Knowledge
icon share

ตรวจเช็กไฟฟ้าในบ้านอย่างไรให้ปลอดภัย

Livinginsider Report 2024-09-13 10:06:27
ตรวจเช็กไฟฟ้าในบ้านอย่างไรให้ปลอดภัย

ระบบไฟฟ้าในบ้านเป็นสิ่งที่เราใช้ทุกวัน แต่บ่อยครั้งกลับมองข้ามความสำคัญของการตรวจเช็กเพื่อความปลอดภัย การตรวจสอบระบบไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอไม่เพียงแค่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุไฟฟ้าลัดวงจร แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้ด้วย

การตรวจเช็กระบบไฟฟ้าในบ้านสำคัญอย่างไร

การตรวจเช็กระบบไฟฟ้าในบ้านเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะหากระบบไฟฟ้าเกิดความเสียหายหรือใช้งานไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ไฟไหม้ หรือการบาดเจ็บจากไฟฟ้าได้ การตรวจเช็กระบบไฟฟ้าเป็นประจำจึงเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุในบ้าน และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่อาจเกิดขึ้นจากความเสียหายที่เกิดจากไฟฟ้าได้

7 วิธีตรวจเช็กระบบไฟฟ้าในบ้าน 

ตรวจเช็กไฟฟ้าในบ้านอย่างไรให้ปลอดภัย

หลังจากที่ได้รู้ถึงความสำคัญของการตรวจเช็กระบบไฟฟ้าในบ้านกันแล้ว จะเห็นได้ว่าการตรวจเช็กระบบไฟฟ้าในบ้านเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก มาดูกันว่า 7 วิธีการตรวจเช็กระบบไฟฟ้าในบ้าน มีอะไรบ้าง

1. เช็กมิเตอร์ไฟฟ้า

เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้า สังเกตว่าตัวเลขในมิเตอร์มีการหมุนหรือไม่ หากพบว่ามีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณว่ามีการใช้ไฟฟ้าเกินปกติหรือมีปัญหาที่ต้องรีบแก้ไข เช่น หากมิเตอร์ยังหมุนอยู่แม้ว่าเราจะปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดแล้ว ควรติดต่อช่างไฟฟ้าเพื่อมาตรวจสอบ

2. เช็กเมนสวิตช์

เมนสวิตช์เป็นอุปกรณ์ที่ควบคุมการจ่ายไฟฟ้าทั้งบ้าน ควรตรวจสอบว่าเมนสวิตช์ทำงานได้ปกติหรือไม่ โดยลองปิด-เปิดดูว่ามีเสียงผิดปกติหรือไม่ รวมถึงเช็กว่ามีฝุ่นหรือความชื้นสะสมอยู่หรือไม่ การตรวจสอบเมนสวิตช์เป็นประจำช่วยให้มั่นใจได้ว่า หากเกิดปัญหาเราสามารถตัดไฟได้ทันที

3. เช็กสายไฟฟ้า

สายไฟฟ้าเป็นส่วนที่ควรได้รับการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ โดยเช็กว่าสายไฟยังอยู่ในสภาพดี ไม่มีการชำรุดหรือเสื่อมสภาพ หากพบสายไฟที่ชำรุด เช่น มีรอยขาด หรือสายไฟที่หุ้มด้วยพลาสติกเสื่อม ควรเปลี่ยนทันทีเพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร

4. เช็กปลั๊กไฟ

ปลั๊กไฟที่ใช้งานเป็นประจำควรได้รับการตรวจสอบว่ายังอยู่ในสภาพดีหรือไม่ เช่น ตรวจสอบว่าปลั๊กแน่นหนา ไม่มีรอยแตกร้าวหรือไหม้ และอย่าเสียบปลั๊กที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงเกินกว่ากำลังที่ปลั๊กสามารถรับได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการโอเวอร์โหลดที่อาจทำให้ปลั๊กไฟไหม้ ถือเป็นหนึ่งในการตรวจเช็กระบบไฟฟ้าในบ้านที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด

5. เช็กสายดิน

สายดินเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ควรตรวจสอบว่าสายดินยังเชื่อมต่ออยู่และไม่มีการชำรุด สายดินจะช่วยให้ไฟฟ้าที่ลัดวงจรสามารถไหลลงดินได้อย่างปลอดภัย และป้องกันไม่ให้เกิดการช็อตไฟฟ้า นอกจากนี้ใครที่อยากซื้อคอนโดหรือบ้านจึงต้องตรวจสอบเรื่องการติดตั้งสายดินก่อนตัดสินใจซื้อ 

6. เช็กสวิตช์ไฟฟ้า

การตรวจสอบสวิตช์ไฟฟ้าเป็นเรื่องที่หลายคนมักมองข้าม ควรตรวจเช็กว่าสวิตช์ไฟฟ้าทำงานได้ตามปกติ ไม่มีเสียงที่ผิดปกติ หรือเกิดความร้อนเมื่อเปิดใช้งาน สวิตช์ที่มีปัญหาอาจเป็นสาเหตุให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้

7. เช็กเครื่องใช้ไฟฟ้า

เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้งานเป็นประจำควรได้รับการตรวจสอบสภาพว่าทำงานได้ปกติหรือไม่ เช่น เช็กสายไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้าว่ายังแน่นหนาและไม่มีรอยขาด หรือเช็กว่าตัวเครื่องไม่มีรอยแตกร้าวที่อาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร การตรวจเช็กเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นประจำจะช่วยยืดอายุการใช้งานและป้องกันปัญหาไฟฟ้าลัดวงจรได้ นอกจากนี้หากเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านอายุนานมากเกินไป แม้จะยังไม่พังจนใช้ไม่ได้แต่เพื่อความปลอดภัยควรเปลี่ยนใหม้จะช่วยป้องกันการไหม้ของระบบวงจรภายในได้ 

หากไม่เช็กระบบไฟฟ้าในบ้านส่งผลอันตรายอย่างไร

หากไม่ทำการตรวจเช็กระบบไฟฟ้าในบ้าน อาจทำให้เกิดปัญหาที่ร้ายแรงได้ เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร ไฟไหม้ หรือการบาดเจ็บจากไฟฟ้า อุบัติเหตุเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินเท่านั้น แต่ยังอาจทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตของผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านด้วย ดังนั้น การตรวจเช็กระบบไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

สรุปบทความ

ตรวจเช็กไฟฟ้าในบ้านอย่างไรให้ปลอดภัย

การตรวจเช็กระบบไฟฟ้าในบ้านเป็นเรื่องที่สำคัญและไม่ควรมองข้าม การทำตามวิธีที่แนะนำข้างต้นจะช่วยให้บ้านของคุณปลอดภัยจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น หากคุณกำลังต้องการซื้อบ้านหรือคอนโดเพื่ออยู่อาศัย Livinginsider มีบริการที่ช่วยให้คุณสามารถเลือกบ้านหรือคอนโดที่เหมาะสมกับความต้องการ

>> ช่องทางในการติดตามข่าวสาร <<
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @livinginsider ที่นี่

Article Other

livinginsider livinginsider