ลลิล เพลย์เซฟไม่เน้นเปิดตัวเยอะหันทำบ้านสั่งสร้างรับมือ ศก.ชะลอตัว

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ขยาดคอนโดฯ งัดแผนธุรกิจประคองตัว ผ่อนคันเร่งเปิดตัวโครงการใหม่เหลือ 4,000 ล้านบาทต่ำกว่าปีก่อน มองเศรษฐกิจไทยยังเหนื่อย ปรับกลยุทธ์หันมาทำบ้านสั่งสร้าง เผยผลงานปี′59 รับรู้รายได้ 2,700 ล้าน ปีนี้ขอโตต่อเนื่อง 15% ขยับเป้ารับรู้รายได้เป็น 3,100 ล้าน

นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนลงทุนปี 2560 ตั้งเป้าเปิดตัวใหม่ 8-10 โครงการ มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท โดยเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด ทำเล 70% อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล อีก 30% อยู่ในต่างจังหวัด โดยสนใจขยายโครงการต่อเนื่องในภาคตะวันออก
 

สำหรับเป้ายอดขายตั้งไว้ 3,600 ล้านบาท เป้ารับรู้รายได้ 3,100 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตจากปีก่อน 15% ที่มียอดรับรู้รายได้ 2,700 ล้านบาท ปัจจุบันมีแบ็กล็อกรอโอน 750 ล้านบาท และสต๊อกสินค้าพร้อมอยู่ 2,000 ล้านบาทกระจายใน 30 โครงการ
 

นายไชยยันต์กล่าวว่า จากการประเมินปี 2560 ภาพรวมเศรษฐกิจยังชะลอตัว โดยจีดีพีประเทศไทยน่าจะขยายตัว 3.3-3.8% จากภาคการท่องเที่ยว การใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุนภาคเอกชน สิ่งน่าเป็นห่วงคือปัญหาราคาสินค้าเกษตร และน้ำท่วมภาคใต้ขยายวงกว้างขึ้นจนอาจกระทบการท่องเที่ยว ส่งผลต่อภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโต 3-5% เท่านั้น โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท และคอนโดฯต่างจังหวัดมีภาวะโอเวอร์ซัพพลายสูงมาก บริษัทงดเปิดตัวโครงการแนวสูงเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ส่วนสต๊อกห้องชุดในมือมีเฉพาะห้องหลุดดาวน์จำนวนไม่มากนัก
 

"เชื่อว่าปี′60 ต้องระมัดระวังยิ่งกว่าปีที่แล้ว ผู้ประกอบการต้องดูแลเรื่องสภาพคล่อง เน้นขายสต๊อกเก่าให้มาก ๆ เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน ไม่เปิดของใหม่มากเกินไป" นายไชยยันต์กล่าว
 

นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้บริษัทเน้นเปิดตัวแบรนด์ลลิล ทาวน์ เป็นหลัก รูปแบบเป็นโครงการมิกซ์โปรดักต์ระหว่างทาวน์โฮมกับบ้านเดี่ยวในทำเลเดียวกัน ราคา 1-6 ล้านบาท เนื้อที่ 40-60 ไร่ เพื่อให้ลูกค้ามีตัวเลือกในการตัดสินใจซื้อ
 

ขณะเดียวกันปรับกลยุทธ์การขายจากเดิมทำบ้านพร้อมอยู่ จะเพิ่มตัวเลือกมีบ้านสั่งสร้างในโครงการเพื่อลดปัญหายอดปฏิเสธสินเชื่อหรือรีเจ็กต์เรตที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็น20-25%ทั้งนี้ ข้อดีของบ้านสั่งสร้างทำให้ลูกค้ามีเวลาผ่อนดาวน์ 5-10% เท่ากับลดวงเงินขอกู้โดยอัตโนมัติ โอกาสสินเชื่อได้รับการอนุมัติจะมีสูงขึ้น หากกู้ไม่ผ่านบริษัทแนะนำเปลี่ยนจองบ้านในโซนบ้านสั่งสร้างที่มีเวลาผ่อนดาวน์ 3-6 เดือน เก็บเงินดาวน์ 5-10% 
 

"ผลประกอบการปี′59 เปิดตัวใหม่ 9 โครงการ มูลค่ารวม 4,500 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 2,800 ล้านบาทแต่ทำได้ 3,500 ล้านบาท สูงกว่าเป้า 25% และตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้ 2,400 ล้านแต่ทำได้ 2,700 ล้านบาท สูงกว่าเป้า 13% ปีนี้มั่นใจว่ายอดรับรู้รายได้สามารถทำได้โตต่อเนื่องอยู่ที่ 15%" นายชูรัชฏ์กล่าว

ขอบคุณภาพและข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1484124294