้นมาทำตรงนี้ก็ได้ฟีลไปอีกแบบ
ไม่เพียงเท่านั้นหากเดินลงมาข้างใต้สระว่ายน้ำจะเจอกับ Sundown Terrace จัดพื้นที่นั่งให้ขนานยาวไปกับสระว่ายน้ำ คือโครงการนี้ออกแบบมาให้ทุกพื้นที่สามารถนั่งชิลหรือนั่งทำงานได้รอบด้านของจริง
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดกับส่วนกลางบนจุดสูงสุดที่ชั้น 39 Rooftop Garden เปรียบเหมือนสวนลอยฟ้า ที่ให้เราได้ใกล้ชิดธรรมชาติทั้งท้องฟ้า วิวทิวทัศน์ และสวนสีเขียวได้อย่างลงตัว
CHOOSE YOUR OWN PIECE OF BANGKOK'S TRIPLE PANORAMA
ขอปิดจบส่วนกลางที่ให้ความแตกต่างจากโครงการอื่นและอยากนำเสนอ คือเป็นคอนโดที่เปิดรับทัศนียภาพสุดอลังการ และให้วิวมากถึง 3 มุมมอง ทั้งวิวสวนเบญจกิติ สวนขนาดใหญ่ใจกลางเมือง วิวโค้งน้ำบางกะเจ้า และวิวเมืองสุขุมวิท - อโศก
ซึ่งในแต่ละโซนของส่วนกลางก็ให้วิวสวยที่แตกต่างกันไป ยกตัวอย่างมุม The Common, Sky Studio, The Muscle Factory Panoramic Fitness, Sundown Terrace และ Swimming Pool& Jacuzzi จะมองเห็นโค้งแม่น้ำได้แบบสุดสายตา
หรือถ้าอยากมองเห็นสวนสีเขียววิวสวนเบญจกิติและวิวเมือง ต้องไปชมที่โซนสระว่ายน้ำ โดยเฉพาะ The Circular Lounge และ Rooftop Garden จะเป็นส่วนกลางที่มองเห็นครบทั้งสามวิวเลย ซึ่งไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของส่วนกลางก็จะได้รับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามไม่ซ้ำใคร
CHOOSE YOUR EMPOWERED LIFE: ALL NEW LAYOUTS - REIMAGINED LIVING
อย่างไรก็ตามห้องพักอาศัยยังคงเป็นประเด็นหลักที่โครงการ "Life Rama 4 - Asoke" ให้ความสำคัญและพิถีพิถันในการออกแบบกับทุกขนาดห้อง โดยได้ดีไซน์ห้องชุดในรูปแบบ SimPlex ขึ้นมาใหม่ ปรับเปลี่ยน Layout ให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตมากขึ้น และที่เพิ่มเข้ามาคือการที่เราเลือกวิวทั้ง 3 ได้ตามใจชอบ
โดยโครงการขายแบบ Fully Fitted ได้ Digital Door Lock เครื่องปรับอากาศ บิวท์อินเคาน์เตอร์ครัว และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ ส่วน Floor to Ceiling สูง 2.6 เมตร ซึ่งมีห้องพักอาศัยให้เลือกดังนี้
1. 1 Bedroom ขนาด 26.5 – 32 ตารางเมตร |
2. 1 Bedroom Plus ขนาด 35 – 38 ตารางเมตร |
3. 2 Bedrooms ขนาด 47 – 75 ตารางเมตร |
ทั้งนี้โครงการยังมีห้อง Vertiplex ให้เลือกแต่น่าเสียดายที่ถูกจับจองจน Sold Out ทุกยูนิตไปเรียบร้อยแล้ว
ขณะเดียวกันหากดูจากแปลนจะเห็นว่าส่วนของห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 9 จนถึงชั้น 36 ซึ่งชั้น 36 มีส่วนกลางร่วมด้วยทำให้มีห้องจำนวนยูนิตน้อย ที่หากใครอยากได้ความเป็นส่วนตัวก็ขอแนะนำ โดยส่วนของลิฟต์โดยสารจะได้ทั้งหมด 7 ตัว กระจายออกไป 2 จุด เพื่อลดความแออัดและสร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้อยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น
► 1 Bedroom ขนาด 28.5 ตารางเมตร
ปกติส่วนตัวจะชอบห้องขนาดมากกว่า 35 ตารางเมตรขึ้นไป แต่ห้องที่จะพาไปชมนี้แม้มีขนาด 28 ตารางเมตร แต่กลับออกแบบมาได้อย่างน่าสนใจเหมือนได้ห้องไซส์ใหญ่เลยก็ว่าได้ ถือว่าตอบโจทย์คนมีงบในประเป๋าไม่มาก
ตั้งแต่เปิดประตูเข้ามาจะเห็น Common Area เปิดโล่งเชื่อมต่อกัน โดยส่วนแรกคือห้องครัวแบบครัวเปิด บิวท์เคาน์เตอร์ครัวพร้อมตู้เก็บของชั้นบนมาให้ครบเซต พร้อม Top หินสังเคราะห์ได้เรื่องความแข็งแรงทนทาน
แต่ที่ชอบคือการกรุกระเบื้องเซรามิคตรง Backsplash มาให้ เพราะเวลาเลอะคราบสกปรกจะช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่าย รวมถึงได้เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งเตาไฟฟ้าและ Hob & Hood จากแบรนด์ Teka
ติดกันสามารถวางโต๊ะและเก้าอี้ขนาด 2 ที่นั่ง ที่ได้ทั้งนั่งกินข้าวและนั่งทำงาน หรือจะบิวท์แบบห้องตัวอย่างก็เป็นการประหยัดพื้นที่ได้เป็นอย่างดี
เชื่อมต่อไปยัง Living Area วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง โต๊ะกลางอีกซะตัว และบิวท์ชั้นวางทีวีเพิ่มอีกซะหน่อยก็เป็นอันจบสมบูรณ์แบบ
โดยห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งอยู่แล้วไม่รู้สึกอึดอัด ขณะเดียวกันสเปซตรงโซนนี้มีความกว้างขวางพอสมควร เพราะนอกจากวางเตียง 5 ฟุตแล้ว ยังมีพื้นที่เหลือมากพอตรงบริเวณตู้เสื้อผ้า แต่ถ้าใครเสื้อผ้าไม่เยอะแนะนำบิวท์เป็นชั้นหรือเป็นตู้เก็บของ หรือเปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงานไปเลยก็แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัย
ส่วนมุมวางตู้เสื้อผ้าก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไปอยู่ตรงไหน นั่นก็เพราะว่าห้องนี้มี Walk-In Closet แถมทางโครงการยังกั้นด้วยประตูกระจกมาให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนตัวชอบมากหรือสายแฟชั่นก็ต้องปลื้มแน่นอน เพราะมีสเปซในการบิวท์ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้แบบเต็มผนังและได้ความเป็นสัดเป็นส่วน
ติดกันเป็นประตูระเบียง ทำให้บริเวณนี้อากาศถ่ายเทได้สะดวกและได้รับแสงธรรมชาติเต็มที่ ซึ่งขนาดพื้นที่ระเบียงก็อยู่ในระดับมาตรฐาน
ฝั่งหนึ่งคือห้องน้ำที่ให้ขนาดค่อนข้างใหญ่ จัดสุขภัณฑ์มาให้ครบถ้วนทั้งอ่างล้างหน้าพร้อมตู้เก็บของข้างใต้ และที่วางของด้านหลังอ่าง รวมถึงได้กระจกเงายาวสุดผนัง โถสุขภัณฑ์ และ Hand Shower โซนอาบน้ำที่กั้นด้วยประตูกระจกแยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน
► 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตารางเมตร
อีกหนึ่ง Type ที่ได้รับความนิยมทั้งจากคนโสด มีคู่ และกลุ่มครอบครัวเริ่มต้น ซึ่งเปิดประตูเข้ามาก็รู้สึกประทับใจทันที อาจเพราะชอบสไตล์การตกแต่งห้องที่มีความมินิมอลเรียบง่ายแต่สวยงาม และ Layout ที่มีทั้งแบบเปิดโล่งและแบบแบ่งเป็นสัดส่วน
โดยครัวเปิดจะเป็นส่วนแรกที่พบ เหมาะกับคนที่ไม่ถนัดทำอาหารเน้นซื้อเน้นสั่งมากินมากกว่า ซึ่งก็ได้บิวท์เคาน์เตอร์ครัวทุกอย่างเหมือนกับห้องแรกเลย
ห้องน้ำออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้งานจริง โดยทำทางเข้า-ออกเอาไว้สองทางคือตรงครัวกับในห้องนอน ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกสะดวกสบายมากขึ้น
ถัดมาเป็นโซนนั่งกินข้าวและโซนนั่งเล่น ซึ่งโครงการตกแต่งให้ทุกอย่างคอนเน็กกันผ่านเฟอร์นิเจอร์ แต่เราจะแยกเป็นโซฟาและโต๊ะกินข้าวออกจากกัน ก็มีสเปซมากพอให้สามารถทำได้เหมือนกัน
ติดกันเป็นห้อง Multipurpose ที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ซึ่งเป็นได้ทั้งห้องนอนเด็ก ห้องทำงาน แม้แต่ห้องแต่งตัวก็ปรับเปลี่ยนได้อย่างอิสระ
กลับมาดูที่ห้องนอนจะได้เป็นประตูบานทึบเพิ่มความเป็นส่วนตัว ซึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่กว้างขวาง วางเฟอร์นิเจอร์ได้แบบครบเซต
ไม่ว่าจะเป็นเตียงขนาด 5 ฟุต ตู้เสื้อผ้าที่บิวท์แบบสุดเพดานจะช่วยเก็บเสื้อผ้าได้มากขึ้น และฝั่งริมระเบียงก็มีสเปซเหลือให้วางโต๊ะเครื่องแป้งได้อีกด้วย
ระเบียงของห้อง Type นี้ค่อนข้างกว้างขวางประมาณหนึ่ง ทำเป็นพื้นที่นั่งเล่น Outdoor มองวิวได้แบบเป็นส่วนตัว
เล่าครบทุกดีเทลเจาะลึกทุกมิติของโครงการ "LIFE พระราม 4 - อโศก" มาขนาดนี้แล้ว จึงขอสรุปสั้นๆ อีกเล็กน้อยว่า… ลองมาดูมาจองกันเถอะ!!! การันตีได้ว่าจะสามารถตอบสนองทุกความต้องการของกลุ่มคนวัยทำงาน หรือใครที่กำลังมองหาคอนโด ที่สามารถต้องการใช้ชีวิตได้อย่างเป็นตัวเองมากที่สุด
โครงการพร้อมอยู่ใหม่ล่าสุด พร้อมแล้วที่จะให้ทุกคนได้เห็นจริง สเปซจริง ห้องจริง และหากลูกเพจคนไหนสนใจจับจอง ทางโครงการก็มีส่วนลด On Top ให้เพิ่มอีก 20,000 บาท* คลิกลงทะเบียนที่ลิงก์นี้กันเลย >>> https://apth.ly/gdpo
Livinginsider - Weekly Insight Report [10-16 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [03-09 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [27 Oct-02 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [20-26 Oct 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [13-19 Oct 2024]
2024-11-18
เขียนได้เชิญชวนซื้อมากๆ
เขียนบทความตามกระแส ทันเหตุการณ์ดีค่ะ
รีวิวซะอยากซื้อเลยครับ
ไม่ต้องไปดูห้องจริงเลยค่ะ รีวิวแน่นมากค่ะ ทั้งข้อมูล และภาพ